เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 135
บทที่ 135 ผมดีกับคุณได้มากกว่าเขา
ประโยคธรรมดาแต่กลับกระแทกเข้ามาในแก้วหูของซูย้าว
สำหรับเรื่องซูป๋อลอนถูกทำร้ายจนเสียชีวิต นอกจากเธอและฆาตกรตัวจริงอย่างซัวฉ่ายลี่แล้ว ก็ไม่มีคนอื่นรู้เรื่องนี้อีก
แม้แต่ซูหยวนกับเซียวควนก็ไม่รู้ความจริงนี้ แล้วเพ้ยส้าวอีไปรู้มาจากไหน
“เรื่องของคุณท่านซู คุณคงแปลกใจว่าผมรู้ได้อย่างไรสินะ!” เพ้ยส้าวอียิ้มขึ้นเบาๆ เบาดุจก้อนเมฆดุจสายลม แค่เพียงหนึ่งประโยคที่หลุดออกมาจากปากของเขา ราวกับว่าช่างสมเหตุสมผล
แต่สำหรับซูย้าวแล้ว เหมือนความลับที่อยู่ในใจถูกเปิดเผยออกมาอย่างฉับพลัน ความเย็นยะเยือกได้หนาวไปถึงข้างในกระดูก
“สำหรับคุณมันอาจจะเป็นความลับ แต่สำหรับผมมันไม่ใช่”
สำหรับการเสียชีวิตของคุณท่านซูเป็นเพียงการคาดเดาของเพ้ยส้าวอีเท่านั้น แต่เมื่อเห็นปฏิกิริยาของซูย้าวในเวลานี้ เขาถึงได้มั่นใจการคาดเดาที่อยู่ในใจนี้
เขาบอก “ผมจำได้ว่าตอนเด็กๆคุณสามารถพูดได้ สุขภาพแข็งแรงมาก อีกทั้งยังสามารถร้องเพลงได้เต้นเก่งด้วย”
ตอนที่ซูย้าวเป็นเด็ก แค่เพียงสี่ขวบก็ถูกอานโล๋ส่งตัวกลับไปที่ตระกูลซู ซูป๋อลอนชอบลูกสาวคนนี้มาก จึงมักจะพาเธอไปออกงานเลี้ยงต่างๆด้วยเสมอ อีกทั้งยังให้เธอขึ้นเวทีแสดงเปียโนบ่อยๆ และการแสดงอีกหลายประเภทที่เพิ่มความสนุกสนาน
เด็กน้อยที่เก่งทั้งร้องทั้งเต้นแบบนี้ จึงเป็นถูกใจของผู้คน จนผู้คนส่วนใหญ่ต่างต้องการชมการแสดงของเธอ ซูย้าวตัวเล็กๆเป็นที่รักของคนเป็นหมื่นเป็นพัน ราวกับเป็นซูเปอร์สตาร์ เพ้ยส้าวอีในตอนนั้นก็หลงเสน่ห์ในตัวเด็กน้อยคนนี้
“แต่เมื่อเธออายุได้เก้าขวบ คุณท่านซูกลับมาเสียชีวิตอย่างกะทันหัน และไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์ เธอก็มาล้มป่วย”
เพ้ยส้าวอีเล่าเรื่องราวในอดีตอย่างช้าๆ แล้วก็มีความสงสัยขึ้น
ทุกคนต่างก็รู้ว่าซัวฉ่ายลี่นั้นเป็นเพียงแม่เลี้ยง ซูย้าวเป็นลูกสาวนอกสมรสของบริษัทซูซื่อ เป็นลูกสาวซูป๋อลอนกับคนรักเก่า และยังเกิดหลังจากที่แต่งงานแล้ว ซัวฉ่ายลี่เกลียดลูกสาวนอกสมรสมากแค่ไหน ทุกคนต่างรู้ดี
คุณท่านซูที่เพิ่งเสียชีวิต เด็กสาวที่อายุอย่างเก้าขวบล้มป่วยกะทันหัน ไม่ได้ออกจากบ้านเป็นเวลาหลายเดือน จากนั้นก็มีข่าวว่าอานโล๋ป่วยเป็นโรคประสาท จนถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล
หลายเดือนผ่านไป ซูย้าวก็ได้ปรากฏตัวต่อสายตาทุกคนอีกครั้ง แต่แล้วกลับกลายเป็นคนใบ้
ที่ไม่สามารถพูดได้อีก
เรื่องแบบนี้ ยิ่งคิดยิ่งไตร่ตรอง ทุกคนต่างก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ชอบมาพากล เพียงแต่มีบางคนที่ให้ความสนใจ ก็จะตรวจสอบเพิ่มเติม มีบางคนที่คิดว่าไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับตัวเอง จึงแค่เพียงมองผ่านไป เมื่อเวลาล่วงเลย ทุกอย่างก็ถูกลืมไปสิ้น
เห็นได้ชัดว่าเพ้ยส้าวอีอยู่ในกลุ่มแรก
“ความลับบางอย่าง คุณมองว่าเป็นความลับ แต่ในสายตาผู้อื่น มันไม่ได้เป็นอะไรสักอย่างตั้งนานแล้ว!” ประโยคที่แผ่วเบาของเขา ค่อยๆจางหายไป แต่กำแพงที่อยู่ภายในใจของซูย้าวมาหลายปีกลับพังถล่มในพริบตาเดียว
แตกกระจุยกระจายไม่เหลือแม้แต่ซาก!
