เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 179
บทที่179 เธอทำให้เขาตกใจ
นานๆที่จะหลับโดยไม่ฝัน ซูย้าวหลับสนิททั้งคืน ตอนตื่นมา ท้องฟ้าด้านนอกเพิ่งจะสว่าง เป็นสีฟ้าคราม แสงสดใสส่งผ่านม่านหน้าต่างเข้ามา ส่องสว่างไปทั่วทั้งห้อง
เธอพลิกตัว กอดผ้าห่มผืนบางนุ่ม แล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์บนลิ้นชักหัวเตียง เพื่อดูเวลา
จากนั้น ก็คว้าเจอโทรศัพท์ได้อย่างง่ายดาย เธอแตะหน้าจอให้สว่าง กวาดตามองเวลา ยังไม่ถึงตีห้า
เช้าเกินไป
ถึงแม้จะตื่นขึ้นมาช่วยแม่บ้านเตรียมอาหารเช้า แต่เวลาก็ยังเช้าเกินไป
เธอปิดตาอย่างงัวเงีย เตรียมจะหลับต่ออีกสักหน่อย
พอเริ่มจะหลับไป สมองก็ฉุกคิดได้กะทันหัน รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ปกติ ร่างเล็กบางขยับเล็กน้อย พยายามจะลุกขึ้นมานั่ง แต่ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงแรงกระเพื่อม ไม่หนักไม่เบา รุกล้ำเข้ามาภายในชุดนอนของตัวเอง จับจุดอย่างแม่นยำ จากนั้น กระดุมเสื้อก็ถูกแกะออกทีละเม็ด……
ทันใดนั้นความง่วงของซูย้าวก็หายเป็นปลิดทิ้ง ลืมตาขึ้นมา ยังไม่ทันได้ลุกขึ้นมานั่ง ก็พบว่าสองพ่อลูกนั่งอยู่ข้างกาย
เจิ้งเอ๋อหันมายิ้มให้เธอ แถมยังเผยให้เห็นฟันน้ำนมซี่เล็กๆ มือเล็กนั้นลูบคลำอยู่บนตัวเธอ
ส่วนลี่เฉินซี ก็ใช้ข้ออ้างในการช่วยเหลือลูกชาย มาแกะกระดุมชุดนอนของตัวเองทีละเม็ด
ซูย้าวแปลกใจกับความคิดที่แสนสับสน นี่มันเรื่องอะไรกัน!
ทำไมเพิ่งจะลืมตาตื่น ก็เจอพ่อลูกสองคนนี้กำลังทำลวนลามอยู่กัน ?
เธอรีบปฏิเสธโดยการผลักพวกเขาออก แล้วใช้ผ้าห่มผืนบางปกปิดร่างกายตัวเองไว้ ยังไม่ทันได้ใช้ภาษามือถามว่าทำไมเขาถึงมานั่งอยู่ที่นี่ ก็ได้ยินเขาพูดขึ้นว่า “จะไม่ให้ลูกชายฉันกินนมแล้วเหรอ ?”
บนใบหน้าหล่อเหลายังแฝงไปด้วยแววใสซื่อบริสุทธิ์ด้วย สีหน้าแบบนั้น ช่างสุดจะบรรยายจริงๆ!
ซูย้าวหมดคำพูดไปในทันที
พอมองดูเจิ้งเอ๋อ จ้องมองเธอตาแป๋ว ดวงตากลมโตแวววาว จ้องเขม็งมาที่หน้าอกเธอ ราวกับลูกหมาป่าที่หิวโหย อยากกระโจนเข้าใส่อาหาร
ซูย้าวชะงักไปอย่างทำอะไรไม่ถูก สูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะปล่อยผ้าห่มที่จับไว้ออก จากนั้นก็ดึงลูกชายเข้ามา แล้วป้อนนมให้เขา
แต่ก็ยังวางใจไม่ได้ และยังคงจ้องลี่เฉินซีอย่างระมัดระวัง แล้วใช้ภาษามือถามเขา “ยังไม่ถึงตีห้าเลย ทำไมคุณไม่ไปนอนต่อ ?”
