เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 150
บทที่ 150 ไปปลดปล่อยให้สามีคุณ
ซูย้าวคิดว่าโม่หว่านหว่านแกล้งพูดขึ้นมาเฉยๆ ไม่ได้จริงจัง ไม่คิดว่าเช้าวันที่สอง เธอมาหาจริงๆ
โม่หว่านหว่านลากซูย้าวออกจากบ้าน รีบขับมุ่งหน้าไปยังโรงแรมหัวซี
รถถูกจอดลงบนลานจอดรถกลางแจ้ง แต่ไม่ได้รีบลงจากรถทันที โม่หว่านหว่านปลดเข็มขัดนิรภัย จากนั้นหันมามองเธอ พูดขึ้น “เพื่อเป็นการที่หลังจากลงไปไม่แย่งกันพูด ซูย้าว พวกเรามาคุยกันก่อน…”
ซูย้าวตกตะลึง พูดด้วยภาษามือ “พูดอะไรให้ชัดเจน?”
“ข่าวฉาวของลี่เฉินซีและหานฉ่ายหลิงช่วงนี้โดนสื่อเล่นข่าวกันว่อน ในเวลาแบบนี้ ไม่ว่าข่าวฉาวจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ คนปกติควรจะทำอย่างไรกัน?” โม่หว่านหว่านถาม
ซูย้าวขมวดคิ้ว ก็รู้ว่าที่เธอพูดอ้อมไปมาก็คงหนีไม่พ้นเรื่องนี้
มองดูท่าทางของเธอที่ไม่ได้รู้สึกสนใจเท่าไหร่นัก โม่หว่านหว่านก็ถอนหายใจ ดึงมือของซูย้าวมา “พวกเรามาคุยกันดีๆ เธอตอบฉันมา คนปกติเขาทำอย่างไรกัน?”
ซูย้าวถอนหายใจ แล้วตอบด้วยภาษามือ “หลบ!”
“bingo!” โม่หว่านหว่านชี้นิ้ว จากนั้นยิ้ม แล้วลากซูน้าวลงจากรถ
“ไปเถอะ! ไปดูละครฉากใหญ่กัน!”
ซูย้าวกลับขมวดคิ้วแน่น รู้สึกเหมือนว่าจะถูกโม่หว่านหว่านหลอกอยู่เสมอ ยังดูละครฉากใหญ่ อย่าเข้าไปร่วมด้วยก็พอ!
เมื่อเข้าไปในโรงแรม โม่หว่านหว่านลากเธอไปยังโซนพักผ่อนทันที เจอที่หนึ่งบนระเบียงด้านบน สั่งกาแฟมาสองแก้ว
มองตามสายตาของโม่หว่านหว่าน ซูย้าวสังเกตเห็นร่างสูงใหญ่ได้อย่างง่ายดาย ร่างสูงใหญ่กำยำนั้น หากไม่ใช่ลี่เฉินซีจะเป็นใครไปได้
เขานั่งลงบนโซฟาในโซนพักผ่อนของโรงแรม นิ้วเรียวยาวคีบบุหรี่อยู่ในมือ เหมือนกับคุยธุระกับลูกเสร็จแล้ว กำลังรอใครสักคน
ทันใดนั้น ไม่นานลู่ส้าวหลิงก็เดินมา
ทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก ปกติไปดื่มเหล้าด้วยกันบ่อย นี่ก็เป็นเรื่องปกติ ซูย้าวมองโม่หว่านหว่านด้วยสายตาไม่อาจทนได้
เธอกลับทำเป็นดื่มกาแฟ แล้วพูดเพียง “เธอดูต่อไปเรื่อยๆ ตอนสนุกกำลังตามมา!”
ตอนพูดโม่หว่านหว่านยังหยิบโทรศัพท์ออกมา เปิดรูปภาพออกมาให้ซูย้าวดู
เธอดูแล้วก็ตกตะลึง
เป็นตารางทั้งวันของลี่เฉินซี และดูจากตารางแล้วนั้น เขาถึงที่นี่ตั้งเวลาสิบโมงเช้า คุยกับลูกค้าจบ คงจะไปทานกับลู่ส้าวหลิง
โม่หว่านหว่านพูด “ที่นี่ มีสามีเธออยู่เป็นเรื่องปกติ เขามาเพื่อทำงาน…”
ยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกซูย้าวหันมาถลึงตาใส่ แล้วพูดด้วยภาษามือ “เธอเป็นนักสืบเหรอ? เอาตารางงานเขามาจากไหน?”
