เจ้าสาวร้อยเล่ห์ - ตอนที่ 72 ละครของหญิงสาว (1)
คุณหนูตระกูลสูงส่งและพวกสะใภ้แต่ละตระกูลค่อยๆ ทยอยกันเข้ามาหลังจากผ่านไปประมาณครึ่งก้านธูปอย่างที่คิด แต่คนที่มาถึงเรือนมีคู่เร็วกว่าพวกเขาก็หนีมิพ้นหลิงหลงและจิงอิ๋ง เด็กสาวสองคนที่สนิทสนมกับนางมากที่สุด พวกนางกลับถึงห้องของตัวเอง หลังจากผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเล็กน้อยแล้ว ก็ตามเข้ามาทันที คล้ายกับเป็นห่วงว่าเยี่ยนมี่เอ๋อร์ที่อ่อนโยนนั้นจะได้รับความไม่เป็นธรรมอันใด ทำให้ซั่งกวนเจวี๋ยที่เห็นทั้งขบขันทั้งถอนหายใจ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสายเลือดของตระกูลซั่งกวนที่หลอมรวมอย่างเข้มข้นหรือเปล่าจึงได้เกิดเรื่องแปลกเช่นนี้ออกมา แม้ว่าพวกเขาจะไม่ถึงกับชอบคนที่อ่อนโยนประเภทนี้ กระนั้นกลับทนไม่ไหวที่จะเกิดความสงสารกับคนแบบนี้เช่นกัน
หลิงหลงและจิงอิ๋งรู้ว่าเยี่ยนมี่เอ๋อร์ฉลาดหลักแหลม รู้ว่าพี่สะใภ้คนนี้ไม่ได้ดูอ่อนแออย่างที่เห็นเพียงภายนอกถึงขนาดนั้น ยิ่งรู้ดีอีกว่านางมีแผนในหัวมากมาย แม้พวกนางทั้งสองคนจะรวมแรงกันก็ยังไม่เพียงพอที่จะจัดการเยี่ยนมี่เอ๋อร์ได้อยู่ดี หากปฏิบัติตัวดีต่อนาง นางก็ย่อมทำดีตอบ แต่หากคิดจะประสงค์ร้ายหาเรื่องจับผิด นางก็ไม่อาจรับศึกอย่างตรงๆ แต่จะใช้วิธีทางอ้อมแทน ให้เรื่องราวทั้งหมดที่คนผู้นั้นทำมาย้อนกลับเข้าไปหาตัวเอง ทั่วป๋าฉินซินก็เป็นตัวอย่างหนึ่งที่มีให้เห็นอยู่ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นพวกนางก็ยังคงอดเข้ามาเพราะความเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี
ไม่ว่าจะเป็นหลิงหลงหรือจิงอิ๋งต่างก็ให้ความเคารพเยี่ยนมี่เอ๋อร์ไม่ต่างจากผู้ใหญ่ แม้จะพูดขึ้นมาดูคล้ายที่จะเป็นเรื่องขบขันอยู่บ้าง แต่เยี่ยนมี่เอ๋อร์ก็มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับหลิงหลง ถ้าเปรียบเทียบขึ้นมาอย่างจริงจัง หลิงหลงก็น่าจะอายุมากกว่าเยี่ยนมี่เอ๋อร์เสียอีก…เยี่ยนมี่เอ๋อร์เกิดในเดือนสิบเอ็ด