เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 188
บทที่ 188 ไม่ควรขอโทษเหรอ
“นังเด็กแพศยา ไม่นึกว่าจะกล้าทำขนาดนี้กับคนในครอบครัว คิดว่าพวกฉันแต่ละคนรังแกง่ายใช่ไหม? จึงได้เปรียบจากจุดอ่อนของพวกฉัน!”
ซัวฉ่ายลี่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะได้เจอซูย้าว หลังจากที่บริษัทซูซื่อล้มละลาย หนี้สินต่างประเทศนับไม่ถ้วน ต้องติดหนี้มากมาย แบกรับภาระหนี้สินที่มากเกินไป ทำให้เธอหมดหนทาง แต่อยู่ๆกลับได้เจอซูย้าวพอดี ความโกรธแค้นในหัวจึงปะทุออกมา
“แกทำลายพวกฉันแต่ละคนจนน่าเวทนา! ลุงเซียวของแกต้องเข้าคุก เพราะแกเป็นคนใส่ร้าย! แล้วแกก็ยังทำให้ชื่อเสียงของพี่สาวแท้ๆของแกอื้อฉาวอีก สร้างความหายนะให้บ้านตระกูลซูต้องแบกรับหนี้มหาศาล แล้วแกล่ะ? ตัวเองกลับใช้ชีวิตสุขสบายอิสรเสรี! สวรรค์! ยังมีความยุติธรรมอยู่อีกไหม?”
ซัวฉ่ายลี่เงยหน้าร้องไห้ฟูมฟาย ร้องราวกับฟ้าถล่มดินทลาย
อย่างไรเสียเธอก็มีอายุแล้ว คนที่อายุห้าสิบกว่าๆ จู่ๆเป็นเช่นนี้ ก็ทำให้คนรอบๆพากันส่งสายตาสะอิดสะเอียนรังเกียจมาที่ซูย้าว
ท่ามกลางฝูงชน เสียงวิจารณ์ต่างๆนานาดังขึ้น แล้วก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงได้
“ในฐานะที่เป็นลูกสาว มีอย่างที่ไหนถึงทำร้ายคนในครอบครัวอย่างนี้? แม้จะทำเพื่อความร่ำรวยก็ไม่ควรทำเช่นนี้!”
“แต่ทุกๆคน ก็ไม่น่าจะเป็นอย่างนี้นะ! นี่ยังเป็นคนอยู่ไหม?”
“ไม่รู้ว่าสามัญสำนึกของเธอไปอยู่ที่ไหนแล้ว! คงให้หมากินไปแล้วสินะ!”
“อย่าดูถูกหมาเลย หมาเชื่องจะตาย! จะมากินใจดำๆของคนประเภทนี้ได้ยังไง?”
หลากหลายคำวิจารณ์ของทุกคน คำพูดที่ไม่น่าฟัง ยิ่งระคายหูขึ้นไปอีก
ซูย้าวตัวคนเดียว ยืนอยู่ตรงนั้นไม่รู้จะรับมืออย่างไร เธอพูดไม่ได้อยู่แล้ว และเสียงวิจารณ์รอบๆก็ดังเหลือเกิน ซัวฉ่ายลี่ยังยืนร้องไห้อยู่ตรงนั้นไม่หยุด ไม่มีใครนึกถึงความรู้สึกของเธอ แล้วก็ไม่มีใครเข้ามาถามเลยจริงๆ สรุปว่าเธอโดนใส่ความหรือเปล่า
ทุกคนเอาแต่คาดเดากันเอง เอาทุกอย่างที่เห็นพูดไปต่างๆนานา จึงไม่สนใจเลยว่ามีความลับที่ลึกกว่านั้นหรือไม่
ถึงกับมีคนหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปเอาไว้ ปากก็ก่นด่าออกมาด้วยความเดือดดาล “แฉผู้หญิงชั่วร้ายใจดำคนนี้! ให้คนในโซเชียลจัดการเธอ!”
