เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 103
บทที่ 103 หย่าแล้วมาแต่งงานกับผม
เวลากลางคืนคืบคลานเข้ามา ความมืดทั้งผืนเข้ามาปกคลุมท้องฟ้าของเมืองทั้งเมืองเอาไว้
ตอนที่โม่หว่านหว่านกลับมาถึงนั้น ก็เป็นเวลาสองทุ่มตอนกลางคืนแล้ว พอประตูลิฟต์เปิดออก มองไปทีหนึ่งเธอก็เห็นลี่เฉินซีที่ยืนสูงตระหง่านอยู่ตรงหน้าประตูบ้านตัวเองแล้ว
รูปร่างสง่าผ่าเผย สูงใหญ่ และดูภูมิฐาน สูทสีดำที่ใส่อยู่ทั้งตัวทำให้ยิ่งดูองอาจมากยิ่งขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาทั้งหมดอยู่ในท่ามกลางพื้นที่อับแสง บนนิ้วมือเรียวยาวราวกับหยกนั้นกำลังคีบบุหรี่อยู่ม้วนหนึ่ง
โม่หว่านหว่านขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ผู้ชายที่หล่อขนาดนี้ ถึงว่าละซูย้าวถึงได้หลงเขาหัวปักหัวปำขนาดนี้ รักทีหนึ่งก็รักเป็นสิบปี เปลี่ยนเป็นใครก็คงจะแค่เห็นผู้ชายแบบนี้ก็เทใจให้หมดแล้ว
เพียงแต่ว่า ไม่รู้ว่ามีคนอีกเท่าไหร่ ที่เป็นเหมือนกับซูย้าว ที่โง่อยู่เป็นสิบปีก็ไม่เปลี่ยนใจ
โม่หว่านหว่านเก็บความคิดเล็ก ๆ ไว้ในใจ และเดินไปแล้วล้วงกุญแจออกมา พร้อมกับพูดไปด้วยว่า “ท่านประธานลี่ ทำไมถึงได้มีเวลาว่างมาหาฉันถึงที่นี่ได้ล่ะ? มีธุระเหรอ?”
“ซูย้าวล่ะ?” ลี่เฉินซีโยนบุหรี่ในมือลง แล้วใช้เท้าบี้ไฟให้ดับ
โม่หว่านหว่านถึงเพิ่งจะสังเกตเห็นว่า ที่ข้างเท้าของเขาได้มีก้นบุหรี่กองอยู่ไม่น้อยแล้ว ดูท่าแล้วเขาคงจะมารอตัวเองที่นี่เป็นเวลานานตั้งเท่าไหร่ไม่รู้แล้ว
“ซูย้าวเป็นภรรยาของคุณไม่ใช่เหรอ? แล้วคุณมาตามหาภรรยาที่บ้านฉันแบบนี้ นี่มันเป็นหลักการอะไรกันล่ะ?” โม่หว่านหว่านรู้สึกสงสัย แต่ว่าก็บดบังความวุ่นวายในดวงตาลง
ในใจเกิดความคิดอย่างหนึ่งขึ้นมา ซูย้าวหายตัวไปเหรอ?!
ใบหน้าที่หล่อเหลาเย็นชาของลี่เฉินซีไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ แล้วก็ถามขึ้นอีกด้วยน้ำเสียงค่อนข้างเย็นว่า “เขาไม่ได้มาหาเธอที่นี่เหรอ?”
“มาหาฉันที่นี่เหรอ?” โม่หว่านหว่านก็ยิ่งเกิดความสงสัยขึ้นในใจ และความคิดที่อยู่ในก้นบึ้งหัวใจเหมือนกับว่าจะยิ่งมั่นใจมากขึ้น แต่ว่าปากกลับพูดขึ้นว่า “เขาจะมาหาฉันทำไมกัน? ปกติถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ย้าวย้าวจะไม่มาหาฉันหรอก!”
