เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 109
บทที่ 109 แม่ง ช่างเป็นคนมีความสามารถจริง ๆ
กลางดึก เมือง Aเข้าสู่ความเงียบเหงาทั้งผืนของการนอนหลับฝันอยู่ ไฟปิดไปแล้วเป็นหมื่น ๆ บ้าน แต่มีเพียงแต่อพาร์ทเม้นท์สองชั้น ที่ยังคงเปิดไฟสว่างไสวไว้เช่นเดิม
อานโล๋กล่อมหลานตัวน้อยหลับไปแล้ว จากนั้นก็มานั่งอยู่บนรถเข็นตัวคนเดียว และก็นั่งอยู่ที่ห้องรับแขกคอยมองไปที่ประตูทางเข้า และเหม่อลอยอยู่อย่างนั้น
ซูย้าวออกไปพูดคุยกับลี่เฉินซี จากนั้นก็หายตัวไปไม่พบเลย!
หลายชั่วโมงผ่านไปแล้ว คนที่เป็นแม่ จะไม่เป็นกังวลได้ยังไง?
รอแล้วรอเล่า แต่กลับอยู่ในเวลากลางคืนตีสองกว่า ที่ประตูทางเข้าก็มีความเคลื่อนไหวเกิดขึ้น อานโล๋เงยหน้าขึ้นไปมอง ไม่ได้รอจนเจอกับลูกสาวที่กลับบ้านดึก แต่กลับรอจนลูกเขยมา
ลี่เฉินซีพกพาความเย็นของค่ำคืนมาทั้งตัว รูปร่างที่งดงามก้าวเดินเข้ามาในห้อง แล้วก็ปิดประตูตามหลังลง
อานโล๋นั่งอยู่บนรถเข็นไฟฟ้า บนหัวเข่าห่มผ้าห่มบาง ๆ ไว้ผืนหนึ่ง สายตาที่เงยหน้าขึ้นมาดูเขาสั่นไหว แต่กลับไม่ได้เปิดปากพูดขึ้น
“น้าอาน” ลี่เฉินซีเดินขึ้นหน้าและเรียกขึ้นอย่างมีมารยาทออกมาประโยคหนึ่ง
อานโล๋พยักหน้า แล้วริมฝีปากก็ขยับขึ้นเล็กน้อยอย่างยิ้มและไม่ยิ้ม จากนั้นถึงจะมีท่าทีเหมือนว่าจะเปิดปากพูด “จำได้ไหมว่าตอนเธอเด็ก ๆ เคยเรียกฉันว่าอะไร?”
ดวงตาที่หลักแหลมของลี่เฉินซีลึกซึ้ง แล้วตอบกลับเสียงขรึมว่า “น้าอาน”
“งั้นตอนนี้ล่ะ?” อานโล๋ถามกลับ
เขาลังเลไปครู่หนึ่ง แล้วก็เปลี่ยนคำเรียกไปเรียกว่า “แม่”
อานโล๋ยิ้มแล้ว ยิ้มอย่างเยือกเย็น และเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย แล้วคำพูดที่ออกจากปากอีกครั้ง ก็ราวกับเป็นค้อนน้ำแข็ง และมีแรงอย่างมาก “น่าเสียดาย ที่ฉันไม่มีลูกชายอย่างเธอ คำว่า‘แม่’นี้ ฉันคงจะรับไม่ไหว!”
