เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 140
บทที่ 140 อันธพาล
สีหน้าหนักอึ้งของซูย้าวนั้นจนปัญญา
เธอรู้ว่าลี่เฉินซีมีนิสัยรักความสะอาด และอีกทั้งในชีวิตประจำวันจะสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย ก่อนนอนทุกครั้งต้องทำความสะอาดร่างกายก่อน พอตื่นขึ้นมาก็อาบอีกครั้ง แต่ว่าตอนนี้ป่วยอยู่ อีกทั้งการผ่าตัดเพิ่งผ่านไปไม่กี่วัน จะให้โดนน้ำ แล้วถ้าเกิดแผลติดเชื้อขึ้นมา แล้วถ้าเกิดเป็นหนองขึ้นมา…..
ซูย้าวเพ่งมองไปที่แผลที่อยู่บนหน้าอกที่ยาวกว่าสิบเซนติเมตร ขมวดคิ้วแน่น
ไม่ได้!
เธอยกมือสองข้างแล้วไขว้ขึ้นที่แปลว่า ‘ไม่’
อย่าแม้แต่จะคิด
ลี่เฉินซีจึงหลับตาลง และเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง “คุณไม่อาบน้ำให้ผม งั้นผมไปอาบเอง!”
“…..”
ซูย้าวหมดคำพูด ทำไมถึงต้องมาเจอผู้ชายแบบนี้นะ!
นิสัยที่เอาแต่ใจ นอนอยู่ที่โรงพยาบาล มีพยาบาลคอยดูแลก็ดีอยู่แล้ว กลับอยากจะกลับมา จนเธอต้องวุ่นวายไปด้วย เธอจึงอ้าแขนทั้งสองข้างที่เรียวออกแล้วขวางทางเดินของเขาเอาไว้ แล้วใบ้มือขึ้น “อาบน้ำไม่ได้ น่ากลัวแค่ไหนถ้าแผลติดเชื้อแล้วเกิดเป็นหนองขึ้น !
“เป็นหนองเหรอ” ลี่เฉินซีประหลาดใจ แววตาขึงขังขึ้น
ผู้หญิงคนนี้คิดไม่ถึงว่าใจคอโหดร้าย ถึงขนาดแช่งให้แผลของเขาเป็นหนอง!
ยังไม่ทันที่จะโมโห ซูย้าวก็คิดออกวิธีที่ดี เธอดึงแขนของเขาแล้วลากกลับไปที่บนเตียง ให้เขาหยอดน้ำเกลือต่อ แล้วตัวเองก็ใบ้ภาษามือขึ้น “ฉันจะไปเอาน้ำมาหนึ่งกะละมัง แล้วมาเช็ดตัวให้กับคุณนะ!”
สถานการณ์เช่นนี้ ก็คงต้องปล่อยให้เป็นแบบนี้
ลี่เฉินซีไม่พูดอะไร แล้วก็หลับตาลง เป็นการตอบตกลงโดยปริยาย
เธอถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วก็เดินไปที่ห้องอาบน้ำ
หากะละมังไม่เจอ เธอถึงครุ่นคิด แล้วเดินลงตึกไปที่ห้องซักผ้า จากนั้นหยิบกะละมังแล้วขึ้นมาบนตึก ทำการเติมน้ำอุ่นลงในกะละมัง เมื่อวัดอุณหภูมิในน้ำว่าพอดีแล้ว จึงได้ยกมา แล้วใช้ผ้าขนหนูชุบให้เปียก บิดให้แห้ง จากนั้นก็เช็ดตัวให้เขา
เขาเหมือนกับคุณชายที่นอนนิ่งอยู่ตรงนั้น ไม่ไหวติง
อีกทั้งยังหลับตาลง ราวกับกำลังดื่มด่ำกับการถูกปรนนิบัติ เพียงแต่ซูย้าวรู้สึกต้องใช้กำลังเยอะ การเช็ดตัว ต้องถอดเสื้อผ้าออกก่อนสิ!
เธอถอนหายใจขึ้น แล้ววางผ้าขนหนูลง แล้วดึงเขาขึ้นอีกครั้ง อีกทั้งยังต้องทำอย่างระมัดระวัง จะต้องไม่ให้โดนเข็มที่อยู่บนแขนของเขา สุดท้ายก็ไม่สามารถถอดแขนเสื้อออกมาได้ แล้วเธอก็ยังกังวลว่ามือเท้าที่เงอะงะของตัวเอง จะไปโดนเข็มแล้วเอียงได้ ถ้าเจี่ยงเวินอี๋รู้เข้า ก็ต้องโดนด่าอีก!