ในตอนที่พูดคุยกันนั้น โม่หว่านหว่านก็ได้ใช้กุญแจเปิดประตูอพาร์ทเม้นท์ออก และตัวเองก็เดินเข้าไปข้างในวางกระเป๋าลง แล้วก็เปลี่ยนรองเท้า
“ท่านประธานลี่จะเข้ามาดูสักหน่อยไหมล่ะ?” ในตอนที่เธอพูดนั้น ก็ได้เบี่ยงตัวออก
และลี่เฉินซีก็เดินก้าวยาว ๆ เหมือนดาวตก ตรงมาถึงหน้าประตูอพาร์ทเม้นท์ แล้วก็โน้มตัวดูข้างในทีหนึ่ง พอเปิดไฟสว่างขึ้น ห้องรับแขกใหญ่ของอพาร์ทเม้นท์ก็ปรากฏให้เห็นอย่างทั่วถึง
ประตูห้องนอนก็เปิดอยู่ ข้างในสะอาดเรียบร้อย ดูเป็นห้องมาตรฐานของผู้หญิงโสดทั่วไป ตกแต่งด้วยสีชมพูทั้งห้อง และแอบแฝงไว้ด้วยความน่ารักของเด็กผู้หญิง ทำให้รู้สึกน่ารักบ้องแบ๊ว
โม่หว่านหว่านผายมือออกเล็กน้อย “เธอไม่ได้อยู่ที่บ้านฉัน แต่ว่าย้าวย้าวเป็นอะไรไปเหรอ? คุณทะเลาะกับเธอเหรอ?”
แววตาที่เยือกเย็นของลี่เฉินซีกวาดตามองทั่วห้อง หลังจากที่มั่นใจแล้วว่าไม่มีร่องรอยของซูย้าวว่าเคยมาที่นี่ เห็นได้ชัดว่าใบหน้าหล่อเหลาได้ขรึมลงไปหลายเท่า แล้วฝีเท้าก็ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง แต่กลับไม่มีเสียงใด ๆ เอ่ยออกมา
“หรือว่าคุณรังแกเธออีกแล้วเหรอ? ประธานลี่ อย่างน้อยคุณก็เป็นถึงผู้บริหารของเครือบริษัทยักษ์ใหญ่ คุณอย่าคอยเอาแต่รังแกภรรยาของตัวเองได้ไหม!”
โม่หว่านหว่านไม่ได้สนใจอะไรมาก อาจจะเพราะว่ารู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก จึงทำให้เธอยิ่งไม่มีขอบเขต ถึงแม้ว่าจะไม่มีความรู้สึกใด ๆ กับผู้ชายที่หล่อเหลาคนนี้ แต่ว่าพอคิดถึงว่าเขาอาจจะรังแกซูย้าวก็ได้ เธอก็ควบคุมความวุ่นวายที่มีอยู่ในใจไว้ไม่อยู่
ลี่เฉินซีก็รู้สึกปวดหัวต่อตัวเธออยู่บ้าง แล้วทิ้งคำพูดไว้เพียงคำเดียวว่า ‘ราตรีสวัสดิ์’ แล้วก็หมุนตัวเดินเข้าลิฟต์ไปเลย
ที่ข้างหลังยังคงมีเสียงของโม่หว่านหว่านลอยตามมา “อย่าเอาแต่รังแกย้าวย้าว ถ้าหากว่าเธอเป็นอะไรขึ้นมาจริง ๆ ฉันจะไม่มีทางปล่อยคุณไปแน่!”
โม่หว่านหว่านปกติก็มีนิสัยแบบนี้อยู่แล้ว ตรงไปตรงมา ไม่เสแสร้ง และไม่มีอะไรแอบซ่อนไว้
จะดีกับคนคนหนึ่งก็คือดีด้วย ถ้าเกลียดก็จะบอกออกมาตรง ๆ เลย
และเธอ ก็ไม่ชอบลี่เฉินซี
เกลียดมาตั้งแต่เด็ก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร
สาเหตุอาจจะเป็นเพราะว่าความรักที่ซูย้าวมีต่อเขา แล้วเขาก็ไม่เห็นมันอยู่ในสายตา และยังทำร้ายจิตใจซูย้าวอีกละมั้ง!
ทางนี้พอลี่เฉินซีเพิ่งจะจากไป โม่หว่านหว่านก็รีบปิดประตูลงแล้วล้วงโทรศัพท์ออกมา และก็ส่งข้อความเสียงไปให้ซูย้าวอันหนึ่ง
“ยัยเด็กบ้า เธอหนีไปไหนแล้ว? บอกฉันมาซิ!”