แต่หลิงหลงนั้นเกิดเดือนหก อายุมากกว่าเยี่ยนมี่เอ๋อร์อยู่เกือบครึ่งปี แต่แม้ว่าหลิงหลงจะมีอายุมากกว่าเยี่ยนมี่เอ๋อร์ก็ตาม กระนั้นกลับเกิดความรู้สึกเคารพนับถือเยี่ยนมี่เอ๋อร์ราวกับผู้ใหญ่ แต่หากมาคิดดูอย่างละเอียด การปฏิบัติตนเช่นนี้ของคุณหนูตระกูลซั่งกวนก็นับว่าเป็นเรื่องปกติอยู่เช่นกัน
แม้ว่าซั่งกวนฮ่าวจะรักเอ็นดูลูกสาว กลับไม่รู้ว่าควรจะอบรมและเอาใจใส่ลูกสาวอย่างไรดี จึงทำได้เพียงให้ความเป็นอยู่อย่างสุขสบาย ดูแลให้มีการศึกษาอย่างดี อย่างอื่นก็ไม่มีเรื่องใดควรค่าแก่การพูดถึงแล้ว และหวงฝู่เยวี่ยเอ้อที่เป็นคนเชื่องช้า แม้แต่กระทั่งความคิดของคนร่วมหมอนนอนเสื่อยังไม่เข้าใจชัดเจนต้องมารับผิดชอบดูแลเอาใจใส่ผู้อื่น ทำหน้าที่เป็นแม่ที่เข้าอกเข้าใจลูกสาว ก็นับเป็นเรื่องที่ยากสำหรับนางอยู่จริงๆ เช่นกัน
หลิงหลงและจิงอิ๋งแต่ไหนแต่ไรก็ไม่ได้คิดว่าเป็นเช่นนี้มีอะไรไม่ถูกต้อง ตั้งแต่เด็กพวกนางก็ผ่านเรื่องราวมาเช่นนี้ มีพวกสาวใช้แม่นมคอยอยู่เป็นเพื่อนข้างกาย อยากจะได้ของอะไรก็ล้วนแต่เอื้อมถึงทั้งนั้น พวกนางยังจะมีอะไรที่ไม่พอใจเล่า แต่ว่ามนุษย์ก็เป็นเช่นนี้ ในยามที่ไม่เคยได้รับอ้อมกอดที่อบอุ่นและลึกซึ้งนั้น ก็ไม่มีทางที่จะรู้สึกได้ว่าตนเองขาดอะไรไป แม้จะสามารถสัมผัสความสุขด้วยตนเองได้ แต่หลังจากได้สัมผัสความเอาใจใส่ที่แผ่ความรู้สึกอบอุ่นไปทั่วร่างนั้น ก็ย่อมไม่อาจหาทางปฏิเสธมันได้อีกต่อไป
แม้ว่าเยี่ยนมี่เอ๋อร์จะย้ำกับตนเองมาโดยตลอด พูดว่าที่ตนเป็นห่วงพวกนางก็เพราะเพียงความสัมพันธ์ของพี่สะใภ้กับน้องสาวสามีเท่านั้น แต่น้ำเสียงและการกระทำเช่นนั้นของนางกลับละเอียดละออและชัดเจนเป็นอย่างมาก ทำให้เด็กสาวทั้งสองคนรู้สึกสบายใจ ในทางกลับกัน เยี่ยนมี่เอ๋อร์เป็นพี่สะใภ้ของพวกนาง อาจจะเป็นเพราะสาเหตุนี้จึงเป็นห่วงเป็นใยพวกนาง เช่นนั้นเหตุใดพวกนางจึงไม่ฉวยโอกาสนี้ตักตวงความอบอุ่นที่ยากจะละทิ้งได้จากมี่เอ๋อร์เสียล่ะ?