โม่หว่านหว่านแลบลิ้น แล้วพูดขึ้น “งานมาก! ฉันโทรหาหวางอี้ บอกว่าเธอจะใช้ เขาก็ส่งมาให้ฉันเลย”
“……”
ซูย้าวไม่รู้จะพูดอะไร
ยัยนี่หักรู้จักใช้ชื่อของเธอแล้ว
สองคนกำลังคุยกันอยู่นั้น สายตาของโม่หว่านหว่านกลับเห็นบางอย่าง รีบใช้มือผลักแขนซูย้าวออก “ดูนี่สิ ข้างล่างนั้นมีใครมาก!”
ซูย้าวรีบหันไปมอง มีหญิงสาวร่างงามเดินเข้ามา แล้วนั่งลงด้านข้างลี่เฉินซี แล้วยังคล้องแขนเขาด้วยความสนิทสนม
ด้านหลัง พลันมีหานฉ่ายหลิงปรากฏตัวขึ้นมา ทำให้ลู่ส้าวหลิงและลี่เฉินซีตกใจเล็กน้อย เธอยิ้มบางๆ เดินมาพูดว่า “ฉันก็ไม่คิดเลยว่าจะเจอพวกคุณ แค่จะมาคุยเรื่องความร่วมมือกันเท่านั้นเอง!”
ลู่ส้าวหลิงรีบพูด “นานๆทีจะพร้อมหน้าพร้อมตา รีบนั่งเถอะ!”
ลู่ส้าวหลิงพูดพลางลุกจะหลบที่ให้นั่ง แต่หานฉ่ายหลิงเดินไปนั่งข้างลี่เฉินซี พลางกุมมือของเขา
“เฉินซี ทำไมคุณมาอยู่ตรงนี้ล่ะ?” เธอถามด้วยเสียงออดอ้อน เหมือนผลักลู่ส้าวหลิงที่กำลังอึดอัดอยู่ออกโดยสิ้นเชิง
ลี่เฉินซีรีบปลดมือของเธอออกจากแขน แล้วพูดด้วยความเย็นชา “คุยธุระ”
“อ๋อ บังเอิญจัง ฉันก็เหมือนกัน!” เธอพูดพลางดูเวลา “ถึงเวลากินข้าวแล้ว ถ้างั้นเราทานข้าวด้วยกันเถอะ!”
ลู่ส้าวหลิงกำลังจะตกลง แต่เมื่อสายตาเหลือบไปสบตากับหานฉ่ายหลิง เธอสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิต เขาสัมผัสได้ จึงกระแอมเบาๆ แล้วก็ส่ายหัวปฏิเสธ
ไม่ทันรอให้ลู่ส้าวหลิงเดินออกไปไกล แขกคนอื่นก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นถ่ายรูป ถ่ายคลิป
แล้วยังมีบางกลุ่มที่แอบซุบซิบกัน
“คงเป็นเธอแน่ๆ! นังเมียน้อยคนนั้น!”
“คนนั้นก็คือท่านประธานลี่สินะ? ไม่สนใจเมียใบ้ที่บ้าน มีความสัมพันธ์ชู้สาวกับแฟนเก่า น่ารังเกียจจริงๆ!”
ไม่ว่าแต่ละคำที่พูดกันนั้น จะเสียงเบาขนาดไหน ก็ได้ยินอยู่ดี สีหน้าของลี่เฉินซีเคร่งเครียด
ด้านบน โม่หว่านหว่านนั่งดูมาสักพักแล้ว ปิดปากแล้วหัวเราะขึ้นมาเบาๆ “โอเค ได้เวลาเธอออกโรงแล้ว!”
ซูย้าวสงสัย มีเรื่องที่เกี่ยวกับเธอด้วยเหรอ!?
โม่หว่านหว่านลากเธอลงไปด้านล่าง “เธอต้องไปช่วยสามีเธอออกมาจากตรงนั้น! นี่ถึงเรียกว่าภรรยาที่ดี ย้าวย้าวของฉัน พยายามเข้า! ฉันไม่มีทางทำร้ายเธอแน่นอน!”
“……”
ถูกโม่หว่านหว่านพาวิ่งลงไปด้านล่าง ลี่เฉินซีลุกขึ้นมาอยู่แล้ว กำลังจะเดินจากไป กลับเจอพวกเธอทั้งสอง จึงชะงักลง
“อ้าว ท่านประธานลี่!” โม่หว่านหว่านยังแสดงท่าทีตกใจยกใหญ่
ลี่เฉินซีพยักหน้าด้วยความเกรงใจสายตาของเขาจดจ้องไปที่ซูย้าว
เธอสัมผัสได้ถึงความเย็นชา ความกดดัน และความไม่ปลอดภัยที่แผ่ออกมา
ลู่ส้าวหลิงและหานฉ่ายหลิงอยู่ด้านหลังตอนเดินออกมาเจอทั้งสอง ลู่ส้าวหลิงตาเป็นประกาย แบ้วจึงพูดขึ้น “อ้าว สาวใบ้ ไม่เจอกันตั้งนานเลยนะ!”