“ทำไมฉันรู้สึกว่าเธอหน้าตาคุ้นๆนะ? เหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน……”
ซูย้าวก็เคยเป็นข่าว อันที่จริงเกี่ยวกับลี่เฉินซี อาจจะเพราะข้อมูลไม่เพียงพอจึงไม่เคยรายงานออกไป? เพียงแค่เธอไม่เคยคิดว่า ตอนนี้เวลานี้ จะโดนซัวฉ่ายลี่ใช้เล่ห์เหลี่ยมเช่นนี้
ซัวฉ่ายลี่ก็รู้ว่าเธอเป็นใบ้ จึงมั่นอกมั่นใจ ดึงมือของเธอเอาไว้ แย่งโน้ตบุ๊กที่เพิ่งซื้อใหม่ในมือของเธออย่างแรง โยนลงไปบนพื้นทันที แล้วยังเหยียบซ้ำอีกหลายครั้ง
ยังรู้สึกระบายอารมณ์ไม่พอ จึงให้คนข้างๆเหยียบตามเธอด้วย “ครอบครัวพวกฉันโดนทำลาย แกยังมาถลุงเงินอยู่ที่นี่อีก แกมันจิตใจโหดเหี้ยม!”
ในทันที ซัวฉ่ายลี่ก็มองไปที่ทุกคนแล้วร้องไห้คร่ำครวญ “พวกคุณดูสิ ถ้าเธอไม่มีความลับ จะยืนอยู่ตรงนี้ไม่พูดอะไรสักคำเลยเหรอ?”
“ไม่ใช่หรอก! ต้องมีความลับแน่ๆ!”
“วัวสันหลังหวะ!”
คนรอบๆด้านเริ่มพูดจาเสียดสีประชดประชัน คำพูดที่สบประมาทเหยียดหยาม อย่างไรก็ไม่น่าฟัง
ความเดือดดาลของซัวฉ่ายลี่ยิ่งมากขึ้น ถือโอกาสตอนที่ไม่ตั้งตัว ยกมือขึ้นจะตบลงไปที่หน้าของซูย้าว “แกนังเด็กแพศยา ฉันให้แก……”
ยังพูดไม่จบ ข้อมือของซัวฉ่ายลี่ก็โดนจับเอาไว้ หยุดการเคลื่อนไหว คำพูดของเธอก็หยุดลงไปด้วย
ซูย้าวคว้ามือของเธอไว้ได้ทัน ปากพูดจาน่ารังเกียจ รังแกคนใบ้อย่างเธอ ที่โต้เถียงไม่ได้ แล้วไหนจะใส่ร้ายป้ายสีอีกก็ช่างเถอะ ตอนนี้ยังคิดจะตบอีก?
คิดว่าเธอรังแกง่ายจริงๆใช่ไหม? !
เห็นดวงตาดุดันเย็นชาของซูย้าวแล้ว ซัวฉ่ายลี่กลัวขึ้นมาเล็กน้อย อันที่จริงก็กังวลใจที่ทำผิด แต่หลบสายตาในทันที แล้วหันกลับมา สะบัดการจับกุมของซูย้าว แสดงละครเศร้ากับทุกคนอีกครั้ง
พร่ำพรรณนาบอกว่าไม่ง่ายเลยกว่าตนเองจะเลี้ยงดูเธอมาจนเติบโตได้ แล้วยังให้เธอแต่งงานกับครอบครัวดีๆ ใช้ชีวิตสุขสบายเช่นนี้ แต่ซูย้าวกลับทำผิดต่อบ้านตระกูลซูและซัวฉ่ายลี่
บิดเบือนข้อเท็จจริง ปากอย่างใจอย่าง เธอเองนั่นแหละที่เชี่ยวชาญที่สุด ตอนนี้ แสดงละครอีกแล้ว ร้องห่มร้องไห้ ทำให้ใครๆต่างก็หลงเชื่อ
ซูย้าวโมโหจะแย่แล้ว ยิ่งเห็นคอมพิวเตอร์ที่สภาพไม่น่ามองอยู่บนพื้น ใจของเธอก็สั่นไหว สูดหายใจเข้าลึกๆ คิดๆแล้วไปดีกว่า! อย่างไรเสียตนเองก็หมดหนทางจะโต้เถียงได้
แต่ซัวฉ่ายลี่จะปล่อยเธอไปได้อย่างไร?