ผู้ที่มาถึงเร็วที่สุดก็คือพวกตระกูลหวงฝู่ หวงฝู่หลินจี้พาภรรยาและน้องสาวสองคนปรากฏตัวออกมา ซั่งกวนเจวี๋ยคุยยิ้มแย้มกับหวงฝู่หลินจี้ก่อนจะพากันไปยังเรือนไร้เดี่ยวทันที ทิ้งหลี่ฉยงอวี่และน้องสาวที่พามาอีกสองคนไว้ที่เรือนมีคู่
“น้องเจวี๋ยเป็นคนที่ดูแลเอาใจใส่ผู้อื่นอย่างละเอียด ทั้งยังอ่อนโยน น้องสะใภ้นับเป็นคนที่โชคดีจริงๆ!” หลี่ฉยงอวี่คล้ายกล่าวไปตามความรู้สึก นางเป็นลูกคนโตของภรรยาเอกตระกูลหลี่ มีภาระรับผิดชอบมากมาย แม้ว่าจะมีความรักใคร่กับสามีไม่น้อย แต่นางก็คุ้นชินกับความแข็งแกร่งและสามารถรับผิดชอบงานด้วยตัวคนเดียวได้ หวงฝู่หลินจี้ให้ความเคารพนางเป็นอย่างมาก การกระทำของซั่งกวนเจวี๋ย นางย่อมเข้าใจว่าเป็นเพราะอะไร จะสัมผัสได้ก็เป็นเรื่องปกติ
เยี่ยนมี่เอ๋อร์เขินจนหน้าแดง ก่อนจะกล่าวอย่างนุ่มนวล “ตั้งแต่เด็กมี่เอ๋อร์ก็ถูกเลี้ยงดูอยู่แต่ในห้องเท่านั้น ไม่มีประสบการณ์ที่จะคบค้าสมาคมกับผู้คน สามีกังวลว่าหากข้าพบเจอแขกมากหน้าหลายตา จะลนลานทำอะไรไม่ถูก ทำให้ตระกูลซั่งกวนเสียหน้าได้”
นางจะลนลานทำอะไรไม่ถูก? เกรงว่าแม้ท้องฟ้าจะหล่นลงมา นางก็คงจะผลิยิ้มอย่างสง่างามอยู่ดีน่ะสิ ปล่อยให้ฟ้าถล่มลงมาจนแตกเป็นผุยผง จากนั้นก็จะรักษารอยยิ้มไว้บนใบหน้าอยู่เช่นนั้น หลิงหลงและจิงอิ๋งพากันกลอกตามองโดยไม่ได้นัดหมาย กระนั้นก็แทบไม่ปล่อยให้ใครได้มองเห็น ก่อนคนหนึ่งจะลากหวงฝู่อวี๋หลิง อีกคนดึงหวงฝู่อวี๋จวินลงมานั่งดื่มน้ำชา ไม่ได้ไปยุ่งกับบทสนทนาระหว่างสะใภ้ทั้งสองคนนั้น
“เชิญพี่สะใภ้นั่งก่อน” เยี่ยนมี่เอ๋อร์กลับไม่เห็นด้วยกับสองคนนั้นที่เก็บสายตาอย่างรวดเร็ว แต่ใบหน้าของนางก็แทบไม่เปลี่ยนไปจากเดิมแม้แต่น้อย ก่อนจะกล่าวเชิญให้หลี่ฉยงอวี่นั่งลงอย่างเอาใจใส่ “ไม่ทราบว่าพี่สะใภ้ชอบดื่มชาอะไร วันนี้ข้าให้สาวใช้เอาชาที่จัดเก็บไว้ในเรือนออกมาทั้งหมด ขอเพียงแค่ไม่ใช่ชาที่หายาก ก็ล้วนเตรียมพร้อมไว้ให้พี่สะใภ้หมดแล้ว”
“พี่สะใภ้ชอบดื่มชาแดงฉีเหมิน ยามที่อยู่ที่บ้านก็ดื่มชานั้นโดยตลอด เพียงแต่ท่านแม่มักจะบอกว่าชานั้นไม่ดี และก็ไม่ให้ข้าดื่มด้วย” หวงฝู่อวี๋จวินนั่งอยู่ด้านข้าง กล่าวออกไปต่อบทสนทนาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ทำท่าราวกับไม่เข้าใจ “ข้าไม่เข้าใจว่าเหตุใดท่านแม่จึงบอกว่าชาแดงฉีเหมินไม่ดี? ข้ากลับชอบออก อย่างไรก็ดีกว่าชาเขียวที่ขมปี๋นั่นมาก ทั้งยังใส่พุทราจีนและลำไยอบแห้งลงไปด้วย รสชาติหอมหวาน อร่อยเสียยิ่งกว่ากระไร”
หวงฝู่อวี๋จวินเป็นลูกสาวของบ้านรองตระกูลหวงฝู่ แต่ถูกเลี้ยงดูภายใต้ชื่อของบ้านหลัก เป็นองค์หญิงตัวน้อยที่เป็นที่เอ็นดูที่สุดของคนในตระกูลหวงฝู่ ที่เลี้ยงดูนางในนามของบ้านหลักก็เพราะเพื่อให้นางได้มีตำแหน่งที่สูงมากขึ้น ภายหลังจะได้สามารถแต่งงานออกไปกับตระกูลที่ดีได้
