เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 158
บทที่ 158 เอาใจผู้ชายเก่ง
โรงหนังที่เมืองAมีอยู่หลายที่ ลี่เฉินซีเลือกโรงที่ใหญ่และหรูหราที่สุด เป็นโรงหนังในสังกัดของบริษัทLG กล่าวอีกนัยหนึ่ง ก็คือเป็นอีกอุตสาหกรรมหนึ่งที่อยู่ภายใต้ชื่อของลู่ส้าวหลิง
ซึ่งอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับความบันเทิงทุกอย่าง ต่างก็เป็นธุรกิจของลู่ส้าวหลิงทั้งนั้น
เป็นครั้งแรกที่ซูย้าวได้มาในที่แบบนี้เมื่อได้มากับคนที่ชอบ หัวใจก็แอบคละคลุ้งไปด้วยความดีใจเล็กๆน้อยๆ
ลี่เฉินซีไม่ได้จองตั๋วและเลือกหนังที่อยากดูเอาไว้ล่วงหน้าเขาจึงเลือกหนังที่กำลังจะฉาย จากนั้นก็ซื้อป็อบคอร์น แล้วลากซูย้าวเดินเข้าไปในโรงหนัง
หนังที่พวกเขาเข้ามาดูเป็นแนวระทึกขวัญ ยังไม่ทันได้เข้าใจเนื้อเรื่อง ซูย้าวก็ถูกลี่เฉินซีลากออกมาจากโรงก่อน
ส่วนเหตุผลก็คือ——หนวกหู!
ซูย้าวหอบป็อบคอร์นสองถัง ในระหว่างที่กำลังลังเลว่าจะกลับบ้านหรือไม่นั้น ก็เห็นลี่เฉินซีเดินวกกลับไปยังที่ขายตั๋ว แล้วหยิบบัตรเครดิตออกมา จากนั้นก็พูดว่า “เหมาโรง!”
พนักงานให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีเลือกโรงหนังสำหรับคู่รักให้โดยเฉพาะ จากนั้นก็เชิญทั้งสองเข้าไปด้านใน แล้วปล่อยให้ทั้งสองเลือกหนังที่อยากดูได้ตามสบาย
มีเงินสามารถทำอะไรตามใจก็ได้
ซูย้าวหยิบรายการภาพยนตร์ขึ้นมาไล่ดูชื่อหนังที่เขียนอยู่บนนั้น แล้วจึงหันไปมองรอบๆ จากนั้นก็พบว่าภายในโรงภาพยนตร์แห่งนี้ มีพวกเขาอยู่แค่สองคน มีพนักงานสองสามคน คอยยืนให้บริการอยู่ข้างหลังอย่างนอบน้อม
ช่างเข้ากับความเป็นลี่เฉินซีจริงๆ
เมื่อเธอเลือกหนังมาหนึ่งเรื่อง พนักงานก็ออกไป จากนั้นภายในโรงก็มืดลง หน้าจอค่อยๆสว่างขึ้นมา หนังที่เธออยากดูมานานแสนนาน ก็เริ่มฉาย
หนังที่ซูย้าวเลือกเป็นหนังแอคชั่นตั้งแต่หนังเริ่ม จึงมีฉากหวาดเสียวอย่าง แข่งรถ กระโดดร่ม ยิงสู้กัน มากมายหลายอย่าง เป็นฉากมาตรฐานที่ต้องมีในหนังแอคชั่นทุกเรื่อง เธอตั้งใจดูอย่างจริงจัง มือเล็กหยิบป็อบคอร์นขึ้นมาขบเคี้ยวอย่างเมามันส์
ลี่เฉินซีนั่งอยู่ข้างๆ เขายืดแขนออกไปวางบนไหล่ของเธออย่างเบื่อๆ กลิ่นหอมอ่อนๆโชยมาจากด้านข้าง ทำให้เขาไม่สามารถมีสมาธิดูหนังได้ ความสนใจทั้งหมดพุ่งมาอยู่ที่เธอแทน จากนั้นมือใหญ่ของเขาก็เริ่มไม่อยู่นิ่ง
ซูย้าวรู้สึกได้จึงหันไปมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ จากนั้นก็เข้าใจทุกอย่างในทันที ไม่แปลกใจเลยที่เขาเหมาโรงหนัง…
ถึงขนาดเปลี่ยนสถานที่เลยนะ!