คิ้วเข้มของลี่เฉินซีขยับเล็กน้อย แต่กลับไม่ได้มีความโกรธเคืองมากเท่าไหร่
นิสัยของอานโล๋ก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เขาจำได้แต่เพียงแค่ว่าอานโล๋ไม่ชอบเขา แต่ว่าเหตุผลโดยรวมคืออะไรนั้น กลับไม่เคยสืบเสาะมาก่อน
“ขอแค่ผมกับซูย้าวยังไม่ได้หย่ากันวันหนึ่ง คุณก็คือแม่ภรรยาของผม เรียกคุณว่าแม่คำหนึ่ง ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สมควรแล้ว คุณสมควรได้รับ” เขาอธิบายขึ้นเสียงเรียบ
สุภาพอ่อนโยน บุคลิกโดดเด่น ด้านหนึ่งในตอนที่เขาอยู่คนเดียวนั้น สิ่งที่ทำให้คนมองเห็นก็มีเขาที่มีมารยาทอย่างมาก เป็นด้านที่ราวกับสุภาพบุรุษ
อานโล๋หัวเราะขึ้นเสียงเย็น “เธอนึกว่า ฉันจะเชื่อเหรอว่าการหย่าเธอกับย้าวย้าวจะยืนหยัดไปได้ถึงชั่วฟ้าดินสลาย? ลี่เฉินซี เธอไม่เคยรักเธอมาก่อน ที่แต่งงานกันเธอนั้น ก็เพราะแค่ว่าคำสั่งเสียของนายหญิงใหญ่ลี่ก่อนตายเท่านั้น”
ตระกูลลี่และตระกูลซูทั้งสองตระกูลมีความสัมพันธ์ต่อกันดีมาก ๆ โดยเฉพาะนายหญิงใหญ่ลี่ หลายสิบปีก่อน เคยได้รับความช่วยเหลือจากซูป๋อลอนไว้มากมาย ยังมีบุญคุณในการช่วยชีวิตไว้อีก เพราะฉะนั้นหลังจากที่ซูป๋อลอนเสียชีวิตไปแล้ว นายหญิงใหญ่ลี่จึงได้ใส่ใจซูย้าวเป็นอย่างมาก และได้เอาชื่อของซูย้าวมาใส่ไว้ในพินัยกรรมหลังจากที่ตัวเองได้เสียชีวิตไปแล้วด้วย
“ผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่รักลูกสาวฉัน แล้วก็ทำให้ลูกสาวของฉันร้องไห้ครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่สมควรที่จะเป็นลูกเขยของฉันหรอก เธอกลับไปเถอะ!” อานโล๋ออกคำสั่งไล่แขกขึ้นมา
สถานการณ์แบบนี้ ลี่เฉินซีได้คาดการณ์ไว้นานแล้ว ดวงตาจ้องมองไปที่เขา แล้วพูดเสียงขรึมขึ้นอีกว่า “ผมไปก็ได้ เพียงแต่ว่ายังมีการจัดการอย่างอื่นอีก ผมอยากจะบอกกับคุณแม่ภรรยาคำหนึ่งก่อนว่า เพื่อหลีกเลี่ยงหลังจากนี้คุณจะได้คุ้นเคย”
คิ้วของอานโล๋กระตุกขึ้นทีหนึ่ง แล้วก็สายตาก็มารวมกันและมองไปที่เขา
สีหน้าของลี่เฉินซียังคงปกติอยู่ เพียงแค่พูดขึ้นว่า “เนื้อหาโดยรวมนั้น พรุ่งนี้หวางอี้จะมาอธิบายกับคุณ ตอนนี้ดึกมากแล้ว คุณแม่ภรรยาพักผ่อนเถอะครับ!”
อ่อนน้อมอย่างมีมารยาท ดูใจเย็นมีลิมิต
พอสิ่งที่ควรพูดหมดแล้ว ก็ไม่ได้อยู่นานอีกต่อไป แล้วก็ออกจากตึกอพาร์ทเม้นท์ไปเลย