“ชอบหรือไม่ชอบก็เป็นเพราะรสปากของแต่ละคน อวี๋จวินชอบดื่มชาแดงฉีเหมินก็เป็นเรื่องดี ชาแดงบำรุงร่างกายและผิวพรรณ เพิ่มพุทราจีนและลำไยอบแห้งเข้าไปก็ยิ่งดี” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ไม่ได้คิดวิจารณ์อะไรในเรื่องนี้ แต่กลับรู้ได้ทันทีว่า หลี่
ฉยงอวี่คงไม่ได้รับความโปรดปรานจากแม่สามีเท่าไร แม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ก็ถูกจับผิดเสียอย่างนั้น
“ข้าก็คิดเช่นนี้!” หวงฝู่อวี๋หลิงเห็นแววตาของเยี่ยนมี่เอ๋อร์มีความเห็นที่แตกต่างออกไปอยู่บ้าง ทั้งไม่ได้กล่าวด้วยน้ำเสียงเกรงใจและสุภาพเหมือนก่อนหน้านี้ “บางครั้งท่านแม่ก็เป็นเช่นนั้น ไม่ยอมรับว่าคนอื่นก็มีจุดที่ไม่เหมือนกับนาง ขอเพียงแค่นางชอบ คนอื่นก็ต้องชอบด้วย หากนางไม่ชอบ คนอื่นก็ต้องไม่ชอบด้วยเช่นกัน บางครั้งข้าก็รับนางไม่ไหว ยังมีอนุภรรยาซุนผู้นั้นที่มักจะพะเน้าพะนอคล้อยตามความชอบของท่านแม่ ให้ท่านแม่คอยหาเรื่องจับผิดพี่สะใภ้อีก”
“อวี๋หลิง!” หลี่ฉยงอวี่เอ่ยเตือนเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าความสัมพันธ์ระหว่างพี่สะใภ้และน้องสามียังนับว่าดี หวงฝู่อวี๋
หลิงแลบลิ้น ก่อนจะหุบปากไปอย่างไม่เต็มใจ
“ชาเสร็จแล้ว พี่สะใภ้ชิมสักคำว่าเป็นอย่างไร” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ไม่ได้รับบทสนทนา กลับเปลี่ยนไปอีกเรื่อง จื่ออวิ๋นได้ชงชาแดงฉีเหมินที่ดีที่สุดออกมาหนึ่งกา ข้างในนอกจากเพิ่มพุทราจีนและลำไยอบแห้งแล้ว ยังเพิ่มน้ำผึ้งลงไปเล็กน้อยด้วย ทำให้หวงฝู่อวี๋จวินดื่มด้วยสีหน้าที่เบิกบานใจ
หลี่ฉยงอวี่เห็นเยี่ยนมี่เอ๋อร์เปลี่ยนประเด็นอย่างง่ายดาย แม้ว่าใบหน้าจะไม่ชัดเจนมากนัก แต่ในใจกลับรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง นางตั้งใจเข้ามาเร็วเช่นนี้ แม้จะเป็นเพราะว่าความสัมพันธ์ที่ดีของตระกูลซั่งกวนและตระกูลหวงฝู่ แต่ที่มากไปกว่านั้นก็เพื่อต้องการดึงเยี่ยนมี่เอ๋อร์เข้ามาเป็นพวกของตน เรื่องที่หวงฝู่เยวี่ยเอ้อชื่นชอบและปกป้องเอ็นดูสะใภ้คนนี้ได้เปิดเผยไประหว่างแปดตระกูลใหญ่อย่างลับๆ แล้ว หากเพราะเยี่ยนมี่เอ๋อร์เห็นแก่มิตรภาพและเกิดโกรธแค้นเหมือนตน ก็ย่อมไปเล่าความลำบากของตนต่อหน้าหวงฝู่เยวี่ยเอ้อ บางทีหวงฝู่เยวี่ยเอ้อก็จะพูดคุยเรื่องนี้ต่อหวงฝู่เจิ้นหลง ควรรู้ว่า แม้หวงฝู่เยวี่ยเอ้อจะเป็นหญิงที่แต่งงานออกไปแล้ว แต่คำพูดของนางในยามที่อยู่ตระกูลหวงฝู่นั้นสามารถใช้การได้มากกว่าฮูหยินของตระกูลหวงฝู่เสียอีก…หวงฝู่เจิ้นหลงก็เป็นคนที่เจ้าชู้มากรักคนหนึ่ง เขามีอนุภรรยาเจ็ดแปดบ้าน ให้ความสนใจกับทุกคน และก็ปฏิบัติอย่างเท่าเทียมทุกคนด้วยเช่นกัน แต่หากเป็นหวงฝู่เยวี่ยเอ้อย่อมต้องเห็นความสำคัญ ใครใช้ให้หวงฝู่เยวี่ยเอ้อเป็นฮูหยินของตระกูลซั่งกวนล่ะ ทั้งยังเป็นตำแหน่งนายหญิงของตระกูลที่ไม่อาจมีใครสั่นคลอนได้!