เธอสูดลมหายใจเข้า ทว่าความสนใจทั้งหมดก็ยังจดจ่ออยู่กับหนัง มือเล็กของเธอคอยผลักมือเขาออก พร้อมกับตั้งใจดูหนังไปด้วย เธอไม่อยากพลาดไปสักฉากเดียว
มือของเขาวอแวไม่หยุด เมื่อรู้สึกว่าที่วางมือเป็นอุปสรรค เขาก็ยกออกในทันที จากนั้นก็โอบเธอเข้ามาในอ้อมกอด แล้วกอดเธอเอาไว้แน่น พร้อมกันนั้นก็เชยคางเธอขึ้นมา ทาบทับริมฝีปากบางลงไป
ซูย้าวส่ายหน้าปฏิเสธ พร้อมกับวางมือลงบนอกของเขา เพื่อบ่งบอกว่าแผลของเขายังไม่หายดี
ลี่เฉินซีกลับกักกันเธอเอาไว้ เสียงแหบพร่ากระซิบข้างหูเธอว่า “คุณลองดูหน่อยไหม ว่าหายดีแล้วหรือยัง หืม?”
เพราะอยู่ใกล้กันมาก ลมหายใจของเขาจึงสาดกระทบข้างหูของเธอ ความรู้สึกอุ่นร้อน ทำให้สติของซูย้าวเริ่มเลื่อนลอย จนเกือบพลาดท่าให้เขา
โชคดีที่หนังเดินทางมาถึงฉากสำคัญ เธอจึงถูกดึงดูดความสนใจไปทั้งหมด จนลืมไปเสียสนิทว่ายังมีเขาอยู่ข้างๆ
ซูย้าวไม่ให้ความร่วมมือกับการ“รบกวน” ของเขา เลยสักนิด กว่าเธอจะมีเวลาแบบนี้ก็ไม่ใช่ง่ายๆ เธอจึงใช้ภาษามือพูดว่า “ไม่ได้ แผลคุณยังไม่หายดีเลยนะ!”
อีกอย่างกว่าจะได้มาดูหนังแบบนี้ก็แทบจะนับครั้งได้ ดังนั้นเธอจึงไม่อยากเป็นของเล่นไว้ให้เขาทำเรื่องแบบนั้นในสถานที่แบบนี้หรอกนะ
คิดว่าเธอเป็นที่ระบายอารมณ์เดินได้หรือไง! ทำไมหื่นขึ้นสมองแบบนี้?!
เมื่อลี่เฉินซีเห็นว่าเธอสนใจหนังขนาดนี้ ก็ไม่อยากไปขัดอารมณ์ สุดท้ายจึงทำได้แค่ข่มอารมณ์ที่อยู่ในใจเอาไว้ กอดเธอเอาไว้แน่น จากนั้นก็ยอมอยู่นิ่งๆ
ซูย้าวตั้งอกตั้งใจดูเป็นอย่างมาก เรื่องนี้ใช้เวลาในการดำเนินเรื่องไปประมาณสองชั่วโมงกว่าๆ ไม่ทันได้รู้ตัวหนังก็จบลง
เมื่อเห็นเธอยังค้างอยู่ ลี่เฉินซีก็กุมมือของเธอ แล้วยิ้มออกมา “หนังเรื่องนี้เป็นภาคต่อนะ อยากดูภาคที่ฉายไปก่อนหน้านี้ไหม?”
