เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 17
ซูย้าวคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย ในระหว่างนี้นอกจากโม่หว่านหว่านกับแม่บ้านที่มา ก็ไม่มีใครอีก
ร่างกายของเธอก็เริ่มฟื้นตัวดีมากขึ้น สามารถลงจากเตียงและค่อยค่อยเดินได้ อย่างแรกที่ต้องทำคือต้องไปห้องเก็บอุณหภูมิ เธอต้องไปดูลูกชายตัวเองก่อน
แต่หลังจากที่ไปแล้ว ก็พึ่งรู้ว่าลูกของเธอโดนรับกลับไปแล้ว !
ซูย้าวงุนงง เธอดึงแขนของคุณหมอไว้ สีหน้าขาวซีดของเธอกังวลทันที
“รับกลับไปแล้วจริงจริง น่าจะกลับห้องพักผู้ป่วยแล้ว เป็นยายของเด็กที่รับไป ! “ หมอพูด
สมองของซูย้าวปวดทันที เธอเริ่มหายใจไม่ออก
เมื่อเห็นเช่นนี้ หมอก็รีบปลอบว่า ” ไม่ต้องห่วง คุณยังต้องฟื้นตัวหลังคลอดอยู่! สุขภาพของคุณเป็นสิ่งสำคัญ ฉันจะตรวจสอบหมายเลขห้องให้คุณ … ”
หลังจากที่หมอบอกเลขห้องพักผู้ป่วยแล้ว ซูย้าวไม่แคร์ร่างกายที่อ่อนแอของตนเอง เธอเดินขึ้นตึกโดยตรง มีลิฟต์เสีย แต่ลิฟต์ที่ดี ก็คิวเต็ม
เธอไม่อยากรอต่อไป จึงเลือกที่จะเดินบันได
เดินตั้งแต่ชั้นห้าถึงชั้นสิบ
สิบชั้น สำหรับหญิงที่พึ่งคลอดลูกได้สามวัน เป็นเพราะมีสิ่งสำคัญที่ทำให้เธอทำแบบนี้
กว่าที่จะมาถึงห้องพักผู้ป่วย ยังไม่ทันได้เคาะประตู ข้างในก็มีเสียงของเจี่ยงเวินอี๋ที่กำลังเล่นกับเด็ก
“ฮ่า หลานตัวเล็กของฉัน ทำไมถึงน่ารักเช่นนี้ ? “
“เหมือนพ่อของเธอตอนเด็กเลย “
ระหว่างประตู ก็สามารถรู้สึกได้ถึงความรักที่เจี่ยงเวินอี๋มีต่อหลาน ซูย้าวยืนอยู่ข้างนอกอย่างโดดเดี่ยว และถอนหายใจหนัก
ในขณะเดียวกัน ก็สับสนเล็กน้อย
ไม่อยากรบกวนเวลาใกล้ชิดและอบอุ่นของพวกเขาจากใจจริงจริง
แม่บ้านเดินออกจากห้องพอดี พอผลักประตู ก็เห็นซูย้าว แล้วพูดอย่างตกใจ “ คุณผู้หญิง ท่านขึ้นมาได้อย่างไร ? “
คำพูดจบลง ทำให้เจี่ยงเวินอี๋ที่อยู่ในห้องหันมาสนใจทันที
เธอรีบนำทารกบนอ้อมกอดวางลงบนเตียงทารก จากนั้นก็เดินมาทางข้างนอก
มองซูย้าวด้วยสีหน้าเย็นชา พร้อมพูดออกมาอย่างเยือกเย็น “ เธอขึ้นมาทำอะไร ? “
ซูย้าวมองไป แต่ในความคิดเธอ อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเข้าไปในห้องสองสามครั้ง
แค่การเหลือบมองไม่กี่ครั้งนี้ ก็ทำให้เจี่ยงเวินอี๋เข้าใจอะไรขึ้นมาทันที เธอใช้มือบังกรอบประตู ใช้ร่างกายตัวเองทำเป็นกำแพงกั้นขึ้นมา ในขณะเดียวกันก็พูดขึ้นมา “ เธออยากดูเด็กใช่ไหม ? “
ซูย้าวพยักหน้า!
“เป็นไปไม่ได้ ! คิดก็ไม่ต้องคิด ! “ เจี่ยงเวินอี๋ตัดสินใจทันที แล้วปฏิเสธกลับ
คำพูดนั้นจบลงข้างหูของเธอ ซูย้าวเพียงรู้สึกว่าหัวใจของเธอถูกกรีดอย่างรุนแรง ไม่ต่างจากตาย!
“เธอเป็นอะไรยังไงยังไม่รู้ตัวอีกหรอ ? คนใบ้คนหนึ่ง แม้แต่คำพูดที่มาตรฐานที่สุดยังพูดไม่ได้ เธอจะดูแลลูกยังไง ? “
เจี่ยงเวินอี๋ก้าวร้าวและพูดอย่างชัดเจนว่า ” นี่คือเลือดเนื้อของตระกูลลี่ เราจะฝึกฝนให้เขากลายเป็นผู้รับมือของตระกูลในอนาคต เธอในสถานการณ์แบบนี้ ถ้าแพร่โรคอะไรให้ลูก จะทำยังไง?”