“พี่สะใภ้ ท่านคงไม่รู้ อนุภรรยาของพี่ใหญ่นั้นเป็นสาวงามของยุทธภพที่มีชื่อเสียงนามว่าซุนเฟยเสวี่ย แม้ว่าพี่ใหญ่จะมีอนุภรรยาห้าหกบ้าน แต่กลับชอบนางจิ้งจอกคนนี้มากที่สุด ท่านแม่ก็เช่นกัน!” หวงฝู่อวี๋หลิงคาดไม่ถึงว่าเยี่ยนมี่เอ๋อร์จะเปลี่ยนเรื่องปุ๊บปั๊บถึงเพียงนี้ นึกไปถึงพี่สะใภ้ที่กล่าวกำชับก่อนหน้านี้ ก็ดึงหัวข้อสนทนากลับมาอีกครั้ง “พี่เจวี๋ยก็เกินไปอยู่บ้างจริงๆ ซุนเฟยเสวี่ยผู้นั้นอย่างไรก็รับเข้ามาหลังจากที่พี่ชายใหญ่แต่งงานกับพี่สะใภ้แล้ว แต่พี่เจวี๋ยกลับพาหญิงสาวสามคนที่รู้ใจนั้นมาก่อนที่พี่สะใภ้จะแต่งงานเสียอีก เฮ้อ ก็ไม่รู้ว่าพี่เจวี๋ยคิดอะไรอยู่!”
ละครเริ่มแล้วสินะ!
เยี่ยนมี่เอ๋อร์ยิ้มอย่างอ่อนโยน ไม่ปรากฏความโกรธ ทั้งไม่โมโหแต่อย่างใด “หญิงสาวที่งดงาม ก็ย่อมเป็นที่ปรารถนาของชายหนุ่ม สามีจะมีคนรู้ใจอะไรก็นับเป็นเรื่องที่ปกติ เพียงแต่เรื่องนี้ข้ากลับเคยได้ยินเป็นครั้งแรก หากว่ารู้ก่อนหน้านี้ ข้าก็คงไม่รับอู๋เลี่ยนเยี่ยนเข้ามาเป็นเมียบ่าวของสามีหรอก ไม่ว่าจะเรื่องหน้าตา หรือการศึกษาของอู๋เลี่ยนเยี่ยนก็ล้วนไม่เลว เพียงแต่ชาติกำเนิดที่ต่ำต้อย จึงไม่เป็นที่โปรดปรานของสามี หากรู้ว่ามีคุณหนูถึงสามคนนั้นล่ะก็ ข้าก็คงไม่มีความจำเป็นต้องเลือกนาง!”
