เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 162
บทที่ 162 เข้ามาในผ้าห่มของผม
ลี่เฉินซีป่วยมาสองวันแล้ว และความทรงจำกว่าสองวันนี่ ดูเหมือนจะมีเพียงภาพสั้นๆ ที่ดูเลือนรางเท่านั้น
เขาจำได้แค่ว่าดูหนังกับลูกชายและซูย้าวในตอนกลางคืนแล้วก็หลับไป เขาจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงเวลานั้น
ในตอนนั้นเขามีไข้สูง ควบคู่ไปกับความเจ็บปวดจากบาดแผลที่ติดเชื้อ ถ้าจะไม่มีความทรงจำในช่วงที่อาการหนักแบบนั้น ก็ถือเป็นเรื่องปกติ
หลังจากตื่นนอน เขาก็ดูแผลที่หน้าอกตัวเอง มันได้ถูกทำแผลเรียบร้อยแล้ว และดูเหมือนว่าจะทำอยู่หลายครั้ง อาการของการติดเชื้อก็ค่อยๆ ดีขึ้น รอยแดงและบวมก่อนหน้านี้ ตอนนี้เป็นเพียงรอยจางๆ เท่านั้น และอักเสบเพียงเล็กน้อย ส่วนอื่นๆ ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากแล้ว
สำหรับอุณหภูมิของร่างกายก็กลับสู่ปกติเช่นกัน
ดูเหมือนจะมีความรู้สึกฟื้นตัวจากอาการป่วยร้ายแรง เขารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นทั่วทั้งตัว แต่ซูย้าว กลับนอนตรงนั้น และยังไม่ได้สติ
เขายื่นมือไปอังหน้าผากของเธอ อุณหภูมิที่ร้อนขึ้นนั้น เห็นได้ชัดว่าเธอมีไข้
แม้ว่าเขาจะจำอะไรไม่ได้มากนัก และไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ทำอะไรไปบ้าง แต่ลี่เฉินซีก็ไม่ได้โง่ถึงขนาดจะเดาไม่ได้ หลังจากที่เขาคิดวนอยู่หลายครั้งหลัง
โดยเฉพาะเมื่อเขาจำได้ว่าครึ่งหลับครึ่งตื่น เธอขึ้นมาบนเตียงด้วยร่างกายเย็นๆ และกอดตัวเองแน่น
ผู้หญิงโง่คนนี้ คงจะไปแช่น้ำเย็นแน่ๆ!
และดูเหมือนว่าจะมากกว่าหนึ่งครั้ง
เมื่อมองย้อนกลับไป ตอนที่เธออยู่ในปารีสก็ดูเหมือนจะเป็นแบบนี้ ทำอะไรโง่ๆ เพื่อเขา
เพื่อไปซื้อยาให้เขา อยู่ๆ ฝนก็เกิดตกหนัก เธอก็เดินตากฝนกลับมากว่า 2-3 กม. แล้วยังพูดไม่ได้อีก ไม่ได้เจ็บตัวเลยวิ่งกลับมาพร้อมยา……
ต่อมาคริสตินเป็นคนนำวิดีโอภาพที่ถูกบันทึกมาให้เขาดู เขาถึงได้รู้
ผู้หญิงคนนี้ ไม่ว่าเธอจะทำอะไรไป จะไม่เคยพูดหรืออธิบายอะไรเลย ไม่ว่าเธอจะทุ่มเทมากแค่ไหน ก็จะไม่แสดงคำพูดอะไรเลย
ไม่รู้ว่านั้นคือนิสัยของเธอ หรือจะเป็นเฉพาะกับเขา
ลี่เฉินซีไม่อยากจะคิดเรื่องนี้อีกต่อไป ไม่มียาแก้ไข้ในกล่องยาแล้ว สภาพอากาศด้านนอกดูเหมือนจะเบาลง แต่ยังคงมีฝนโปรยลงมาอย่างต่อเนื่องไม่มีที่สิ้นสุด
จะปล่อยให้เธอเป็นไข้แบบนี้ไม่ได้ ยังไงก็ต้องหาทางไปโรงพยาบาล
เขาไปเปลี่ยนเสื้อผ้า และไปชงนมผง ก่อนจะให้ลี่เจิ้งกินนม หลังจากนั้นก็เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ลูกชาย อุ้มเขาขึ้นรถ และให้เด็กน้อยนั่งที่เบาะเด็ก ถึงจะขึ้นไปชั้นบนเพื่อไปรับซูย้าว
เธอยังคงหลับสนิท ไม่ได้หลับไปสองวันสองคืน แถมไข้ขึ้นสูง เป็นเรื่องปกติที่เธอจะยังไม่ได้สติ
เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอและอุ้มลงมาที่ชั้นล่าง
ลี่เฉินซีขับรถไปโรงพยาบาล