ซูย้าวพยักหน้าอย่างไม่หยุดคิด แต่ทันใดนั้น ก็นึกไปถึงลูกชาย และคิดขึ้นมาได้ว่าเขาต้องกลับไปทำงานที่บริษัท เธอจึงส่ายหน้า
เมื่อเห็นท่าทางไม่กล้าของเธอ ลี่เฉินซีก็ยกมือขึ้นมาบีบจมูกของเธอด้วยความหมั่นเขี้ยว จากนั้นก็เอ่ยสั่งพนักงานให้ไปเปิดหนังเรื่องถัดไป แล้วหันกลับมาพูดกับเธอว่า “เจิ้งเอ๋อมีแม่บ้านคอยดูแลอยู่ ไม่เป็นอะไรหรอกน่า ส่วนผมก็ไม่ได้ยุ่งอะไร ไม่ต้องกังวล”
ซูย้าวมองมาที่เขา ราวกับจะถามว่าได้จริงๆเหรอ?
วันนี้เขาเป็นอะไรไป? หรือว่าดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก?
ทำไมจู่ๆถึงได้ตามใจเธอแบบนี้………
สรุปซูย้าวก็ได้ดูหนังตลอดทั้งเช้า เริ่มแรกเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ต่อมาก็เริ่มเหนื่อยล้า สุดท้ายเธอก็พิงไหล่เขาหลับไปในที่สุด
ลี่เฉินซีหันหน้ามองผู้หญิงที่เข้าสู่ห้วงนิทราไป ใบหน้าน่ารักสงบนิ่ง เผยให้เห็นความอ่อนหวานและมีเสน่ห์ตามแบบฉบับผู้หญิง โครงหน้าได้รูปสวยสง่างาม
เขากอดผู้หญิงในอ้อมแขนเอาไว้ จนหนังทุกเรื่องจบ หลังจากหน้าจอดับลงไฟในโรงหนังก็สว่างขึ้น พนักงานรีบเดินเข้ามาสอบถาม แต่สิ่งที่เห็นกลับเป็นภาพที่ชายหนุ่มกำลังกอดหญิงสาวที่หลับสนิทอยู่ในอ้อมกอด พร้อมกับทำท่าทางไม่ให้พวกเขาส่งเสียงดัง
ซูย้าวหลับไปนานมากในที่สุดเธอก็เริ่มขยับร่างกาย เมื่อรู้สึกเหมือนไม่ได้กำลังนอนอยู่ที่บ้าน ถึงได้ตื่นขึ้นมา
ตอนที่ลืมตางัวเงียขึ้นมา ก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาของเขา
อยู่ห่างกันแค่คืบ
เหมือนทั้งความฝัน เหมือนทั้งความจริง
ชั่ววินาที ก็ทำให้เธอรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ
“ตื่นแล้วเหรอ?” ลี่เฉินซีพูดติดใบหูของเธอ พร้อมกับพ่นลมหายใจใส่อย่างหยอกเย้า บรรยากาศพลันเปลี่ยนเป็นหวานหยดในชั่ววินาที
เธอพยักหน้าอย่างเคอะเขิน แต่กลับได้ยินเขาพูดยิ้มๆว่า “งั้นลุกได้หรือยัง? แขนผมชาไปหมดแล้วเนี่ย!”
ซูย้าวถึงได้รู้ตัว จากนั้นก็รีบดีดตัวลุกขึ้น ลี่เฉินซีจึงขยับแขนที่เริ่มเหน็บชา จากนั้นก็หันไปมองเธอ “ยังอยากดูหนังเรื่องไหนอีกไหม?”
ราวกับจะให้เธอได้ดูหนังทุกเรื่องที่อยากดูให้จบภายในรวดเดียว
ทันใดนั้นซูย้าวก็เหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง หนังมีมากมายหลายเรื่อง ชีวิตก็ยังอีกยาวไกล ทำไมต้องดูให้หมดภายในระยะเวลาสั้นๆ
สิ่งที่เธอต้องการ เปรียบเสมือนแค่ลูกกวาด แต่จู่ๆเขากลับให้บ้านเธอทั้งหลัง ความรู้สึกไม่สบายใจแบบนี้ ใครจะมารับรู้ได้?