หวงฝู่อวี๋หลิงเงียบลงไปทันที หลี่ฉยงอวี่ก็เงียบด้วยเช่นกัน พวกนางไม่รู้ว่าเยี่ยนมี่เอ๋อร์แสร้งทำเป็นใจกว้างหรืออะไรอย่างไร แต่ที่มั่นใจคือ เยี่ยนมี่เอ๋อร์ย่อมไม่อาจมีความรู้สึกร่วมกับหลี่ฉยงอวี่ ทั้งไม่อาจไปบอกกล่าวกับหวงฝู่เยวี่ยเอ้อให้สนับสนุนนาง เพราะเรื่องของผู้หญิงสามคนนั้นเป็นแน่
“สะใภ้ใหญ่เจ้าขา คุณหนูและสะใภ้จากตระกูลทั่วป๋า ตระกูลหลี่และตระกูลชุยมาแล้วเจ้าค่ะ!” ช่าจื่อในวันนี้รับหน้าที่ในการต้อนรับแขก นางยังไม่ทันเข้าประตูมาก็ตะโกนบอกทำลายความเงียบในห้องเข้ามาเสียก่อน
เยี่ยนมี่เอ๋อร์หยัดกายขึ้นเพื่อจะไปรับแขก หลี่ฉยงอวี่จึงถือโอกาสจัดการความคิดตนเอง ก่อนจะหันไปส่งสายตาให้กับหวงฝู่อวี๋หลิง หวงฝู่อวี๋หลิงผงกศีรษะอย่างรู้ได้โดยทันที ทั้งหมดทั้งมวลนี้ล้วนตกอยู่ในสายตาของจิงอิ๋งที่ตั้งใจหยอกเย้ากับหวงฝู่อวี๋จวินและหลิงหลงที่มองดูจื่ออวิ๋นชงชาอยู่ แต่ทั้งสองคนก็ไม่พูดอะไร ใบหน้าไม่เผยอาการแปลกๆ อันใด ทว่าในใจกลับลอบทวนสิ่งที่เยี่ยนมี่เอ๋อร์กำชับมาก่อนหน้านี้ ‘พกเพียงหูไม่ต้องพกปาก ฟังให้มากพูดให้น้อยไม่ต้องกล่าวแย้ง’
เยี่ยนมี่เอ๋อร์ต้อนรับพวกคุณหนูและสะใภ้ของทั้งสามตระกูลเข้ามา พวกนางล้วนเป็นคนคุ้นเคย ไม่ต้องให้เจ้าบ้านทักทาย ก็เลือกนั่งลงไปด้วยกันจากความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดในยามปกติและนั่งกันตามสบาย หลิงหลงและจิงอิ๋งก็ไม่พูดคุยอะไรกับพี่น้องตระกูลหวงฝู่อีก เลือกนั่งลงด้านข้างเยี่ยนมี่เอ๋อร์ โดยให้เยี่ยนมี่เอ๋อร์อยู่ตรงกลาง การกระทำเล็กๆ นี้ทำให้เยี่ยนมี่เอ๋อร์รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา
เยี่ยนมี่เอ๋อร์ยังสังเกตได้อีกว่า แม้ว่าพวกคุณหนูเหล่านี้จะนั่งด้วยกัน แต่กลับเว้นระยะห่างจากทั่วป๋าฉินซินโดยพร้อมเพรียงกัน ไม่เว้นแม้แต่ทั่วป๋าฉินอิน นางลอบยิ้มในใจอย่างเงียบเชียบ ดูท่าแล้วคำพูดของเมื่อวานคงจะส่งผลไม่น้อย ทั่วป๋าฉินซินย่อมถูกตราหน้าจากคุณหนูตระกูลต่างๆ ว่าให้ ‘ปฏิเสธคบค้าสมาคม’ แล้วเป็นแน่ เพียงแต่ไม่รู้ว่าพวกคุณชายจากตระกูลอื่นจะมีความคิดเช่นเดียวกันหรือไม่?