ฝั่งนั้นยังมีหลายคนที่ทำเรื่องดีๆอยู่ ยกมือถือขึ้นมาอัดวิดีโอเอาไว้ แค่รอให้ภาพที่ยอดเยี่ยมพวกนี้เผยแพร่ลงสู่โลกออนไลน์ ไม่แน่ว่าตนเองอาจจะโด่งดังในโลกออนไลน์ก็ได้
“แกทำลายพวกฉันจนล้มละลาย แต่แกกลับชีวิตดีขนาดนี้ บนโลกใบนี้จะมีลูกสาวที่ใจดำอย่างแกอีกที่ไหน? แกไม่ละอายใจต่อแม่อย่างฉันเลยล่ะสิ!”
ซัวฉ่ายลี่ร่ำไห้ ฝีมือในการแสดงยอดเยี่ยมจริงๆ
ตำแหน่งที่ห่างออกไป มีคนเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่เงียบๆ เป็นห่วงซูย้าวจนมือเหงื่อออก หลายครั้งที่อยากจะแทรกตัวเข้าไปในฝูงชนแล้วโต้เถียงแทนเธอ แต่คิดถึงเหตุผลอื่น ยังคงต้องอดทนต่อไปอีก
ไม่ง่ายเลยจริงๆ ที่จะมีคนมาถึงพอดี
เสียงเบรกรถที่ดังขึ้นกะทันหัน ตัดขาดท้องฟ้ายามเย็นที่แสนอ่อนโยน ตามมาด้วย โม่หว่านหว่านลงมาจากรถด้วยความเดือดดาล ไม่สนใจคนรอบข้าง แทรกตัวเข้าไปในฝูงชนทันที
แค่เห็นโม่หว่านหว่าน ซัวฉ่ายลี่ก็ลนลานแล้ว
คำพูดที่ถึงข้างปาก ต้องกลืนกลับลงไปทันที
แต่โม่หว่านหว่านที่โมโหจะแย่อยู่แล้ว ไม่ให้โอกาสซัวฉ่ายลี่โต้แย้งสักนิดเลย พูดขึ้นทันที “แม่งั้นเหรอ? ทำไมฉันไม่เคยรู้เลยล่ะว่าซูย้าวมีแม่อย่างคุณด้วย?”
แล้วเธอก็เดินเข้าไป ดึงมือของซัวฉ่ายลี่เอาไว้ ป้องกันไม่ให้เธอหนีอย่างฉับพลัน มองหน้าทุกๆคนแล้วพูดขึ้น “งั้นทำไมคุณไม่บอกด้วยล่ะว่าตั้งแต่เล็กๆคุณทารุณลูกเลี้ยงยังไงบ้าง? แล้วก็ ที่คุณรังแกคนใบ้อย่างซูย้าวที่นี่ ตั้งใจแสดงละคร นี่หมายความว่าไง?”
ได้ยิน ‘คนใบ้’ สองคำนี้ ทุกคนก็ฮือฮาขึ้นมาทันที
มีคนเหมือนกับจำซูย้าวได้แล้ว เสียงวิพากษ์วิจารณ์ในฝูงชนก็ดังมากขึ้น
โม่หว่านหว่านกลับพูดขึ้น “ในเมื่อพวกคุณมีคนจำเธอได้แล้ว ดีเลย ถ้าวันนี้อธิบายไม่ชัดเจน พวกคุณหน้าไหนก็ไปไม่ได้ทั้งนั้น!”
หยุดพูด แล้วกวาดสายตาไปที่ชายหญิงพวกนั้นที่อัดวิดีโอ “พวกคุณเหมือนว่าจะอัดวิดีโอเอาไว้แล้ว เดี๋ยวเอามาให้ฉันดูหน่อยนะ ไม่งั้น พวกคุณก็รู้อยู่แล้วว่าฉันมีวิธีการเอาวิดีโอมาได้ ใช่ไหมล่ะ?”