สาวใบ้!?
นี่มันเรียกชื่ออะไรกัน
สามคำนี้ จากเดิมทีที่ลี่เฉินซีมีสีหน้าดุดันอยู่แล้ว ดูเคร่งเครียดกว่าเดิม แววตาดุดันนั้นมองมาทางลู่ส้าวหลิง
โม่หว่านหว่านไม่พอใจเป็นอย่างมาก เดินเข้าไปพูด “คุณลู่ทำไมคุฯพูดจาเหยียดคนอย่างนั้นล่ะคะ!”
“ฉัน…” ลู่ส้าวหลิงตอบไม่ถูก รีบพูดอธิบาย “ฉันแค่ล้อเล่น ซูย้าว ไปไงมาไงล่ะ?”
ไม่รอให้ซูย้าวตอบเป็นภาษามือ โม่หว่านหว่านรีบเข้าไปช่วยเธอ “ฉันชวนเธอออกมาเดินเล่นค่ะ เดินจนเหนื่อยแล้วค่ะ อยากมาหาอะไรทาน แต่ว่าแพงไปหน่อย ให้ท่านประธานลี่เลี้ยงหน่อยได้ไหมคะ!”
ลู่ส้าวหลิงรีบพูดขึ้น “ฉันเลี้ยงเขาแล้ว วันหลังค่อยว่ากันนะคะ แต่ให้ซูย้าวอยู่ก่อน ฟรี!”
คำพูดของลู่ส้าวหลิงเอาแต่ใจมาก
แต่ไม่ทันได้สังเกตว่าบรรยากาศรอบๆเริ่มกดดันยิ่งขึ้นเรื่อยๆใบหน้าเย็นชานั้น ยิ่งดูมืดหมอง
บทที่ลู่ส้าวหลิงสัมผัสได้ พลันตกใจ ลี่เฉินซียกมุมปากขึ้นเล็กน้อย แล้วเดินเข้าไปลากมือซูย้าว พลางพูดขึ้นมาว่า “เรียกว่าพี่สะใภ้!”
“……”
ลู่ส้าวหลิงถอนหายใจอย่างหมดหนทาง พยักหน้าถี่ๆ “ได้ๆ พี่สะใภ้ เชิญพี่ทานมื้อใหญ่ ดีไหม?”
ซูย้าวขำออกมาจากที่ลู่ส้าวหลิงแกล้ง แต่โม่หว่านหว่านดูนาฬิกา รีบบอกว่าบริษัทยังมีธุระ แล้วรีบปลีกตัวออกไป
เหลือเพียงสี่คน บรรยากาศดูแปลกฟ ลี่เฉินซีกลับไม่ได้สนใจสายตาของคนอื่น แค่จับมือซูย้าว แล้วกระซิบ “หิวรึยัง?”
ซูย้าวลังเล จากคำพูดที่โม่หว่านหว่านพูดไว้เมื่อกี้ เพราะความจริงเธอไม่ได้หิวมาก
“ไป พวกเราไปทานข้าวกัน!”
เขาจูงมือเธอเดินออกไปด้านนอก เสียงของลู่ส้าวหลิงดังขึ้นมาด้านหลัง “ไม่ทานที่นี่เหรอ?”
ลี่เฉินซีไม่สนใจและไม่หยุดเดิน ซูย้าวเดินตามจังหวะก้าวของเขา รีบมาก จนไม่ได้สังเกตว่าหานฉ่ายหลิงมองตามหลังพวกเขาที่เดินออกไป แววตานั้นเต็มไปด้วยความโมโหและไม่พอใจ
ลู่ส้าวหลิงมองคนที่อยู่ข้างๆจึงถามขึ้น “หรือว่าฉ่ายหลิงจะทานข้าวเป็นเพื่อนฉันไหม?”
เสียงของชายหนุ่มทำให้หานฉ่ายหลิงได้สติขึ้นมา เธอตกตะลึง แล้วหัวเราะเบาๆ “ไม่ล่ะ บริษัทยังมีธุระเล็กน้อย ไปก่อนนะ!”
มองดูเธอรีบออกไปด้านนอก ลู่ส้าวหลิงยกมือขึ้นมานวดหัว ไม่ใช่สิ บทที่เธอออกไป ยังบอกอยู่เลยว่าคุยเรื่องความร่วมมือไม่ใช่เหรอ? ทำไมไปแล้วล่ะ?