ถ้าเธอจำไม่ผิด เมื่อคืนเขาทำงานอยู่ในห้องหนังสือตลอด ยุ่งจนถึงเวลาดึกดื่น
ลี่เฉินซีนั่งอยู่ข้างๆ ในมือมีUSBที่เธอให้เขาก่อนหน้านี้ ดวงตาที่ลุ่มลึกเข้มขึ้นหลายระดับ “อันนี้ที่เธอทำ เธอทำมันด้วยตัวคนเดียวเหรอ ?”
เธอขมวดคิ้ว แล้วใช้ภาษามือถามว่า “หมายความว่ายังไง ?”
ถ้าเธอไม่ได้ทำมันด้วยตัวคนเดียว แล้วจะให้เป็นสองคนหรือ ?
ถึงแม้จะกำลังตั้งท้องอยู่ แต่ว่าลูกที่อยู่ในท้อง ก็ช่วยอะไรในส่วนนี้ไม่ได้
ยิ่งกว่านั้น เขาก็ไม่รู้เรื่องที่เธอกำลังตั้งท้องด้วย
พอเห็นว่าสีหน้าของเธอท่าทางอ่อนไหว เขาก็รีบอธิบายทันที “ไม่ได้มีความหมายอื่น ก็แค่สิ่งที่เธอทำพวกนี้ หัวหน้าฝ่ายบัญชีที่บริษัทฉันยังทำไม่ได้เลย ซูย้าว ดูไม่ออกเลยนะ ว่าเธอจะเก่งขนาดนี้!”
“……”
เธอถอนหายใจอย่างไร้เรี่ยวแรง ก้มหน้าลงแล้วเบนความสนใจไปที่ตัวของลูกชายทั้งหมด
“ฉันจริงจังนะ!” ลี่เฉินซีขยับเข้าไปใกล้ จ้องเธออย่างจริงจัง “โดยเฉพาะโปรแกรมที่เธอทำ ดีมากจริงๆ หากมีจุดไหนบกพร่องไป ก็สามารถตรวจพบได้ทันที ช่วยประหยัดกำลังคนไปได้มากเลย!”
จนสามารถไปขอรับสิทธิบัตรได้เลย
เขารู้สึกเหนือความคาดหมายกับคนเคียงหมอนคนนี้มาก คิดไม่ถึงเลยว่าเธอที่เป็นเพียงคนใบ้คนหนึ่ง และในความทรงจำที่เลือนราง เหมือนว่าเธอจะได้เข้าเรียนแค่ไม่กี่ปีเท่านั้น และแทบจะไม่เคยได้เรียนมหาวิทยาลัยเลย!
แต่กลับสามารถทำของพวกนี้ได้ ไม่น่าแปลกใจเลยที่โครงการCCUจะมาจากมือของเธอ
ก่อนหน้านี้ ถ้าหากคุณSคือเธอ ลี่เฉินซีก็คงรู้ตั้งนานแล้ว แต่ไม่มั่นใจว่าโครงการทั้งหมดมาจากฝีมือของเธอคนเดียว คิดว่าอาจจะมีคนคอยช่วยเหลือเธอ แต่ว่าเรื่องในครั้งนี้ ทำให้เขาเชื่อมั่นอย่างเต็มที่แล้ว ว่าซูย้าวมีความสามารถนั้นจริงๆ
เพียงแต่มันเกินความคาดหมายไปก็เท่านั้น
ซูย้าวถอนหายใจอีกครั้ง ก้มหน้ามองลูกน้อยที่อยู่ในอ้อมอก ในใจก็แอบทอดถอนใจ เขายังไม่รู้จักเธอมากพอจริงๆสินะ
เจิ้งเอ๋อกินอิ่มอย่างรวดเร็ว ซูย้าววางลูกลง จัดเสื้อตัวเองให้เรียบร้อย ปล่อยให้ลูกไปเล่นอีกทาง เธอนั่งตัวตรงจ้องมองเขา สายตาจริงจัง
“ซูย้าว เธอยังมีเรื่องปิดบังฉันอยู่อีกเท่าไหร่กันแน่ ? เรื่องพวกนี้ เธอทำออกมาได้ยังไงกัน ?” เขาถาม
เธอขมวดคิ้ว นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะใช้ภาษามือพูดว่า “ทำไมต้องถามฉันโดยตรงด้วย ? ถ้าฉันเดาไม่ผิด วิธีการของประธานลี่ น่าจะต้องให้คนไปตรวจสอบไม่ใช่เหรอ ท”
“……”
ลี่เฉินซีรู้สึกหมดคำพูดเล็กน้อย เขาสูดหายใจเข้า ก่อนจะพูดว่า “นั่นมันสำหรับคนอื่น แต่เธอคือภรรยาของฉัน”
ดังนั้นแนวทางและวิธีการก็เลยไม่เหมือนกันอย่างนั้นหรือ ?