มีแต่อานโล๋ที่ยังคงมองตามแผนหลังอยู่อย่างอึ้ง ๆ และก็ไม่มีความง่วงงุนแต่อย่างใด นั่งอยู่ในรถเข็นและสองมือก็อดไม่ได้ที่จะกำเข้าหากันแน่น
เมื่อหลายปีก่อน ลืมไปแล้วว่าเริ่มตั้งแต่เวลาไหนเป็นต้นมาถึงได้ไม่ชอบลี่เฉินซีเด็กคนนี้เข้า
อาจจะเป็นเพราะการตอบสนองจากสัญชาตญาณของแม่คนหนึ่งละมั้ง ในตอนที่เห็นว่าซูย้าวแอบอยู่ในห้องแล้วร้องไห้ฟูมฟายเพราะผู้ขายคนนี้ วินาทีนั้น อานโล๋ก็มีลางสังหรณ์แล้ว ว่าเส้นทางรักของลูกสาวในชาตินี้ ต้องยาวนานและขรุขระแน่
เด็กที่มีรักครั้งแรกเร็วเกินไป เส้นทางรักล้วนยากลำบาก
เพียงแต่ว่าคิดไม่ถึงว่า ระยะเวลาห่างมานานหลายปีขนาดนี้ ซูย้าวก็ยังสลัดเขาไม่หลุดอีก……
วันรุ่งขึ้น แสงแดดของยามเช้าสาดส่องผ่านกระจกหน้าต่าง ส่องอยู่บนเตียงวงกลมอันใหญ่ จนทำให้ซูย้าวที่เหมือนกับว่าจะตื่นแล้ว โดนแสงแดดส่องตาจนลืมตาไม่ขึ้น
กว่าจะยกมือขึ้นมาบังใบหน้าไว้ได้อย่างยากลำบาก แล้วก็พลิกตัวทีหนึ่ง แล้วก็รู้สึกแค่ว่าทั้งตัวตั้งแต่บนลงล่างนั้น เจ็บ……
อย่างกับว่าโดนคนแกะแล้วก็ประกอบขึ้นมาใหม่ แล้วก็เหมือนกับว่าโดนรถบรรทุกหนัก ๆ ทับมาตัวเป็น ๆ ทุก ๆ ข้อต่อก็เจ็บ แบบปวดเมื่อยไปหมด
อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่แปลกหน้า สิ่งรอบข้างที่แปลกตา และกลิ่นอายที่แปลกปลอมพุ่งทะยานเข้ามา
แต่ว่าเตียงที่ใหญ่โต เหลืออยู่เพียงเธอแค่คนเดียว ราวกับว่าการทรมานอย่างบ้าคลั่งของเขาทั้งหมดเมื่อคืน กลายเป็นฝันตื่นหนึ่งเท่านั้น
แต่ว่าความเจ็บปวดทั้งตัวนี้ ยังมีร่องรอยเขียวช้ำบนข้อมืออีก ที่คอยเตือนเธออยู่ในตอนนี้ว่า ทุกอย่างของเมื่อคืนนั้นรุนแรงมากแต่ไหน!
ซูย้าวผ่อนคลายลง แล้วพยายามลุกขึ้นมา และคลับคล้ายคลับคลาจำได้ว่า เสื้อผ้าที่เธอสวมใส่เมื่อคืนเหมือนจะโดนเขาฉีกขาดไปหมดแล้ว เธอฝืนเอาผ้าห่มมาคลุมม้วนไว้บนตัว พอเดินไปไม่กี่ก้าว ก็พบว่าบนพื้นโล่งโจ้ง สะอาด และเรียบร้อย
เพียงแต่ว่าไม่มีเสื้อผ้าของเธอในก่อนหน้านี้แล้ว……
บนโซฟามีถุงสินค้าอยู่ถุงหนึ่ง เดินไปแล้วเปิดออกดู เป็นชุดกระโปรงของผู้หญิงชุดหนึ่ง และยังมีชุดชั้นในอีกด้วย ในเวลาเดียวกัน ยังมีถุงของใช้ทำความสะอาดร่างกายอีกชุดหนึ่งด้วย
ไม่พูดก็ไม่ได้ว่า บางครั้งความรอบคอบของลี่เฉินซี ก็ทำให้คนซาบซึ้งได้จริง ๆ
ไม่มีเวลาให้คิดซับซ้อนในใจมาก เธอจะต้องรีบกลับบ้าน เจิ้งเอ๋อกับแม่ยังรอเธออยู่ที่บ้านอยู่เลย!