เธอจ้องมองเขา สักพักก็หายใจเร็ว สักพักก็หายใจช้า เป็นแบบนี้อยู่นานสองนาน ก็ไม่ได้หายจากอาการช็อก
“ลองไปไตร่ตรองดูนะ”
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเพ้ยส้าวอีจับจุดอ่อนของซูย้าวได้สำเร็จ เมื่อคุณท่านซูเสียชีวิตและชะตากรรมหลังจากนั้นของบริษัทซูซื่อ บทความนี้เขียนไว้ได้ดีมาก
แม้แต่ลี่เฉินซีก็ไม่เคยให้คำสัญญาแบบนี้ ที่เพ้ยส้าวอีสามารถพูดแบบนี้ ซูย้าวก็รู้ดีว่าเขามีปัญญาที่จะทำให้ความฝันของเธอเป็นจริง
แต่ว่าปัญหาก็คือ เธอต้องการมันหรือเปล่า
“ในเมื่อคุณรู้ว่าฉันเป็นผู้หญิงแบบไหน อย่างนั้นคุณก็น่าจะรู้ดี ไม่ว่าจะเป็นการแก้แค้นหรือการกู้คืนบริษัทซูซื่อ ฉันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพึ่งพาใคร!” เธอใช้ภาษามือรีบตอบกลับทันควัน
แม้จะเป็นเพียงแค่คนใบ้ แม้ว่าจะแบกรับความลับนี้ไว้ตั้งแต่เล็กจนโต ต้องเผชิญกับความอัปยศอดสู แต่เธอก็มีวิธีจัดการของเธอ
ต่อให้ไม่สามารถที่จะพูดได้อีกตลอดชีวิต เธอก็ไม่มีทางเป็นคนอ่อนแอ!
เพ้ยส้าวอีพยักหน้าเบาๆ “ใช่ คุณเป็นคนที่มีความสามารถ เพียงแต่ผมยินดีและเต็มใจที่จะช่วยเหลือคุณ แล้วสิ่งที่ผมทำให้กับคุณเป็นสิ่งที่ลี่เฉินซีไม่สามารถที่จะทำให้ได้! ซูย้าว วันหนึ่งคุณก็จะรู้เองว่าที่ผมทำเพื่อคุณนั้น มากกว่าในสิ่งที่เขาทำ!”
เงื่อนไขที่เขาเสนอมา นั้นน่าดึงดูดพอสมควร
อีกนิดเดียว เธอก็จะหวั่นไหวแล้ว
แต่เมื่อคิดๆดู สติที่เหลืออยู่อันน้อยนิดก็เอาชนะขึ้น
เธอสายหน้ายิ้มขึ้นอย่างเย็นชาชวนหลงใหล แล้วพูดด้วยภาษามือ “บางทีคุณอาจจะดีกับฉันเหมือนตอนแรกเริ่ม แต่จะทำยังไงดีล่ะ ฉันรักเขา ฉันไม่อยากไปจากเขา ไม่ว่าคุณจะใช้วิธีหรือกลยุทธ์อะไร คำตอบของฉันก็คือไม่เสมอ!”
เธอไม่มีกะจิตกะใจที่จะสนทนาต่อ จึงทำความเคารพแล้วก็หยิบกระเป๋าลุกขึ้นเพื่อจะเดินออกไป
เพ้ยส้าวอีจ้องดูด้านหลังของเธอ แล้วก็ค่อยๆพูดขึ้นอย่างใจเย็น “อย่าเพิ่งพูดมั่นใจขนาดนั้นสิ ผมเชื่อว่าสักวันหนึ่งคุณจะต้องเปลี่ยนใจ!”
เปลี่ยนใจเหรอ
เมื่อซูย้าวได้ฟังคำเหล่านี้ ริมฝีปากที่เบาบาง ก็หัวเราะเยาะขึ้น
บางทีคนบางคนอาจมีนิสัยที่ดื้อรั้น ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา
แต่ซูย้าวนั้นแตกต่างออกไป ต่อให้เธอต้องเลือดตกยางออก เธอก็จะยืนหยัดไปให้ถึงที่สุด เพื่อบรรลุเป้าหมาย จะไม่ลดละความพยายาม แม้ต้องแลกด้วยชีวิต ความมุ่งมั่นของเธอจะไม่ไหวหวั่นสั่นคลอน
เธอต้องการให้เขารักเธอ
ไม่ว่าจะวันนี้ หรือวันหน้า
หรือแม้แต่อนาคต
การเดิมพันครั้งนี้ นับตั้งแต่ครั้งแรกที่พบเขาในวันนั้น และเธอก็ใช้ทั้งชีวิตในการเดิมพัน!
และจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
เมื่อกลับไปถึงบ้านตระกูลลี่ ซูย้าวก็ปิดคอมพิวเตอร์ที่ตัวเองใช้เป็นประจำ แล้วนำไปวางไว้ที่ห้องเก็บของ ในเมื่อลี่เฉินซีไม่ชอบผู้หญิงที่ฉลาดเกินไป อย่างนั้นเธอก็ต้องให้ความร่วมมือกับเขา ไม่ใช่เหรอ
อานโล๋ร่างกายไม่ค่อยสบาย อาจเป็นเพราะอากาศในช่วงฤดูร้อน และเกิดจากที่แต่ละวันยังต้องดูแลเด็ก ทำให้โรคหัวใจกำเริบ จึงทำให้ต้องย้ายออกไปจากที่นี่ชั่วคราว โดยที่มีคุณหมอเฉพาะทางคอยดูแล โดยย้ายไปอยู่ที่บ้านพักเขตชานเมือง
ที่ตรงนั้นมีสภาพแวดล้อมที่สวยงาม เหมาะแก่การพักผ่อนร่างกาย
หลังจากที่แม่ย้ายออกไป หน้าที่ดูแลลูกจึงกลับมาเป็นของซูย้าวอีกครั้ง โชคดีที่ช่วงนี้ลี่เฉินซีพักอยู่ที่โรงพยาบาล และคดีก็จบลงด้วยการจับกุมจางฝูฉายกับซูหยวน เธอก็ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว อยู่กับลูกชายตลอดทั้งวัน ถึงแม้จะดูเรียบไปหน่อย แต่ก็มีความสุขดี
เจ้าตัวเล็กฝึกเดินได้แล้ว เพียงแต่ตอนที่เดินจะยังเซไปเซมา จึงยังต้องมีคนคอยเฝ้าดู
และลี่เจิ้งซนมาก ถ้าละสายตาไปเพียงชั่วครู่ ก็วิ่งไปไหนไม่รู้แล้ว
วันนี้ ในขณะที่เธอเล่นน้ำกับลูกชายที่ริมสระน้ำหลังบ้าน เจ้าตัวเล็กที่อยู่ในห่วงเป็ดน้อย เล่นน้ำอย่างสนุกสนาน
และมีพี่เลี้ยงและแม่บ้านเฝ้าดูอยู่ใกล้ๆ ซูย้าวนั่งลงบนเก้าอี้ แล้วดื่มน้ำผลไม้ แสงแดดที่สาดส่อง ช่างเป็นวันที่อากาศดีจริงๆในช่วงฤดูร้อนนี้
เจี่ยงเวินอี๋ก็มาที่บ้านตระกูลลี่ช่วงเวลานี้พอดี หน้าบ้านไม่มีคน จึงได้เดินผ่านระเบียงทางเดินที่เงียบสงบมาจนถึงหลังบ้าน ถึงได้พบกับทุกคน
เมื่อเจิ้งเอ๋อเห็นคุุณย่า ก็รีบยิ้มอย่างอ่อนโยนขึ้นทันที และเอื้อมมือไปให้เจี่ยงเวินอี๋อุ้ม
เจี่ยงเวินอี๋ก็รีบวางกระเป๋า ถอดแว่นกันแดดออก แล้วอุ้มหลานขึ้นมา แต่เลิกคิ้วมองซูย้าวแวบหนึ่ง แล้วก็ขมวดคิ้วขึ้นทันใด
“ตั้งแต่ที่เฉินซีนอนโรงพยาบาล เธอก็ไม่เคยไปที่โรงพยาบาลเลยใช่ไหม! ซูย้าว เธอเคยเห็นเขาเป็นสามีของเธอบ้างไหม ทำไมถึงไม่สนใจใยดีแม้แต่น้อย!”ตำหนิโครมๆ ด้วยใบหน้าบึ้งตึง
ซูย้าวหรี่ตาลงอย่างจนปัญญา ไม่ใช่ว่าเธอไม่ไปโรงพยาบาล แต่ต่อให้ไปแล้วมันจะมีประโยชน์อย่างไร
เขาก็มีหานฉ่ายหลิงอยู่ข้างๆทั้งคน ดูแลอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ยังจะต้องมีเธอไปอีกทำไม…..
“ไม่แปลกใจเลยที่เฉินซีไม่ถนอมเมียอย่างเธอ ถ้าหากเป็นฉัน ฉันคงหย่ากับเธอตั้งนานแล้ว! มันน่าจริงๆเลย ยังจะมายืนบื้ออยู่ทำไมอีก ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้!”