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเมื่อก่อนเขาไม่เคยตรวจสอบซูย้าวมาก่อนไม่ใช่หรือ เพียงแค่ไม่ได้ตรวจสอบครบทุกแง่มุมขนาดนั้น
เดิมทีเธอไม่อยากจะอธิบายอะไร แต่ก็กังวลว่าระหว่างนั้นอาจจะเกิดการเข้าใจผิดอะไรขึ้นอีก ความสัมพันธ์ที่ยากเย็นกว่าจะมั่นคงได้ อย่างไรก็อย่าไปทำลายมันจะดีกว่า
พอคิดถึงตรงนี้ ซูย้าวก็ใช้ภาษามือพูดว่า “เฉินซี ไอคิวของคุณอยู่ที่เท่าไหร่ ?”
“ไอคิว ?” ลี่เฉินซีขมวดคิ้ว และเริ่มคิดในสมองอย่างรวดเร็ว จำได้ว่าตอนขึ้นชั้นมัธยมปลายเคยทำการทดสอบวัดระดับไอคิว
จากนั้นสโมสรMensaที่ต่างประเทศก็เชิญเขาไปเข้าร่วม ผลวัดระดับในตอนนั้นคือ
“187”
เท่ากับความสูงของเขา
ซูย้าวเผยรอยยิ้มออกมา แล้วใช้ภาษามือพูดว่า “ระดับไอคิวของฉันคือ237 เกือบจะเป็นคนที่มีไอคิวสูงที่สุดในเอเชียแล้ว คุณคิดว่าฉันจะทำโปรแกรมกับรายงานง่ายๆพวกนี้ไม่ได้เหรอ ?”
“……”
สายตาของลี่เฉินซีเริ่มหมองลงอย่างน่าประหลาด
เขารู้อยู่แล้วว่าซูย้าวฉลาด รู้มาตั้งแต่เด็กแล้ว
เพียงแค่ไม่เคยคิดมาก่อนว่า ไอคิวของผู้หญิงคนนี้ จะแซงหน้าเขาไปตั้งนานแล้ว
เธอมองเขาพร้อมรอยยิ้ม ริมฝีปากนั้นคลี่ยิ้มเล็กน้อย ใบหน้าได้รูปนั้นแฝงแววเกียจคร้านจากการที่พึ่งตื่นนอน แต่กลับไม่สูญเสียความงดงาม และยังใช้ภาษามือพูดต่อว่า “ฉันสามารถควบคุมบริษัทหนึ่งที่กำลังอยู่ในขั้นวิกฤติ ให้ฟื้นขึ้นมาใหม่ได้ และสามารถทำให้บริษัทที่กำลังรุ่งโรจน์ ล้มละลายได้ในเวลาอันรวดเร็ว ฉันสามารถควบคุมทิศทางของหุ้น และสามารถใช้ความคิดเห็นของคนในสังคม ส่วนเรื่องควบคุมจิตใจคน หรือชักใยผู้อื่น ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าฉันเต็มใจหรือไม่แล้วล่ะ”
หยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง เธอก็ใช้ภาษามือพูดเสริมอีกว่า “แล้วก็นะ ไม่ใช่ว่าฉันไม่เคยเรียนมหาวิทยาลัยนะ แต่เป็นเพราะฉันโดดชั้นจนเรียนจบได้ภายในครึ่งปี นอกจากนั้น ฉันยังมีปริญญาเอกอีกสี่เล่ม”