ซูย้าวรีบหยิบถุงสินค้าขึ้นแล้วเดินไปอาบน้ำในห้องในอย่างรวดเร็ว พอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จออกมา และผลักประตูเปิดออก ก็ต้องอึ้งไปอีกครั้ง
ระเบียงทางเดินข้างนอกของโรงแรมเมื่อคืน ซูย้าวนั้นพอจะจำได้ เวลาผ่านไปหนึ่งคืน ถึงแม้ว่าเธอจะโดนลี่เฉินซีทรมานเธออนาถมาก แต่ก็ไม่ถึงกับว่าแม้แต่ความจำก็สับสนวุ่นวายไปหมดหรอก
สัญชาตญาณบอกกับเธอว่า ที่นี่ไม่ใช่โรงแรม
และก็ไม่ใช่ห้องชุดเมื่อคืน
ที่นี่เป็น……
ไม่รอให้เธอได้คิดวิเคราะห์ดี ๆ ที่ทางขึ้นบันไดก็มีผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งเดินออกมา ผู้หญิงสวมใส่ชุดกระโปรงทรงตรงแบบตะวันออกไว้ ผมยาวทั้งหมดถูกรวบไปไว้ข้างหลังหูแล้วม้วนขึ้นมา ในท่าทีแฝงไว้ด้วยความรู้สึกฉลาดและแข็งแกร่งอยู่
“คุณผู้หญิง อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
ผู้หญิงเดินมากล่าวทักทายก่อน จากนั้นก็โน้มตัวลงมาทำความเคารพ แล้วพูดต่ออีกว่า “ฉันชื่อหัวจิ่ง คุณลี่สั่งไว้ว่าให้ฉันอยู่รับใช้ข้าง ๆ ตัวคุณค่ะ ถ้าคุณผู้หญิงมีอะไรที่ต้องการ ก็สามารถบอกฉันได้หมดเลยค่ะ”
พอนิ่งไปครู่หนึ่ง หัวจิ่งก็พูดเสริมขึ้นอีกคำว่า “ฉันรู้จักภาษามือ และอ่านปากได้ค่ะ คุณผู้หญิง”
สายตาซูย้าวสะดุดลงทีหนึ่ง ในหัวสมองเหมือนกับว่าจะวุ่นวายขึ้นเล็กน้อย
แล้วก็ใช้ภาษามือถามขึ้นมาคำหนึ่งว่า “ที่นี่คือที่ไหน?”
“สำหรับตำแหน่งที่แน่นอน คุณลี่บอกว่าไม่จำเป็นต้องเปิดเผยให้กับคุณผู้หญิง แต่ว่าที่นี่เป็นบ้านของคุณลี่ ขอให้คุณวางใจอยู่อาศัยได้” หัวจิ่งอธิบาย
ซูย้าวตกใจ แล้วใช้ภาษามือถามขึ้นอีกว่า “งั้นลูกชายของฉันล่ะ? ยังมีแม่ของฉันด้วย?”
“นายน้อยและนายหญิงอานอยู่ที่อื่น คุณลี่เชิญหมอและพยาบาลโดยเฉพาะไปช่วยดูแลฟื้นฟูร่างกายให้นายหญิงอาน ในช่วงเวลานี้ ให้นายหญิงอานและนายน้อยพักฟื้นอยู่ทางนั้น ไว้รอให้ร่างกายของคุณนายดีขึ้นหน่อย ค่อยไปรับเธอและนายน้อยมาค่ะ”
ชั่วพริบตาหนึ่ง ซูย้าวเข้าใจทั้งหมดแล้ว
นี่ลี่เฉินซีคือตั้งใจ
เอาเธอมากักบริเวณไว้ที่นี่ จากนั้นก็แยกเธอออกจากแม่และลูกชาย ถ้าจะพูดให้ชัดเจนหน่อยคือ มารดาและลูกชาย กลายเป็นตัวประกันที่ถูกควบคุมไว้ในมือ ขอแค่เธอมีการขัดขืนอะไร หรือว่าเพียงแค่ขัดใจอะไรต่อเขา อย่างงั้นก็……
เพิ่งจะช่วยแม่กลับออกมาจากมือของซัวฉ่ายลี่ได้ แต่คิดไม่ถึงว่า แค่ชั่วพริบตาก็ตกมาอยู่ในอุ้มมือมารของลี่เฉินซีอีกแล้วเหรอ?!
พอมาคิดหน้าคิดหลังดู อยู่ ๆ โม่หว่านหว่านก็ต้องไปดูงาน หลินโม่ป่ายก็ต้องรีบไปอิหร่าน แล้วเรื่องทั้งหมดของเมื่อคืน……หรือว่า ทั้งหมดเป็นแผนการของเขาเหรอ? ลี่เฉินซีนี่ช่างเป็นคนที่มีความสามารถจริง ๆ เลย
เพียงแต่ว่า แม่งไอ้คนมีความสามารถ! แม้แต่ลูกเมียตัวเองก็ยังจะคิดแผนการใส่อีกด้วย นี่มัน…….ไอ้คนชั่วจริง ๆ เลย!