เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 196
บทที่ 196 ผู้หญิงเลวทราม
“รองเท้าเพิ่งจะซื้อมาแท้ๆ เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง” โม่หว่านหว่านรู้สึกแปลกๆ จึงหยิบรองเท้าขึ้นมาสำรวจ ก็พบว่ามีใบมีดเล็กๆอยู่ในรองเท้า
ใบมีดบางขนาดเล็ก เห็นได้ชัดว่าเป็นส่วนใบมีดที่หักมาจากคัตเตอร์และซ่อนอยู่ในรองเท้า อีกทั้งด้วยความที่เป็นรองเท้าใหม่ ดังนั้นคนส่วนใหญ่มักจะไม่สังเกตเห็น
“ต้องเป็นยัยซูหยวนนั่นแน่ๆ!” โม่หว่านหว่านรีบผูกเรื่องราวทั้งหมด “ที่ร้านขายรองเท้าก่อนหน้านี้ ที่เธอด้อมๆมองๆ และแกล้งจับรองเท้าของเธอ ที่แท้ก็จะแอบใส่นี่ไว้!น่ารังเกียจสิ้นดี!”
แม้โม่หว่านหว่านจะไม่พูดออกมา แต่ซูย้าวก็พอจะเดาออกว่าเป็นฝีมือเธอ
ไม่อย่างนั้น ในรองเท้าคู่ใหม่จะมีของแบบนี้ได้อย่างไรกัน
เพียงแต่วิธีที่ใช้นั้นเหมือนกับเด็กๆไม่มีผิด ช่างไร้สมอง
คิดจะทำร้ายคนอื่น แต่กลับลบความน่าสงสัยของตัวเองไม่ได้เนี่ยนะ
เธอถอนหายใจพลางมองไปที่แผลที่เท้า มันไม่ร้ายแรงมากนัก จึงเพียงแค่โยนใบมีดทิ้งลงถังขยะและสวมรองเท้ากลับไปอีกครั้ง
“ช่างเถอะ แค่เรื่องเล็กน้อยก็เท่านั้น แค่รู้ว่าเป็นเธอก็พอแล้ว” เธอใช้ภาษามือตอบกลับ
ซูย้าวอาจจะใจเย็นได้ แต่ไม่ใช่กับโม่หว่านหว่าน “ไม่ได้ เรื่องแบบนี้เธอจะปล่อยไปไม่ได้เด็ดขาด ฉันจะไปคิดบัญชีกับยัยนั่น!”
“ช่างมันเถอะหน่า!” ซูย้าวพูดด้วยภาษามือ “ไม่ต้องสนใจเธอหรอก อีกอย่างฉันก็ไม่ได้เป็นอะไร ไม่เห็นจำเป็นต้องโกรธเธอเป็นฟืนเป็นไฟเลยนี่”
โม่หว่านหว่านโมโห สีหน้าโกรธจัด พลางบ่นอุบอิบกับเธออยู่นาน
ตลอดทางกลับบ้าน เธอก่นด่าซูหยวนไม่หยุด อีกทั้งยังว่าซูย้าวนั้นใจดีเกินไป
แต่มีหรือซูย้าวจะไม่รู้ว่าสิ่งที่เธอทำนี้ ก็เหมือนกับการช่วยคนชั่วให้ก่อกรรมทำเข็ญ แต่เธอรู้ว่าเลวร้ายของซูหยวน จึงไม่อยากใส่ใจมันก็เท่านั้น
ตัวเธอเองคิดว่ามันเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆที่ไม่คุ้มค่าที่จะเอ่ยถึง โดยไม่คาดคิดว่าในวันรุ่งขึ้นจะเกิดเหตุขึ้นอีกครั้ง
ช่วงเช้าตรู่ ซูย้าวที่เพิ่งตื่นนอน เธอก็ได้ยินเสียงคนเคาะประตูจากชั้นล่าง
เมื่อเปิดประตูก็พบกับพยาบาลจากบ้านพักคนชราของอานโล๋ ถือกล่องอาหารกลางวันและเดินเข้าประตูมาด้วยสีหน้ากระตือรือร้น
“คุณผู้หญิงลี่ ที่แท้ก็อยู่ที่นี่นี่เอง!ฉันไปหาคุณที่บ้านตระกูลลี่มาค่ะ แต่ก็ไม่เจอ!” พยาบาลพูด
ซูย้าวพยักหน้า ข่าวที่ว่าเธอและลูกชายย้ายมาอยู่ที่นี่ เธอได้บอกกับแม่บ้านในวีแชทแล้ว เพราะเธอไม่สามารถปล่อยให้พวกเขากังวลใจได้
“นี่เป็นซุปที่ป้าอานโล๋ทำเองค่ะ เห็นว่าคุณชอบดื่มเลยสั่งให้นำมาให้คุณค่ะ” พยาบาลวางกล่องอาหารไว้บนโต๊ะ
ซูย้าวนิ่งไปเล็กน้อย เธอเพียงแค่ยิ้มออกมาพลางคิดขอบคุณคนเป็นแม่ เธอใช้ภาษามือพูด “อีกสองวันฉันจะพานายน้อยไปเยี่ยมคุณแม่ที่บ้านพักคนชรา คงรบกวนเธอมากเลยสินะ!”