เมื่อคิดแล้วคิดอีก ซูย้าวจึงเปิดลิ้นชักบนหัวเตียง แล้วหยิบกรรไกรออกมาตัด ‘ฉับๆ’ แขนเสื้อของเขา ปลดปล่อยกล้ามเนื้อสีข้าวสาลีที่รูปร่างดีได้สำเร็จ
แต่ว่าภาพนี้ กลับทำให้ลี่เฉินซีถึงกับช็อก
เขาจ้องไปที่เสื้อเชิ้ตราคาหลายแสน แล้วถอนหายใจอย่างจนปัญญา
คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้ บางทีตัดสินใจก็เด็ดเดี่ยวและเด็ดขาด ไร้ความปรานีเช่นกัน!
ซูย้าวไม่อยากจะสนใจพวกนี้ ถึงอย่างไรสำหรับลี่เฉินซีแล้ว ต่อให้เสื้อผ้าจะแพงมากแค่ไหน ก็ใส่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น สามร้อยหกสิบกว่าวัน ไม่เคยเห็นเขาใส่เสื้อสูทซ้ำกันในแต่ละวัน
ชายหนุ่มนอนเปลือยกายท่อนบนที่แข็งแรงอยู่ตรงนั้น มือข้างหนึ่งซุกอยู่ใต้หมอน แล้วเอียงหน้ามามองเธอ
สายตาดูพินิจพิเคราะห์ แต่ให้ความรู้สึกสุดจะพรรณนา
ซูย้าวชุบผ้าขนหนูให้เปียก แล้วบิดให้แห้ง จากนั้นก็เช็ดลงบนตัวของเขา จ้องรอยแผลเป็นบนแผ่นหน้าอก หัวใจก็สั่นเล็กน้อย หลังจากการผ่าตัด ยาชาหมดฤทธิ์ เขาก็คงจะเจ็บมากสินะ!
แต่ว่าต่อให้เจ็บมากแค่ไหน ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอสักหน่อย ไม่ได้เพื่อเธอ……
ค่อยๆเช็ดด้านหน้าจนเสร็จ ซูย้าวจึงใบ้ด้วยมือให้เขานอนคลานขึ้น จะได้ช่วยเขาเช็ดแผ่นหลังได้สะดวก
ลี่เฉินซีถึงกลับขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้น “คุณต้องการให้ผมนอนคลาน?”
เธอพยักหน้า ใช่ คลานขึ้น!
“คลานแบบนั้น ควรจะเป็นคุณสิที่ต้องทำ ไม่ใช่ผม!” ใบหน้าอันหล่อเหลาดื้อรั้นขึ้น ให้เขาคลานแบบผู้หญิงอย่างนั้นเหรอ ฝันไปเถอะ! อย่าแม้แต่จะคิด!
ซูย้าวปาดเหงื่อ นี่มันอะไรกันเนี่ยะ!
ไม่นอนคว่ำก็ไม่นอนคว่ำ เธอจึงถอดรองเท้าแตะออก แล้วขึ้นบนเตียงด้วยเท้าเปล่า แล้วดึงท่อนแขนของเขาขึ้น เพื่อส่งสัญญาณให้เขาลุกขึ้นนั่ง เพื่อที่เธอจะได้เช็ดหลังให้
เป็นการยากที่ลี่เฉินซีจะให้ความร่วมมือ แต่เขาก็ลุกขึ้นนั่งจริงๆ เธอจึงค่อยๆเริ่มเช็ดหลังให้เขา และใบหูก็ตั้งใจฟังเขาพูด “คุณว่าถ้าอายุเจ็ดแปดสิบแล้ว คุณยังจะปรนนิบัติผมแบบนี้ไหม”
ซูย้าวหยุดชะงักขึ้น นึกขำในใจ สามีภรรยากันก็ต้องประคับประคองกันไปจนแก่เฒ่าไม่ใช่เหรอ หรือว่าเมื่อเขาแก่แล้ว กลายเป็นตาเฒ่า เธอก็จะทิ้งเขาว่าไม่สนใจไยดีแล้ว
แต่ว่านี่ถึงกับเป็นการเตือนสติเธอ
ดวงตาคู่งามของซูย้าวกลอกไปมาเล็กน้อย ตอนนี้ปล่อยให้เขารังแกเธอ ไม่รักเธอ จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อเขารักเธอแล้ว เธอก็จะเตะเขาให้กระเด็น และทำการลงโทษเขา!
จมอยู่ในความคิดเล็กๆน้อยๆของตัวเอง จนลี่เฉินซีจู่ๆก็เอนตัวนอนลง ทำให้ซูย้าวสะดุ้งขึ้น!
แต่เขากลับพูดด้วยท่าทางขี้เกียจว่า “เหนื่อยแล้ว!”
เหนื่อย…..
ยังดีที่เช็ดหลังให้เสร็จแล้ว น้ำก็เริ่มเย็น เธอจึงไปที่ห้องน้ำเพื่อทำการเปลี่ยนน้ำร้อน
ขณะที่เธอถือกะละมังออกมามาจากห้องน้ำนั้น ก็เห็นลี่เฉินซีได้ถอดกางเกงออกแล้ว อีกทั้งยังมีสติครบครัน
ซูย้าวเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ จนเกือบจะล้มลง!
