เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 133
บทที่ 133 เขาชอบผู้หญิงที่ใสซื่อ
ในขณะเดียวกันกับที่ซูหยวนและประธานจางถูกจับกุม ลี่เฉินซีก็ได้รับข้อความจากหวางอี้
จากที่ทางตำรวจได้ติดตามการสืบคดี เช้าวันนี้ได้จับกุมคนร้ายสองคนได้ที่อาคารผู้โดยสารเขตชานเมือง จากคำให้การของคนร้ายสองคนนี้ มีการสาวไปถึงตัวจางฝูฉาย
จางฝูฉายไม่พอใจลี่เฉินซียกเลิกการให้ความร่วมมือ อีกทั้งยังถูกบริษัทลี่ซือกรุ๊ปแห่ถอดถอนเงินออก จนทำให้สถานการณ์บริษัทถึงขั้นเลวร้าย ได้รับความเสียหายอย่างหนัก เพื่อต้องการให้ผ่านวิกฤตินี้ไปได้ จึงได้คิดแผนการนี้ขึ้น
ด้วยการจ้างแฮกเกอร์ทางไซเบอร์และนักแข่งรถ อำพรางฆ่าคนด้วยวิธีการจัดฉาก‘อุบัติเหตุทางรถยนต์’ขึ้นในคืนงานเลี้ยง แต่คิดไม่ถึงว่าลี่เฉินซีนั้นดวงจะแข็ง ไม่เพียงแต่ไม่เสียชีวิตแล้ว ยังสามารถสืบหาคนร้ายตัวจริงได้อีก
ขณะที่จางฝูฉายถูกจับกุม ก็ได้ให้การสารภาพและสาวไปถึงซูหยวน
ดังนั้นเป้าหมายของการฆาตกรรมครั้งนี้ก็คือลี่เฉินซีกับซูย้าว แต่บังเอิญคนที่นั่งอยู่ในรถคันนั้นเป็นหานฉ่ายหลิง
ลี่เฉินซีเพ่งอยู่กับข้อความที่หวางอี้ส่งมา หว่างคิ้วที่อยู่บนใบหน้ารูปงามได้พับย่นขึ้น จางฝูฉายกับซูหยวนจะใช่ฆาตกรตัวจริงไหม!
เมื่อเห็นความสงสัยที่อยู่ในแววตาของเขา หานฉ่ายหลิงที่นั่งอยู่ข้างๆจึงได้พูดแทรกขึ้น “ไม่เชื่อเหรอ หรือว่ามีอะไรที่น่าสงสัย”
ลี่เฉินซีวางโทรศัพท์ลง แต่คิ้วเข้มที่ขมวดมุ่นไม่ได้ผ่อนคลายลง แล้วชำเลืองตามองไปทางเธอ โดยที่สมองยังคงคิดวนเวียนอยู่กับข้อเท็จจริงของคดีนี้
ผ่านไปสักพัก จึงพูดขึ้นเพียงว่า “มันพูดยาก”
สามคำที่คลุมเครือ
หานฉ่ายหลิงยกริมฝีปากขึ้นเบาๆ “ฉันรู้ว่าคุณกำลังสงสัยอะไรอยู่ คุณกำลังคิดว่าประธานจางไม่น่าจะมีปัญญาใช่ไหม”
คิดเช่นนั้นจริงๆ
ตามความสามารถของจางฝูฉายที่มีเพียงน้อยนิดนั้น สามารถทำได้แค่หลอกสาวๆมาเลี้ยงดูและทำธุรกิจเล็กๆเท่านั้น ถึงขั้นที่คิดจ้างแฮ็กเกอร์เพื่อจัดฉากอุบัติเหตุทางรถยนต์ในการฆ่าอำพรางเขานั้น ประเด็นสำคัญคือ สามารถว่าจ้างคนฝีมือเก่งเช่นนี้ได้ มันไม่สอดคล้องกับพฤติกรรมของเขา
ยังมีซูหยวนอีก ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่คนดีสักเท่าไหร่ และก็ไม่ค่อยลงรอยกับซูย้าวก็จริง แต่วิธีที่สมรู้ร่วมคิดกันเช่นนี้ มันดูไม่สอดคล้องเลยสักนิด
“คุณรู้สึกว่าต้องเป็นคนอื่น อีกทั้งคนคนนี้คุณก็ยังรู้จักด้วย ถูกไหม” หานฉ่ายหลิงกล่าวต่อ
ครั้งนี้ ลี่เฉินซีหัวเราะขึ้น
ใบหน้าหล่อเหลาที่ขาวเนียน ริมฝีปากสีจางๆที่ชวนหลงใหล หันมาทางเธอแล้ววยกมือให้ “คุณนี่ช่างเข้าใจผมจริงๆ!”