ไม่ทันที่เยี่ยนมี่เอ๋อร์และพวกนางจะได้คุยอะไรกัน พวกคุณหนูและสะใภ้จากตระกูลหวังและตระกูลมู่หรงก็เดินเข้ามาเสียก่อน ตระกูลอิ๋งไม่มีคุณหนูที่เกิดจากภรรยาเอก ลูกชายคนโตอิ๋งอี้หังยังไม่ได้แต่งงาน เขาแยกตัวเดินออกไปเรือนไร้เดี่ยวเพียงลำพังโดยไม่กล่าวอันใด ในยามที่เยี่ยนมี่เอ๋อร์นั่งลงอีกครั้ง พวกคุณหนูและสะใภ้ของตระกูลต่างๆ ในต้าเยียนก็ล้วนมารวมอยู่ที่นี่จนแทบเกือบหมดแล้ว(ไม่นับผู้ที่ยังไม่บรรลุวุฒิภาวะ) พูดถึงรูปลักษณ์ ไม่มีใครเลยที่ไม่เป็นหญิงงามที่โดดเด่น พูดถึงฐานะ นอกจากเยี่ยนมี่เอ๋อร์ที่เป็นลูกสาวพ่อค้าวาณิชแล้ว พวกนางคนอื่นๆ ก็ล้วนเป็นคุณหนูตระกูลสูงส่ง เป็นตระกูลบัณฑิตที่มีชื่อเสียง ไม่ก็เป็นตระกูลที่มีอำนาจของราชสำนักทั้งนั้น พูดถึงบุคลิก พวกนางบ้างก็ใจกว้างสะสวย บ้างก็พริ้งพราย บ้างก็สง่างามดูสูงส่ง บ้างก็สดใสสะอาดสะอ้าน บ้างก็กล้าหาญน่ายำเกรง บ้างก็งดงามถือตัว…แทบที่จะเป็นความดึงดูดที่สาวงามทุกคนควรมีทั้งนั้น
ที่ทำให้คนต้องตกตะลึงก็คือสะใภ้น้อยใหญ่ทั้งหลายพาสาวน้อยหนึ่งถึงสองคนมาปรากฏกายด้วย ใบหน้าของพวกนางล้วนเผยรอยยิ้มพิมพ์ใจ เป็นความใกล้ชิดที่บอกไม่ถูก แววตาก็เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม เพียงแต่…ยิ้มของเยี่ยนมี่เอ๋อร์นั้นดูอ่อนโยนน่าเข้าใกล้ ใบหน้าแฝงมาด้วยความขัดเขินอย่างเลือนราง ในดวงตาเผยความโอนอ่อนที่ไม่ได้ต่ำต้อยหรือสูงส่งจน เกินไป ทว่าลึกในใจกลับยิ้มเย็นยะเยือก…แต่มีพวกนางกี่คนกันที่มีรอยยิ้มบริสุทธิ์เปิดเผย ไม่แฝงด้วยเจตนาอื่น?
ดูจากการแต่งตัวของพวกนาง นอกจากคนส่วนน้อยไม่กี่คน ผู้ที่มาเยี่ยมเยือนต่างก็แต่งตัวกันอย่างอย่างเฉิดฉายกันทั้งนั้น เกล้าผมปักปิ่นเงิน ปิ่นระย้า ติดดอกไม้อย่างประณีตชดช้อย ประดับสร้อยที่ลำคอ ต่างหู ใส่เครื่องประดับที่ข้อมือและข้อเท้าอย่างหรูหรา เทียบกันแล้ว เยี่ยนมี่เอ๋อร์นั้นดูเรียบง่ายจนถึงขั้นธรรมดาไปเลยทีเดียว หรือพวกนางคิดอยากจะให้ตนเองอิจฉาหรืออย่างไร?
เยี่ยนมี่เอ๋อร์ยิ้มอย่างสง่างามขึ้นมา ใบหน้าที่งดงามยากที่จะเปรียบ ท่าทีเรียบนิ่งสุขุม ยิ่งอยู่ในสภาพแวดล้อมที่รายล้อมด้วยหญิงสาวสูงส่งเช่นนั้นกลับเปล่งประกายโดดเด่นเหนือผู้คน ทำให้คนที่มีเจตนาไม่ดี คิดอยากให้เยี่ยนมี่เอ๋อร์รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจต่างก็ปรากฏความผิดหวังในดวงตาไปตามๆ กัน และก็ทำให้หลิงหลงและจิงอิ๋งประกายสายตามองเยี่ยนมี่เอ๋อร์ด้วยความนับถือมากขึ้นไปอีก…
————————————