เมื่อออกเดินทางยังไม่ทันถึงสิบนาที ก็พบว่าถนนข้างหน้าเต็มไปด้วยน้ำ และจากระยะไกลก็เห็นตำรวจจราจรกำลังปิดกั้นถนนอย่างเข้มงวดไม่ให้ใครผ่าน
ระดับน้ำสูงมากจนรถไม่สามารถผ่านได้ เขาทำได้เพียงทิ้งรถไว้ข้างทาง แล้วพูดกับลูกชายในรถว่า “เจิ้งเอ๋อ ดูแลแม่ด้วย”
เจิ้งเอ๋อยังเด็ก แต่ในความรู้สึกก็พยักหน้าให้เขา และจ้องมองไปยังแม่ที่กำลังหลับอยู่ที่เบาะหลัง ดวงตากลมโตสีดำจ้องมองมาที่เธอทันที เพราะกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุใดๆ
ลี่เฉินซียังใช้ประโยชน์จากช่องเวลานี้ เดินไปด้านหน้าท่ามกลางสายฝนและถามตำรวจจราจรเกี่ยวกับถนนข้างหน้า
คำตอบนั้นง่ายมาก ไม่อนุญาตให้พาหนะทุกชนิดเดินทางผ่านได้ เพราะฝนตกไม่หยุด และน้ำที่มีปริมาณมากเกินไป บนถนนก็เต็มไปด้วยคนงานที่กำลังก่อสร้าง หากยังยืนยันที่จะไปโรงพยาบาล ก็ทำได้เพียงเดินเท้าต่อไปได้เท่านั้น
หลังจากที่ลี่เฉินซีขอบคุณเขา เขาก็เดินกลับมาอีกครั้ง
หลังจากลองวัดอุณหภูมิร่างกายของซูย้าวอีกครั้ง ก็ยังคงสูงอยู่มาก เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบเสื้อกันฝนออกมาสวมให้เธอและใส่เสื้อกันฝนตัวเล็กให้ลี่เจิ้ง จากนั้นเขาก็อุ้มลูกชายด้วยเป้อุ้มเด็กด้านหน้า และอุ้มซูย้าวขึ้นหลังของเขา และเดินไปที่โรงพยาบาล
โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดใช้เวลาอย่างน้อย 1 ชั่วโมงในการเดิน นอกจากนี้ฝนยังตกตลอดเวลา บวกกับถนนที่เต็มไปด้วยน้ำ ทำให้การเดินนั้นยากลำบากขึ้นไปอีก เมื่อเขามาถึงโรงพยาบาล ทั่วทั้งตัวเขา รวมถึงชุดสูท ได้เปียกโชกไปทั่วแล้ว
เมื่อคิดกลับไป ตลอดทางมีกี่แอ่งน้ำ กี่ถนนที่ถูกปิดกั้น และปริมาณน้ำที่ตกลงมาอีก
แต่เจิ้งเอ๋อกลับมีความสุขมาก เขานั่งอยู่ในเป้อุ้มเด็ก และยกมือขึ้นโบกไปโบกมาอย่างมีความสุข
น้ำฝนสาดไม่ถึงตัวเขา น้ำก็ไหลไปไม่ถึง ก็เลยไม่รู้สึกถึงความยากลำบาก ขาอ้วนทั้งสองข้างแกว่งไปมาอย่างรู้สึกสนุก
แต่ลี่เฉินซีถึงกับหมดแรง!
เขาหายจากอาการป่วยหนัก และเดินหน้าต่อไปพร้อมกับภาระหนัก ในบางครั้งเขาบอกลูกชายว่าอย่าขยับตัวมากจนเกินไป เพราะต้องดูแลซูย้าวที่อยู่บนหลังของเขาด้วย ระยะทางกว่าหนึ่งชั่วโมง ดูเหมือนว่าเขาเดินมาหลายศตวรรษอย่างไรอย่างนั้น
หลังจากมาถึงโรงพยาบาล เขาก็ตรงไปที่ห้องฉุกเฉินทันที เฝ้าดูซูย้าวที่อยู่ในห้องนั้นด้วยความเป็นห่วง
ทั่วทั้งตัวเขาเปียกชื้น และไม่สามารถอุ้มลูกชายต่อไปได้ เขาจึงวางเขาลงบนเตียงและบอกว่าอย่าเล่นซน เขาใช้เวลาว่างนั้นโทรศัพท์ติดต่อกับหวางอี้
หลังจากผ่านไปหลายกี่ชั่วโมง ซูย้าวก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น
สิ่งแรกที่เห็นคือหิมะสีขาว หลังจากนั้นค่อยๆ ขยับร่างกายเล็กน้อย เมื่อมองไปรอบๆ กลิ่นฉุนของยาฆ่าเชื้อทำให้เธอรู้สึกได้ว่าตอนนี้กำลังอยู่ที่ไหน
แต่ใครพาเธอมาที่นี่กัน?
ในขณะนั้นประตูห้องผู้ป่วยก็ถูกผลักให้เปิดจากด้านนอก หวางอี้รีบก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “คุณผู้หญิง คุณยังไม่หายดี อย่าเพิ่งลุกขึ้นครับ!”