“อีกอย่างขอแค่ฉันเต็มใจ ฉันก็สามารถรับตำแหน่งปริญญาเอกอื่นๆต่อไปได้อีกทุกที่ทุกเวลา”
พวกนี้เป็นความสามารถของเธอ และไม่ใช่การโอ้อวดเกินจริง
ซูย้าวเพียงแค่แสวงหาความจริงจากข้อเท็จจริง
เรื่องเดียวที่เธอไม่ถนัด ก็คือการโกหก
พูดได้ว่า นอกจากพูดไม่ได้ ก็ไม่มีอะไรที่เธอทำไม่ได้
หรือให้พูดอีกอย่างก็คือ เธอเป็นคนมีพรสวรรค์
สมกับชื่อหญิงสาวที่มีพรสวรรค์จริงๆ
ถนัดดนตรี เข้าใจเศรษฐกิจ รู้เรื่องการเงิน สามารถเจรจาได้ เข้าใจจิตวิทยา ฉลาดเป็นที่สุด เข้าสังคมได้ เข้าครัวก็ดี ผู้หญิงแบบนี้ ช่างหาได้ยากโดยแท้
ลี่เฉินซีนั่งอยู่ตรงนั้น แววตาอันลุ่มลึกจับจ้องมาที่ตัวเธอ แต่ซูย้าวกลับมองดูเขา แล้วยิ้มออกมาอย่างสดใส
เธอไม่ได้อยากจะโอ้อวดอะไร กับสามีของตัวเอง เธอจะโอ้อวดอะไรได้ เพียงแค่ไม่อยากให้เขาเข้าใจผิด อีกอย่างก็เป็นเขาเองที่เป็นฝ่ายถามก่อน เพราะเขาอยากจะรู้เอง ตัวเองก็แค่พูดไปตามตรง อย่างไรก็ดีกว่าได้ยินจากปากคนอื่น มากมายเลยไม่ใช่หรือ ?
“ตอนนี้คุณเข้าใจฉันหรือยัง ?” เธอใช้ภาษามือถาม
เขาทำใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ “เข้าใจแล้ว”
เธอยิ้มบางๆ มองดูเวลาบนโทรศัพท์ ถึงแม้จะยังเช้าอยู่บ้าง แต่ก็หายง่วงเป็นปลิดทิ้งแล้ว เลยอุ้มลูกชายแล้วลงจากเตียง เดินเข้าไปในห้องน้ำ
แต่ลี่เฉินซีกลับนั่งอยู่ตรงนั้น ผ่านไปเนิ่นนานก็ยังไม่ลุกขึ้น
เหมือนว่าเขาจะเพิ่งรู้จักผู้หญิงที่ชื่อซูย้าวเป็นครั้งแรก
และก็คงไม่สามารถโทษลี่เฉินซีได้ สำหรับคนที่เป็นเลิศในทุกๆด้านอย่างเขาแล้ว ผู้หญิงรอบตัวมีมากกว่าปลาคาร์ฟในแม่น้ำ ต่างก็พร้อมใจกันเข้ามารุมล้อมอย่างล้นหลาม และก็ไม่เคยสงสัยอยากรู้เรื่องของใคร หรือรู้สึกตกตะลึงอะไร
แต่ว่าในวันนี้เวลานี้ เขากลับถูกเธอทำให้ตื่นตกใจมากจริงๆ