“เมื่อกี้สามีของเธอมาหาเธอที่บ้านฉันแล้ว เธอถึงขนาดหนีออกจากบ้าน แล้วยังไม่มาหาฉันอีก เกินไปแล้วนะ ย้าวย้าว เธอออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
โม่หว่านหว่านพึมพำอยู่กับโทรศัพท์ตั้งนาน แล้วสุดท้ายก็หายใจเข้าลึก ๆ ทีหนึ่ง แล้วก็วางโทรศัพท์ลงอีกข้างหนึ่ง และนั่งลงตรงโซฟาอย่างเงียบ ๆ เพื่อรอข้อความตอบกลับ
แต่ซูย้าวที่ได้รับข้อความของเธอ ในเวลานี้กำลังนั่งอยู่ในคฤหาสน์หรูหราแถวชานเมืองของกรุ๊ปเพ้ยซื่อ เจิ้งเอ๋อนอนคว่ำอยู่บนโซฟา กำลังเล่นปืนของเล่นอยู่ และเล่นได้อย่างสนุกสนาน
ตรงข้างหน้าที่ใกล้ ๆ เธอนั้น กลิ่นบุหรี่ค่อย ๆ ลอยอบอวลอยู่ เพ้ยส้าวอีเอียงตัวพิงอยู่กับหน้าต่างบานกระจกยาวถึงพื้นในที่ไกล ๆ สายตาทอดมองออกไปในความมืดของข้างนอก ปฏิกิริยาบนใบหน้านั้นลึกซึ้งราวกับน้ำทะเลลึก ซึ่งคาดเดาได้อยาก
ซูย้าวมองดูหน้าจอโทรศัพท์ แล้วสายของโม่หว่านหว่านก็โทรเข้ามาพอดี
เธอไม่ได้รับ เพียงแต่กดวางไป
จากนั้นก็ตอบกลับเป็นข้อความวีแชทไป
“เขาคงอยากจะหย่ากับฉัน”
แค่ประโยคเดียว ก็ทำให้โม่หว่านหว่านที่อยู่ทางนั้นโกรธขึ้นมา แล้วข้อความก็ถูกส่งมาไม่หยุด ทำให้เสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ดังขึ้นมาไม่ขาดสาย
“งั้นก็หย่าเลยซิ! เธอซูย้าวยังจะกลัวเขาไปได้อีกเหรอ?”
“ช่างไม่มีน้ำใจเลยจริง ๆ ทำไมจะต้องหย่าด้วย? มีสิทธิ์อะไร? เธอช่วยคลอดลูกให้เขาแล้วด้วยซ้ำ เขาลี่เฉินซีมีอะไรดี มีสิทธิ์อะไรมาหย่ากับเธอ?”
“นี่มันเกินไปแล้วจริง ๆ เป็นเพราะว่าผู้หญิงคนนั้นที่ชื่อหานอะไรคนนั้นใช่ไหม จะต้องใช่แน่ ๆ! มีคนรักเก่าแล้ว ก็ลืมเธอที่เป็นคนชอบใหม่คนนี้ไปได้ พวกผู้ชายนี่มันเป็นของอะไรกันนี่!”
หลีกเลี่ยงความพร่ำบ่นพวกนั้นของโม่หว่านหว่านไปแล้ว ซูย้าวก็พิมพ์บรรยายข้อความอธิบายอย่างเบื่อหน่ายขึ้นมา “มันไม่ใช่แบบนั้น แต่เป็นเพราะว่าเรื่องพวกนั้นที่ฉันทำกับตระกูลซู แม่สามีก็เลยมีความไม่พอใจขึ้นมาบ้าง ฉันกังวลว่าเขาจะแย่งสิทธิ์ในการเลี้ยงดูลูกกับฉัน ก็เลยออกมาจากบ้านตระกูลลี่ก่อน”
โม่หว่านหว่านอ่านข้อความ แล้วก็นิ่งอึ้งไป และคิดใคร่ครวญดี ๆ แล้วถึงตอบกลับไปว่า “แบบนั้นก็ถูก แต่ว่าทำไมเธอถึงไม่มาหาฉันที่นี่ล่ะ?”
“ถ้าไปหาเธอ ก็จะถูกพบได้ง่าย ขอโทษด้วยนะ คราวหน้าจะต้องไปแน่นอน” ซูย้าวตอบกลับไป
โม่หว่านหว่านปาดเหงื่อ “อะไรคือครั้งหน้า! เธอยังหวังอยากจะให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นหลายครั้งเหรอ?”
แต่ว่าเมื่อคิดดูดี ๆ แล้ว สิ่งที่ซูย้าวทำกับตระกูลซูทั้งหมด ก็แค่เพื่อบีบให้ซัวฉ่ายลี่ยอมปล่อยแม่ตัวเองเท่านั้น
ที่เซียวควนต้องเข้าคุกนั้น ก็เป็นเพราะว่าการกระทำที่ผิดกฎหมายของเขามาหลายปีนี้ทั้งนั้น ถึงแม้ว่าซูย้าวจะไม่แจ้งความ ทางตำรวจเองก็ได้ติดตามเขามานานแล้ว ต้องติดกับก็เป็นเรื่องที่ไม่ช้าไม่นานแล้ว
และข่าวลือที่เกี่ยวกับซูหยวนนั้น ก็เพราะตัวเขาเองหาเรื่องใส่ตัวทั้งนั้น
แล้วเรื่องทั้งหมดนี้ มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับซูย้าวล่ะ
โม่หว่านหว่านก็ยังรู้สึกหงุดหงิดอยู่ดี แล้วก็ส่งข้อความไปอีกว่า “นี่พวกเขาตั้งใจหาเรื่องชัด ๆ อยากจะทำให้เธอลำบาก อะไรนิดอะไรหน่อยก็หย่า แม่สามีของเธอคนนี้นี่ตกลงไม่พอใจอะไรเธอนักหนานะ? ทำเกินไปแล้วจริง ๆ !”