และคนที่มีความสงสัยเกี่ยวกับฆาตกรตัวจริงของคดีนี้ ไม่เพียงมีแต่ลี่เฉินซี ซูย้าวที่เห็นกับตาตอนซูหยวนโดนจับกุม จึงรีบกลับบ้านไปเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อตรวจดูผลการสอบสวนของตำรวจและบริษัทลี่ซื่อ ใบหน้าก็งงงวยสับสนขึ้นทันที
ไม่ว่าจะเป็นจางฝูฉายหรือว่าซูหยวน ก็ดูไม่เหมือนฆาตกรตัวจริง ประเด็นสำคัญคือ บุคคลที่แฮ็กระบบรถยนต์โรลส์รอยซ์คนนั้น ได้ตรวจสอบแล้วว่าชื่อไป๋ชิง วัยรุ่นอายุประมาณยี่สิบต้นๆ และคนคนนี้ยังไม่ถูกจับกุมตัวมาดำเนินคดี
เพียงแต่ทางตำรวจเห็นภาพทางกล้องวงจรปิดข้างถนน ภาพปรากฏซูหยวนกับไป๋ชิงคุยสนทนากัน จากภาพที่เห็นจึงเพิ่มความมั่นใจว่าซูหยวนคือหนึ่งในผู้อยู่เบื้องหลังในการบงการ
แต่ว่าตามความเข้าใจของซูย้าว เรื่องนี้มันต้องมีลับลมคมใน
ในหัววนเวียนแต่เรื่องนี้ จึงดึงดูดความสนใจของซูย้าวทั้งหมด
กระทั่งลูกชายของเธอได้คลานมาถึงขาของเธอแล้วก็ยังไม่รู้สึกตัว เมื่อกำลังจะลุกขึ้น ก็เกือบจะเหยียบโดนขาน้อยๆของลี่เจิ้ง ซูย้าวจึงรีบโน้มตัวลงไปอุ้มขึ้นมาอย่างเป็นห่วงเป็นใย แล้วจับไปที่แก้มน้อยๆ แล้วก็โอ๋ปลอบเขาทันที
เจิ้งเอ๋อซนอยู่ในอ้อมกอดของเธอ เด็กน้อยคนนี้วันๆชอบออเซาะอยู่แต่ซูย้าว มือน้อยๆจับเข้าที่ผมยาวๆของเธอ แล้วหมุนไปหมุนมา จนกระทั่งอานโล๋ได้เข้ามา ถึงได้คลายซูย้าวออก
เธอยิ่งคิดยิ่งรู้สึกผิดปกติ คิดแล้วคิดอีก จึงบอกใบ้ภาษามือให้กับแม่ จากนั้นก็หยิบกระเป๋าแล้วก็ออกจากประตูไป
ถ้าหากเรื่องราวทั้งหมดเป็นฝีมือของคนอื่น และจางฝูฉายก็ยอมที่จะเป็นแพะรับบาปแบบเต็มใจ จะต้องเป็นเพราะสองคนมีการแลกเปลี่ยนบางอย่างซึ่งกันและกัน แต่นี่ก็ไม่ใช่ประเด็น เพียงแต่ฆาตกรตัวจริงคนนั้นมีจุดประสงค์อันใดกัน
ซูย้าวได้เรียกแท็กซี่มาคันหนึ่ง แล้วก็มุ่งตรงไปที่กรุ๊ปเพ้ยซื่อ