ซูย้าวราวกับตกลงไปในห้องใต้ดินน้ำแข็ง สีหน้าของเธอเยือกเย็นจนแทบจะหมดหวัง!
หายใจเร็วและหายใจช้าบ้าง สายตามองไปที่เปลทารกในห้องพักผู้ป่วยอย่างหมดวัง ในนั้น เป็นเด็กที่เธออุ้มท้องมาสิบเดือนและเกือบจะเอาชีวิตเข้าแลก เธอแค่อยากดูเขา แค่นี้ก็ไม่ได้หรือไง ?
ชั่วขณะหนึ่ง น้ำตาก็ทำให้ดวงตาของเธอจางลงอย่างรวดเร็ว และไหลผ่านแก้มของเธอไป
ในวินาทีต่อมา ซูย้าวคุกเข่าลงบนพื้น
กราบแล้วก็กราบอีก เคาะหัวแล้วเคาะหัวอีก
เธอไม่มีความหวังอะไรทั้งนั้น แค่ต้องการเห็นลูกเท่านั้น !
“เป็นไปไม่ได้ ! อย่าแม้แต่จะคิด ! รีบกลับไปห้องพักเธอไป ! “ เจี่ยงเวินอี๋สั่ง ในขณะเดียวกันก็สื่อสายตาให้แม่บ้านรีบไล่เธอลงไป
แม่บ้านไม่กล้าขัดคำสั่ง ยังไม่ทันไร ก็มีแรงใหญ่ที่จะมาจากข้างหลัง สะบัดมือของแม่บ้านออก และดึงแขนของซูย้าวขึ้นมาในเวลาเดียวกัน
การปรากฏตัวของลี่เฉินซี เป็นสิ่งที่เจี่ยงเวินอี๋ไม่คาดคิด
แม้แต่ซูย้าวก็คิดไม่ถึง ถ้าไม่ได้เป็นเพราะข้อมือเล็กที่ถูกดึง และเกิดความเจ็บเล็กน้อย เธอคงคิดว่าทั้งหมดนี้เป็นความฝัน
ชายดึงเธอลุกขึ้นมาจากพื้น ในเวลาเดียวกันก็กอดเธอเข้าอ้อมกอด มองไปที่เจี่ยงเวินอี๋อย่างเย็นชาเล็กน้อย พูด “ แม่ นี่ท่านกำลังทำอะไร? “
“อะไรนะ ? “ สีหน้าเจี่ยงเวินอี๋แปลกใจขึ้นมาทันที
ลี่เฉินซีจ้องเธอ แล้วพูดต่อ “ ซูย้าวเป็นคนคลอดเด็ก ท่านจะเอาลูกไปคนเดียวได้ยังไง ? “
“ซูย้าวเป็นคนคลอด แต่ก็เป็นหลานชายของฉันเหมือนกัน ! ฉันในฐานะยาย สิทธิ์ที่จะอุ้มเด็กยังไม่มีงั้นหรอ ?“ เธอใช้เหตุผลในการโต้เถียง ในประเด็นเรื่องของเด็ก เจี่ยงเวินอี๋ไม่มีทางยอม !
ลี่เฉินซีก็มองท่าแท้ของแม่ออก เขายิ้มแล้วพูดอย่างเย็นชา “ อยากอุ้มลูก จะอุ้มตอนไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ใช่ไหม ! “
เจี่ยงเวินอี๋สูดหายใจ แล้วพูดต่อ “ เอาเถอะ ! ฉันก็แค่ไม่อยากให้ซูย้าวเข้าใกล้เด็ก จะทำไม ? เธอเป็นแค่คนใบ้คนหนึ่ง พูดอะไรก็ไม่ได้ จะดูแลลูกยังไง ! “
เมื่อพูดจบ คิ้วของลี่เฉินซีก็ขมวดขึ้นมาแน่นทันที
เพียงไม่กี่วัน ก็มีคนพูดกรอกหูและด่าว่าเธอเป็นใบ้ต่อหน้าเขา
ทำไม จะต้องให้ทุกคนเตือนเขางั้นหรอ ?
ความโกรธกลั่นตัวอยู่ในใจของเขา สายตาเยือกเย็นของลี่เฉินซีจ้องมองไปที่เจี่ยงเวินอี๋ “ เป็นใบ้แล้วไง?ในเมื่อเด็กเลือกแม่แบบนี้ เขาก็ต้องทน ! ถ้าอนาคตเด็กเรียนรู้จนไม่สามารถพูดอะไรได้ นั่นก็เป็นความผิดของเขา ไม่เกี่ยวกับซูย้าว ! “
ทุกคำทุกตัวอักษร เป็นคำพูดที่ปกป้องเธอไปหมด
ในใจซูย้าว เหมือนปรากฏคลื่นแห่งความหวังขึ้นมา
จากนั้น ลี่เฉินซีก็ปล่อยซูย้าวออก แล้วสั่งเธอ “ ไปสิ ไปอุ้มลูก ! “
ซูย้าวนิ่งไป สายตาจ้องมองเขา
“ต้องการให้ฉันทบทวนใหม่ ? “
เสียงที่ไม่มีอุณหภูมิใดใดดังขึ้น ต่ำเย็น เฉียบขาด!