ซูย้าวชะงักเล็กน้อย สีหน้าของเธอดูมึนงง
“ประธานลี่พาคุณมาโรงพยาบาลครับ ผมก็เพิ่งมาถึงที่นี่ เสื้อผ้าของประธานลี่เปียกชื้นไปหมด เขาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่โรงแรมแล้วจะกลับมาใหม่ครับ”
หวางอี้รีบอธิบาย และวางถุงช้อปปิ้งในมือไว้ข้างเตียง “นี่คือเสื้อผ้าที่ประธานลี่สั่งให้ซื้อให้คุณเปลี่ยนครับ เขาบอกว่าถนนด้านนอกถูกปิดกั้น สองวันนี้พวกคุณจะพักในโรงแรมนี้ครับ”
ซูย้าวพยักหน้าและมองท้องฟ้าอึมครึมนอกหน้าต่าง ฝนยังตกอยู่ เธอไม่รู้จริงๆ ว่าเขาพาตัวเธอมาโรงพยาบาลได้อย่างไรในสภาพอากาศเช่นนี้
บนเตียงตรงนั้น เจิ้งเอ๋อยังคงหลับอยู่ ห่มผ้าห่มผืนเล็ก เด็กตัวเล็กๆ นอนหลับสนิทดูน่ารักมาก
ในขณะนั้นพยาบาลเข้ามาเพื่อเปลี่ยนขวดน้ำเกลือให้กับซูย้าวพอดี เมื่อเห็นว่าเธอตื่นแล้ว จึงพูดว่า “คุณผู้หญิงคุณโชคดีมากจริงๆ! คุณคงไม่รู้ว่าตอนที่สามีของคุณพาคุณมาที่นี่ เขารีบร้อนขนาดไหน!”
“ถนนข้างนอกเต็มไปด้วยน้ำ พอเข้ามาตัวเขาเปียกโชกไปหมดและมีไข้ต่ำๆ แต่เขาไม่สนใจอาการของตัวเองเลย เขาแค่เรียกร้องให้เรารักษาคุณให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ สามีของคุณรักคุณมากจริงๆ นะคะ!”
นางพยาบาลแสดงสายตาอิจฉาและกล่าวชมเจิ้งเอ๋ออีกสองสามคำก่อนจะออกจากห้องผู้ป่วย
หวางอี้ยังกล่าวอีกว่า “เป็นเรื่องจริงครับ คุณผู้หญิง ในสภาพอากาศเช่นนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ประธานลี่จะเดินอุ้มคุณมาที่โรงพยาบาล ผมอยู่กับเขามาหลายปี ยังไม่เคยเห็นเขาปฏิบัติกับผู้หญิงแบบนี้มาก่อน คุณเป็นคนแรกเลยครับ!”
ซูย้าวตะลึง เขาเดินอุ้มเธอมาโรงพยาบาลอย่างนั้นเหรอ……
แผลตามตัวเขายังอักเสบ จะติดเชื้ออีกไหม?
ในขณะที่ใช้ความคิด ประตูของผู้ป่วยก็เปิดออก และลี่เฉินซีก็ก้าวเข้ามา
ตอนนี้เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว โดยใส่ชุดสูทและรองเท้าหนัง เขาพิถีพิถันไม่มีรอยยับใดๆ ดูสง่างามและสูงส่งอย่างฐานะราชาโดยธรรมชาติ
หวางอี้ออกไปอย่างรู้หน้าที่ และเหลือเพียงสามีและภรรยาคู่นี้เท่านั้นที่อยู่ในห้องผู้ป่วย
ซูย้าวพูดด้วยภาษามือ “อาการบาดเจ็บเป็นยังไงบ้างคะ? คุณยังมีไข้อยู่หรือเปล่า? หมอตรวจคุณแล้วหรือยัง?”
เขายืนอยู่ข้างเตียงโดยเอามือล้วงกระเป๋า ดวงตาเย็นชาของเขาสอดส่องใบหน้าของเธอ ดูใบหน้าซีดเซียวของหญิงสาว และขมวดคิ้วเล็กน้อย ริมฝีปากบางของเขาขยับเล็กน้อย “คุณรักษาผมหายแล้ว จะต้องหาหมอทำไมกัน?”
เธอรักษาหายแล้ว?!”
ซูย้าวชะงัก จากนั้นส่ายหัวอย่างรวดเร็วและพูดเป็นภาษามือว่า “ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย คุณควรให้หมอตรวจดูอีกครั้งนะคะ จะได้ไม่……”
ก่อนที่จะพูดภาษามือเสร็จก็ถูกมือใหญ่ที่เรียวยาวของเขาหยุด ขณะเดียวกัน ลี่เฉินซีก็นั่งตะแคงข้างบนเตียงและมองไปที่เธออย่างตั้งใจ “ไม่ได้ทำอะไรงั้นเหรอ? ทำไมผมถึงจำได้ว่าคุณเข้ามาในผ้าห่มผมครั้งแล้วครั้งเล่าล่ะ?”
“คุณทำอะไรในขณะที่ผมหลับเหรอ? ฮืม?”