นี่เป็นครั้งแรกของชีวิตที่เธอมาที่นี่ เมื่อก่อนเคยแต่เดินผ่าน หรือได้ยินเรื่องราวกรุ๊ปเพ้ยซื่อจากช่องทางต่างๆ เมื่อมาเห็นด้วยตาจริงๆกลับรู้สึกว่า ไม่น่าแปลกใจเลยที่สามารถครองธุรกิจโลกได้ซะส่วนใหญ่ กรุ๊ปเพ้ยซื่อนั้นมีทั้งพลังและกำลังครบครันจริงๆ
อาคารของตึกที่โอ่อ่างดงาม ตกแต่งแบบเรียบง่ายแต่หรูหรา และชื่อเสียงของกรุ๊ปเพ้ยซื่อในฐานะตึกระฟ้าที่สูงเป็นอันดับสองของเอเชีย ล้วนบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งทุกๆด้าน
ห้องของท่านประธานอยู่ชั้นบนสุด เลขาเห็นตัวอักษรที่ซูย้าวสื่อออกมา ถึงได้รู้ว่าเธอนั้นมาหาเพ้ยส้าวอี
แต่เลขากลับบอกเธอว่าเพ้ยส้าวอีไม่ได้อยู่ที่บริษัท
ซูย้าวที่กำลังจะจากไป แต่ดูเหมือนเลขาจะนึกอะไรบางอย่างได้ จึงได้ถามขึ้น “ขอโทษนะครับท่านคือคุณซูย้าวหรือเปล่าครับ”
เธอพยักมาก
เลขาครุ่นคิด ผู้หญิงที่เข้าออกสถานที่ไฮโซ อีกทั้งยังไม่สามารถพูดได้ ก็คงจะมีแต่ซูย้าวเพียงคนเดียวเท่านั้น เขาทำไมถึงลืมไปได้นะ
“คุณซู ประธานเพ้ยได้กำชับกับพวกเราว่า ถ้าหากคุณมาหาท่าน ให้ผมบอกที่อยู่ของท่านให้คุณทราบ” เลขาจึงรีบเขียนที่อยู่ลงในกระดาษโน้ตแล้วยื่นให้ซูย้าวอย่างนอบน้อม
เมื่อเธอรับมาแล้วก็ก้มหน้าเป็นการขอบคุณ
เลขาสุดรอบคอบ ยังเตรียมรถพร้อมคนขับเพื่อส่งเธอไปตามที่อยู่
สมาคมที่อยู่ห่างจากใจกลางตัวเมือง เพ้ยส้าวอีกำลังดื่มด่ำกับทิวทัศน์ เพลิดเพลินกับการจิบชาในสถานที่ออกแนวสไตล์โบราณ
เห็นแต่ไกลๆ ชายคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ที่ศาลา รอบข้างไม่มีใคร แต่งตัวด้วยชุดลำลอง ดูจากด้านหลังแล้ว ความเคร่งเครียดที่เห็นได้ในแต่ละวันได้ลดลง และทำตัวแบบสบายๆ
เมื่อซูย้าวเดินเข้ามาใกล้ เสียงฝีเท้าก้าวเบาๆของเธอ เดินอยู่บนทางเดินหินรูปไข่ที่แทบจะไม่มีเสียง แต่เขาก็กลับได้ยิน แล้วหันมายิ้มให้อย่างเบิกบาน “ผมรอคุณนานแล้ว!”
“…..”