ร่างกายเปลือยเปล่า
นอนอยู่บนเตียงโดยที่ไม่มีอะไรมาปกปิด แต่ยังคงหยิ่งผยองราวกับรอเวลาบุกโจมตี ความรู้สึกที่พร้อมตลอดเวลา ทำให้เธอก็ยิ่งหน้าแดงใจเต้นแรง
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะทำกันมาแล้วหลายร้อยครั้ง แต่ว่า…..แสงไฟสว่างไสวดุจกลางวัน เขาตรงไปตรงมาเช่นนี้ ทำให้เธอรู้สึก…..รับไม่ค่อยได้จริงๆ!
ลี่เฉินซีกลับไม่รู้สึกถึงความอึดอัดใจของเธอ เพียงเอียงหัวแล้วพูดขึ้น “เร็วๆหน่อย!”
ซูย้าวที่ถือกะละมังอยู่ได้สูดลมหายใจเข้า จะโกรธไม่ได้ เขาเป็นสามีของตัวเอง เป็นผู้ชายที่เลือกเอง ไม่ว่าจะอย่างไร ก็จะต้องยืนหยัดต่อไป สู้ๆ!
แล้วก็เดินเข้าไป จากนั้นวางกะละมังลง ชุบผ้าขนหนูให้เปียกแล้วก็บิดให้แห้ง จากนั้นค่อยๆเช็ดตรงขาทั้งสองข้างที่เรียวยาวและแข็งแรงของเขา ด้วยน้ำหนักที่ไม่เบาและแรงเกินไป
เธอได้ทำดีที่สุดแล้ว แต่ลี่เฉินซีก็ยังหาเรื่องเธอได้
เขายังคงนอนเหมือนคุณชายอยู่ตรงนั้น ก้มหัวมองเธอแล้วพูดขึ้น “ตรงนั้น เช็ดให้ดีๆ!”
ตรงนั้น?
ซูย้าวชะงัก นึกว่าเขาชี้ไปที่เท้า จึงได้เปลี่ยนผ้าขนหนู เมื่อบิดจนแห้งแล้ว จึงเช็ดตรงที่เท้าของเขา
วินาทีต่อมา ผ้าขนหนูผืนนั้นก็ถูกเขาเตะกระเด็นจนลอยไป!
“เช็ดเท้าของผมทำไม”
ซูย้าวที่ยืนอยู่ข้างๆ ยักไหล่ และไม่มีการอธิบาย
เขานอนอยู่บนนั้น ลูกตาเคลื่อนไหวไปมา ทันใดนั้นเหมือนเขาฉุกคิดอะไรได้ พูดขึ้นด้วยความช็อก “คุณหาว่าเท้าของผมเหม็นเหรอ ถึงได้มาเช็ดให้”
ใช่ เขาเดาถูกแล้ว!
มองซูย้าวที่สีหน้าไม่มีการเปลี่ยนแปลง ลี่เฉินซจึงโกรธจนใบหน้ารูปงามได้เปลี่ยนเป็นดำขึ้นทันที “เท้าของคุณต่างหากที่เหม็น! คุณ…..”
ผู้หญิงคนนี้ อย่ามองว่าเธอพูดไม่ได้เชียวล่ะ ยั่วโมโหเก่งเลยทีเดียว!
เขาลุกขึ้นนั่งในทันใด จากนั้นคว้ามือของเธอแล้วดึงตัวเธอเข้ามาในอ้อมกอดอย่างแรง ซูย้าวตกใจไม่รีรอที่ขัดขืน แต่มือน้อยๆของเธอก็ถูกจับวางลงข้างตัวจนสุดแขน
ความรู้สึกนั้นที่แข็งเหมือนท่อนเหล็ก ทำให้ซูย้าวหายใจแรง มือเล็กๆพยายามขัดขืนเพื่อที่จะให้หลุดพ้น แต่ก็ไม่ขยับเขยื้อนสักนิดเดียว ยังคงถูกชายหนุ่มจับกดไว้อย่างแน่นหนา แล้วกระซิบด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำที่ข้างใบหู “ผมหมายถึงตรงนี้ เช็ดให้ดีๆ อีกสองสามวันมันจะสนองคุณอย่างเป็นที่พอใจ…..”
นี่มันโรคจิตชัดๆ ป่วยขนาดนี้ยังจะอันธพาลได้อีก!
เธอตกใจชะงัก รอยยิ้มแห่งความชั่วร้ายบนริมฝีปากของชายหนุ่มก็เผยอขึ้น แล้วจูบที่ลึกซึ้งก็ได้ประทับลงที่ริมฝีปากบางของเธอ
การจู่โจมครั้งนี้ ไม่เหมือนกับทุกๆครั้ง ราวกับจะส่งเข้าไปในตัวเธอ เร่าร้อน และบ้าคลั่ง