คนพวกนั้นพูดไม่ออก ทยอยๆพากันลดมือถือลง
มีคนฉลาดกว่านั้น ลบวิดีโอที่ถ่ายเอาไว้ทิ้งทันที
“ลูกสาวแท้ๆของคุณก็ถลุงเงินจนเป็นนิสัย เข้าออกที่นี่ทั้งวัน ซื้อของหรูหราต่างๆนานา ทุกครั้งที่ซื้อก็ไม่ต่ำกว่าหลักหมื่น ทำไมคุณไม่พูดถึงหนี้สินต่างประเทศเลยล่ะ? ดูแล้ว เงินยังไม่หมดนี่นา! งั้นพรุ่งนี้ฉันจะบอกคนพวกนั้นให้มาทวงหนี้ ให้พวกเขาไปทวงหนี้ที่บ้านตระกูลซู!”
แค่โม่หว่านหว่านพูดออกไป ซัวฉ่ายลี่ก็ตกใจจนหน้าเขียว!
แต่ท่าทางที่หวาดกลัวอย่างนี้ ไม่สามารถทำให้โม่หว่านหว่านหยุดพูดได้ “ตั้งแต่วันนั้นที่ซูย้าวแต่งงานออกไป คุณก็เคยพูดไปแล้วว่า ตั้งแต่ตอนนี้เธอกับบริษัทซูซื่อไม่เกี่ยวข้องกันอีก หลายปีขนาดนี้แล้ว ตอนที่พวกคุณใช้จ่ายทรัพย์สินของบริษัทซูซื่อ ทำไมถึงไม่พูดว่าเธอเป็นทายาทที่ถูกต้องตามกฎหมายบ้างล่ะ?”
ซัวฉ่ายลี่ทำตัวไม่ถูกแล้ว ตอนแรกเธอคิดว่าจะคว้าโอกาสดีๆอย่างนี้ เพื่อสั่งสอนซูย้าวให้เต็มที่สักหน่อย เพื่อระบายความคับแค้นใจที่มีมานาน! คิดไม่ถึง โม่หว่านหว่านจะโผล่ออกมาด้วย……
ผู้หญิงคนนี้เฉลียวฉลาด พูดแค่คำสองคำ ก็ทำให้ซัวฉ่ายลี่โต้แย้งไม่ได้แล้ว
“เมื่อกี้คุณประณามเหยียดหยามซูย้าวต่างๆนานา ด่าจนพอใจแล้ว ใช่ไหม?” โม่หว่านหว่านจ้องซัวฉ่ายลี่อย่างเย็นชา หัวเราะเยาะออกมา “แต่ฉันได้ยินมาว่า ถึงบริษัทซูซื่อจะล้มละลายแล้ว แต่ยังมีปัญหาบัญชีที่ยังไม่เสร็จสิ้นอีกมาก รวมไปถึงภาษีที่ค้างชำระเป็นเวลานาน……”
ไม่รอให้พูดจบ ซัวฉ่ายลี่ก็ตกใจจนขวัญกระเจิง
เธอลุกลี้ลุกลนดึงโม่หว่านหว่านเอาไว้ รีบแก้ตัว “เมื่อกี้ฉันผิดไปแล้ว ฉันตื่นเต้นเกินไป ฉันไม่ดีเอง ไม่ควรรังแกซูย้าว!”
โม่หว่านหว่านยิ้มเยาะมากขึ้น สะบัดเธอออก “คุณต้องขอโทษ แล้วขอโทษให้ถูกคนด้วย!”
ซัวฉ่ายลี่หันไปทางซูย้าวทันที ก้มต้วอย่างอ่อนน้อมจนไร้ศักดิ์ศรี ยังถือว่าเป็นท่าทางที่เอ่ยปากด้วยความเคารพ “ซูย้าวเอ้ย เมื่อกี้น้าผิดไปแล้ว น้าใส่ร้ายแก!”
ทุกคนที่เห็นสถานการณ์ เดิมทีคิดว่าจะเป็นเรื่องสนุกๆ ไม่คิดว่าจะเป็นแค่การใส่ร้ายป้ายสีที่ไม่มีมูล แล้วยังรังแกคนใบ้ที่พูดไม่ได้อีก เรื่องราวกลับตาลปัตรทันที อีกสักพัก ทุกคนก็ส่งเสียงเกรียวกราวแล้วแยกย้ายกันไป
ซูย้าวไม่อยากซักไซ้อะไรอีก ซัวฉ่ายลี่จึงถือโอกาสที่เธอไม่ได้ตั้งตัว ตามฝูงชนนั้นไปด้วย หนีไปด้วยความหดหู่