ซูย้าวรู้ดีว่าทำไมถึงอคติกับคนคนนี้เช่นนี้ เพ้ยส้าวอีเป็นคนยากที่จะหยั่งถึง เวลาต่อหน้าเธอชอบทำตัวเปิดเผย และที่สำคัญยังทำตัวเหมือนเป็นคนสนิทคุ้นเคย ราวกับว่าทุกอิริยาบถที่เธอเคลื่อนไหว การส่งสายตา การขมวดคิ้ว เขานั้นเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง
ต่อหน้าเขาเธอเหมือนกับโปร่งใสจนเห็นเนื้อในได้อย่างชัดเจน ความรู้สึกเช่นนี้คิดว่าคงไม่มีใครชอบ
“ดื่มชาก่อนเถอะ!” ”เพ้ยส้าวอีได้อ้อมไปแล้วชงชาให้กับเธอด้วยตัวเอง
ซูย้าวจะไปมีอารมณ์ที่ไหนมาดื่มน้ำชา เธอเพียงนั่งลงจากนั้นใช้ภาษามือใบ้ขึ้น “เรื่องของจางฝูฉายกับซูหยวน คุณจงใจป้ายสีใส่ใช่ไหม!”
เพียงประโยคเดียวก็พูดเข้าตรงประเด็น
เพ้ยส้าวอีกวาดตามองภาษามือของเธอ ในขณะเดียวกันก็ยื่นถ้วยน้ำชาให้ แล้วก็หายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็เอนตัวพิงลงที่เก้าอี้หวาย “ซูย้าว เธออย่าเป็นคนตรงเกินไปได้ไหม
เธอหัวเราะเยาะในใจ กับคนเช่นเขา ทำไมต้องอ้อมค้อม!
“เธอมีหลักฐานอะไรที่บ่งบอกว่าผมเป็นคนทำ” เขาถามย้อนกลับ
ซูย้าวจ้องเขา แล้วพูดด้วยภาษามือต่อ “คุณอยากได้หลักฐานงั้นเหรอ ฉันสามารถสงเคราะห์คุณได้ แต่ว่าเพ้ยส้าวอี ถ้าฉันสืบได้ว่าเป็นฝีมือของคุณแล้วจริงๆ คิดว่าคนที่จะมาหาคุณนั้น ก็คงจะเป็นตำรวจ!
“ข่มขู่เป็นแล้วเหรอ!” เขายกริมฝีปากขึ้นอย่างพอใจ เผยให้เห็นถึงแววตาการชื่นชม “ผมพบว่า ถ้าเมื่อไรที่อยู่ไกลจากลี่เฉินซี ตัวตนที่ซ่อนอยู่ข้างในของคุณก็จะถูกเปิดเผยออกมา ต่อหน้าผมในตอนนี้ต่างหาก คือตัวตนที่แท้จริงของซูย้าว!”
เธอขมวดคิ้วขึ้น ตาขยับเล็กน้อย
จุดนี้เพ้ยส้าวอีพูดได้ถูกต้อง
เธอก็เหมือนกับก้อนหินแหลมก้อนหนึ่งที่มีเหลี่ยมคมกริบ มีความคิดที่เฉียบคม มีสายตาที่โฉบเฉี่ยว เพียบพร้อมทั้งพลังและความสามารถ แต่เมื่อเจอกับลี่เฉินซี เธอก็จะปกปิดอย่างระมัดระวัง และซ่อนรัศมีที่มีอยู่ในตัวไว้ เป็นผู้หญิงใสๆธรรมดาคนหนึ่ง เพียงเพื่อคนข้างกาย
นี่คงเป็นความรักสินะ!
เมื่อรักคนคนหนึ่งแล้ว ก็เต็มใจที่จะเปลี่ยนแปลงหรือละทิ้งทุกอย่างที่มี แม้แต่ความอดทนเส้นสุดท้ายก็ตาม
ตอนที่ซูย้าวเข้าใจหัวใจของตัวเอง และรักคนคนนั้นสุดหัวใจ ก็ได้กลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว
“รู้ไหม ลี่เฉินซีชอบผู้หญิงข้างกายที่ใสๆซื่อๆ เหมือนอย่างที่เธอแสร้งทำเป็นประจำแบบนั้น——”
เพ้ยส้าวอีลากเสียงยาว สายตายิ่งเพิ่มความคมกริบในการจ้องมองเธอ เผยอริมฝีปากขึ้นแล้วพูดต่อ “แต่แปลว่าตัวตนที่แท้จริงของเธอนั้นกลับตรงกันข้าม เธอคิดว่าเขาจะไม่มีทางรู้เหรอ”