มองดูข้อความนี้แล้ว ริมฝีปากของซูย้าวก็คลี่ออกเล็กน้อย รอยยิ้มที่ฝืน ๆ แบบนี้ กลับทิ่มแทงตาของเพ้ยส้าวอีให้เจ็บจี๊ดขึ้นมา
เขาก้าวฝีเท้าเดินเข้ามา สายตาจ้องมองเธออย่างลึกซึ้ง “ถ้าหากว่าเขาทำให้คุณไม่สบายใจ และไม่มีทางให้ความสุขกับคุณอย่างที่คุณอยากจะได้ การแต่งงานแบบนี้ ไม่เอาก็ช่างเถอะ!”
นิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วเพ้ยส้าวอีก็เดินเข้ามา และมองเธอจากที่สูงลงต่ำ แววตาดูซับซ้อนดูไม่ชัดเจน “ออกห่างจากเขา แล้วมาอยู่ข้างกายผม ดีไหม?”
ผู้ชายที่หล่อเหลา เงื่อนไขที่ดีมาก สายตาที่มีเสน่ห์ และน้ำเสียงที่แหบต่ำ
จุดเด่นของเพ้ยส้าวอีนั้น ไม่ได้ด้อยไปกว่าลี่เฉินซีเลยสักอย่าง
มีอำนาจที่แน่นหนา และไม่ได้ด้อยไปกว่าบริษัทลี่ซื่อเลยแม้แต่น้อย
และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมเขาถึงสามารถโดนเรียกว่าผู้ยึดครองโลกธุรกิจภายในประเทศเหมือนกับบริษัทลี่ซื่อได้ ผู้ชายแบบนี้ ทั้งบุคลิกและหน้าตาก็ยังดีไปกว่าดาราไอดอลคนไหน ๆ ซะอีก และก็ยังมีทรัพย์สินเบื้องหลังที่เกินจะคาดคิดได้อีก
ไม่รู้ว่าเป็นคู่ครองในฝันของผู้หญิงตั้งมากมายเท่าไหร่ที่แม้แต่ฝันก็ยังอยากจะวิ่งไล่ตาม โดยเฉพาะอยู่ภายใต้ความล่อตาล่อใจขนาดนี้ ก็จะยิ่งมีผู้หญิงนับไม่ถ้วนวิ่งเข้าหาเป็นฝูงแน่
แต่ว่าซูย้าวก็แค่คลี่ยิ้มที่มุมปากขึ้นจาง ๆ เท่านั้น รอยยิ้มจาง ๆ ที่มีเหมือนไม่มี เหมือนกับทะเลสาบราบเรียบแล้วเกิดคลื่นบาง ๆ ขึ้นเท่านั้น
เธอใช้ภาษามือพูดขึ้นอย่างรวดเร็วว่า “คนที่ประธานเพ้ยอยากจะได้อย่างแท้จริงนั้น ไม่ใช่ฉัน แต่เป็นคุณ S คนที่คุณให้ความสำคัญก็ไม่ใช่ฉัน แต่เป็นความพิเศษทั้งหมดที่คุณ Sมีตัวคนเดียวเท่านั้น คือเธอต่างหากที่สามารถนำพาสิ่งที่มีค่าและผลประโยชน์ทั้งหมดมาให้กับกรุ๊ปเพ้ยซื่อ ”
เพ้ยส้าวอีหัวเราะขึ้นเบา ๆ ทีหนึ่ง แต่สายตาที่มองเธออยู่กลับไม่ได้ถดถอยไป “คุณก็คือคุณ S คุณ Sก็คือคุณ พวกคุณก็คือคนคนเดียวกันแท้ ๆ ไม่ว่าผมจะชอบคุณ หรือว่าถูกใจคุณ S มันก็เหมือนกัน”
“จะลองพิจารณาดูหน่อยไหม ว่าหย่ากับเขา แล้วมาแต่งงานกับผม?” เขามีรอยยิ้มที่ดูเป็นปริศนาโผล่ออกมา แล้วพูดเสริมขึ้นมาคำหนึ่งอย่างมีท่าทีจริงจัง