ซูย้าว สงบลงและทำใจ เธอโค้งเคารพให้ เจี่ยงเวินอี๋ แต่เจี่ยงเวินอี๋ยืนอยู่ที่ประตูและพูดว่า “วันนี้ฉันจะดูว่าใครกล้าแตะต้องหลานชายของฉัน … ”
ยังไม่รอให้พูดจบ ลี่เฉินซีดึงแขนของเธอไปด้านข้าง ซูย้าว ใช้ประโยชน์จากช่องว่างนี้ก้าวเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว และอุ้มลูกชายของเธอ
เขาพูดออกมา “ แม่ พอเถอะ ! “
“แก …..” เจี่ยงเวินอี๋โกรธจนกัดฟัน ผลักเขาออกอย่างแรง “ พึ่งแต่งงานได้ไม่นาน ก็ปกป้องเธอขนาดนี้แล้วหรอ? “
ใบหน้าของลี่เฉินซีมืดมน ใบหน้าโดดเด่นที่น่าเกรงขามและสายตาดำที่จ้องไปที่เธอ “ ไม่ว่าท่านจะชอบหรือไม่ชอบ ถ้าท่านเคารพฉันกับลูก ก็ควรเคารพเธอด้วย !”
“เธอเป็นใบ้ ! พูดจาไม่เป็น จะดูแลลูกยังไง ! “ เจี่ยงเวินอี๋เป็นห่วง มีหลานชายที่น่าเอ็นดูเช่นนี้ ถ้าเกิดอะไรผิดปกติขึ้นมาจะทำยังไง ?
เขากลับพูดว่า “ คราวหลังท่านวางแผนเวลามาเยี่ยม ฉันก็จะหาแม่บ้านหลายคนไว้เอง! “
“แต่มัน …..”
ไม่รอให้เจี่ยงเวินอี๋รับปากอะไร เห็นซูย้าวที่อุ้มลูกออกมา ลี่เฉินซีรีบเดินไปหาเธอ แล้วลงไปชั้นล่างเป็นเพื่อนเธอและลูก
หัวใจของเจี่ยงเวินอี๋สั่นสะท้านจนโกรธ นางมารร้าย พึ่งไม่นาน ก็ทำให้ลูกชายตัวเองหลงได้ขนาดนี้ !
กลับไปถึงห้องพักผู้ป่วยชั้นล่างแล้ว ซูย้าวอุ้มลูกไว้ ไม่อยากปล่อยลูกออกจากมือ มองใบหน้าเล็กที่ขาวของลูก ขนตาที่ยาว หน้าตาน่ารักจริงจริง เธอยิ้มขึ้นมาทันที
ชายร่างสูงใหญ่มาด้านข้าง มองอย่างสงบ สักพัก ริมฝีปากบางขยับเล็กน้อย“ ลี่เจิ้ง เจิ้งเอ๋อ”
ซูย้าวนิ่งไป มองเขาอย่างแปลกใจ
“ชื่อของเด็ก “ เขาพูด
เธอคิดแล้วคิด ลี่เจิ้ง เจิ้งเอ๋อ……
ไพเราะอยู่เหมือนกัน !
จึงพยักหน้าอย่างมีความสุข เมื่อได้อุ้มลูกไว้บนอ้อมกอด ทำให้ลืมเรื่องเครียดไปได้หมด
ลี่เฉินซียังมีธุระที่บริษัท จึงต้องจากไป ซูย้าวกลับวางเด็กลง วิ่งขึ้นไปหาเขา ก้มหัวลงเพื่อขอบคุณเขา
ถ้าไม่มีเขาเมื่อกี้ แม้เธอจะกราบจนโขกหัวให้เลือดออก เจี่ยงเวินอี๋ก็คงไม่ยอมแพ้หรอก
แต่แค่การก้มขอบคุณของเธอ ทำให้ลี่เฉินซีถอนหายใจพร้อมกับขมวดคิ้ว ทำให้คนรู้สึกน่ากลัวและตัวสั่น
“นี่กำลังทำอะไร ? “
เขาพูดออกมา ซูย้าวคิดว่าเขาไม่เข้าใจ จึงก้มขอบคุณอีกรอบ
ลี่เฉินซีขมวดคิ้ว “ใครให้เธอทำพวกนี้ ? “
เธอนิ่งเล็กน้อย จึงก้มขอบคุณอีกครั้ง แต่การก้มครั้งนี้ก็โดนลี่เฉินซีดึงขึ้นมา
“เลิกทำอะไรที่ไม่ได้เรื่อง ! ดูแลลูกให้ดี ! “
เขาพูดแล้วจากไปอย่างเร็ว
ในหัวสมองกลับมีภาพเมื่อกี้โผล่ขึ้นมาตลอด ยันผู้หญิงบ้า