เมื่อทั้งสองเดินออกมาจากโรงหนัง ลี่เฉินซีก็ก้มมองโทรศัพท์ จึงพบว่ามีสายโทรเข้ามาจนเกือบไหม้ มีทั้งสายจากหวางอี้ จากเลขา แล้วยังมีสายที่ไม่ได้รับจากหานฉ่ายหลิงด้วย
ที่บริษัทมีเรื่อง เขาจึงขอตัวกลับก่อน
ก่อนจะไปยังบอกเธออีกว่า คืนนี้มีงานเลี้ยง ให้เธอเตรียมตัวไว้เลย
ซูย้าวมองชายหนุ่มที่เดินห่างออกไปเรื่อยๆ ด้วยสีหน้าประหลาดใจ มีงานเลี้ยงอีกแล้วเหรอ?
เมื่อเธอเรียกแท็กซี่กลับมาที่บ้าน ก็อยู่เล่นกับเจิ้งเอ๋อสักพัก จนกระทั่งเวลาประมาณหกโมง ถึงได้รีบขึ้นชั้นบนไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
ซูย้าวไม่ชอบแต่งหน้าหนาๆ เธอจึงแต่งแค่บางๆพอ ผมยาวถูกรวบเก็บไว้ข้างหลัง เหลือปอยผมเล็กๆละไว้ข้างแก้ม เผยให้เห็นหลังคอขาวได้อย่างชัดเจน เมื่อหันมามองตัวเองในชุดราตรีสีน้ำเงินที่สะท้อนผ่านกระจก เธอก็นิ่งอึง
บนคอของเธอ มีสร้อยมาประดับไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
จี้เพชรสีครามรูปหยดน้ำที่มีความประณีตงดงาม เข้ากันกับชุดจนขับให้ไหปลาร้าของเธอน่าดึงดูดมากกว่าเดิม
หรือว่าเขาจะใส่ให้ช่วงที่เธอหลับตอนที่อยู่โรงหนัง?
เมื่อวานที่ซูหยวนบอกว่าเขาซื้อเครื่องประดับ จริงๆแล้วคือซื้อให้เธองั้นเหรอ?
ในใจราวกับมีหมึกสีเข้มละเลงไปทั่ว จนเต็มคับห้องหัวใจ
งานเลี้ยงเริ่มเวลาประมาณหนึ่งทุ่ม ทุกคนพบปะสังสรรค์กัน ณ บริเวณห้องโถงขนาดใหญ่ ประดับประดาไปด้วยโคมไฟระย้า ชุดราตรีหลากตา ทุกหนทุกแห่งล้วนมีผู้คนพูดคุยสังสรรค์กัน
ซูย้าวเดินวนรอบๆงานไปพร้อมกับเขา รู้สึกว่าตัวเองยิ้มจนปากจะฉีกแล้ว ในตอนที่กำลังคิดหาเหตุผลออกไปพักหายใจ สายตาก็พลันมองเห็นหานฉ่ายหลิง
เธอเดินเข้ามาทักทาย ใบหน้าอ่อนหวานแย้มรอยยิ้มเป็นมิตรออกมา “เฉินซี ซูย้าว”
ซูย้าวยิ้มนิดๆ พอเป็นมารยาท
เพียงแต่ในตอนที่หานฉ่ายหลิงเห็นสร้อยบนคอของเธอ สายตาก็นิ่งค้างไปในทันที
คำพูดที่ซูหยวนเคยบอกพลันดังสะท้อนเข้ามาในหัว
ที่แท้ ของขวัญชิ้นนั้น ก็เป็นของซูย้าวนี่เอง
เธอเหม่อไปชั่วขณะ แต่ไม่ทันไรก็ถูกซูหยวนที่เดินเข้ามาพอดีตัดจังหวะ อีกฝ่ายเดินเข้ามาลากหานฉ่ายหลิงออกไปข้างนอก พร้อมกับจงใจพูดเสียงเบาออกมาว่า “คุณเห็นแล้วใช่ไหม! สร้อยคอเส้นใหม่ของซูย้าวน่ะ ดูเหมือนว่านังใบ้จะเอาใจผู้ชายเก่งน่าดูเลยเนอะ! สุดท้าย พี่เฉินซีก็รักเธอเข้าจนได้!