พยาบาลพูดกับเธอไม่กี่ประโยคก็ขอตัวกลับก่อน ซูย้าวเปิดกล่องอาหาร มองดูซุปที่แม่เป็นคนทำเองกับมือก็ทำให้รู้สึกปลื้มใจ
ไม่มีใครคาดคิดว่าหลังจากที่พยาบาลสาวเดินห่างจากบ้านมาได้สิบเมตร เมื่อเธอมั่นใจว่ารอบข้างไม่มีใคร ก็เคาะหน้าต่างรถคาเยนน์สีแดงที่จอดอยู่ข้างถนน
ซูหยวนที่นั่งอยู่ในรถด้วยสีหน้าเรียบเฉย หันมองมาที่เธอ “เป็นยังไงบ้าง”
พยาบาลรีบพยักหน้า “เอาซุปให้เธอเรียบร้อยแล้วค่ะ!”
“อืม งั้นก็ดี”
ริมฝีปากสีแดงของซูหยวนโค้งขึ้นเล็กน้อย พลางหยิบซองจดหมายขึ้นมาและยื่นให้พยาบาลสาว
อีกฝ่ายรับไปด้วยสีหน้าที่มีความสุข เธอกล่าวขอบคุณและเดินจากไป
ถ้าเป็นซุปที่อานโล๋เป็นคนทำ แน่นอนว่าซูย้าวต้องรับและดื่มมันอย่างไม่มีข้อกังขาใดๆ เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
ซูหยวนที่กำลังครุ่นคิดถึงสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในภายหลัง ที่ริมฝีปากสีแดงสดก็ผลุดให้เห็นรอยยิ้มที่ชั่วร้าย
ทำไมพระเจ้าถึงได้รักยัยใบ้นี่นักนะ เธอที่เป็นหมันตลอดชีวิต ไม่สามารถเป็นแม่คนได้ แต่กลับให้ยัยใบ้นั่นตั้งท้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ได้!
นี่มันไม่ยุติธรรม!
ที่อพาร์ตเมนต์ ซูย้าวกำลังอุ้มนายน้อยให้มากินอาหารเช้า นอกจากนี้ยังมีซุปของแม่ที่ใส่อยู่เต็มชาม รอให้เย็นเพื่อจะป้อนให้ลูกได้กิน
แต่อาจเป็นเพราะสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย ทำให้นายน้อยรู้สึกไม่คุ้นชิน เมื่อคืนกว่าจะนอนก็ดึกแล้ว เพราะอย่างนั้นเจ้าตัวน้อยจึงเอาแต่นั่งหาวหวอดๆ
เห็นได้ชัดว่าเจ้าตัวน้อยเหนื่อยแล้ว แต่เขายังรู้สึกไม่คุ้นเคยกับที่นี่ จึงไม่ยอมนอนหลับ ถึงจะง่วงจนแทบทนไม่ไหว แต่ก็ยังคงจับมือของซูย้าวเพื่อที่จะไม่หลับไปง่ายๆ
เธอลูบหัวลูกชายตัวน้อยอย่างแผ่วเบา สื่อว่าให้กินข้างให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยไปเข้านอน
นายน้อยเชื่อฟังเป็นอย่างดี เขาอ้าปากเล็กๆแต่ไม่ทันซุปจะถึงปาก ก็เหลือบไปเห็นซาลาเปาลูกเล็กที่วางอยู่บนโต๊ะ เขารีบเอื้อมมือไปคว้าทันที “เปาเปา…”
ซูย้าวยิ้มพลางวางซุปลง ก่อนจะหยิบซาลาเปาและนม โดยให้เขาดื่มนมก่อนแล้วค่อยกินซาลาเปาตาม
ในขณะที่ให้นายน้อยกินอาหารเช้า ที่ด้านประตูของอพาร์ทเม้นท์ก็ถูกเปิดออก
โม่หว่านหว่านเดินมาพร้อมกับผลไม้ พลางเดินตรงไปวางข้าวของที่ห้องครัว “ท้องก็ต้องกินผลไม้เยอะๆ เธอท้องอยู่ ไปซื้อของแบบนี้ก็หนักแย่ เดี๋ยวทุกวันฉันจะเป็นคนเอามาให้เธอเอง!”
เธอล้างผลไม้และนำจัดใส่จาน ส่วนอื่นๆก็เก็บเข้าตู้เย็น ก่อนจะล้างมือและกลับมากินข้าว
ทันทีที่เห็นซุปก็พูดขึ้น “นี่คุณป้าเป็นคนทำเหรอ”
ซูย้าวพยักหน้าพลางใช้ภาษามือ “เมื่อเช้า พยาบาลจากบ้านพักคนชราเอามาส่งให้เป็นพิเศษเลยนะ”
“ตอนนี้พยาบาลที่บ้านพักคนชรายังสนเรื่องนี้อยู่งั้นเหรอ” ในขณะที่เธอพูด ก็พลางยกถ้วยชามใหญ่ขึ้นดื่ม
ซูย้าวเอะใจเล็กน้อย แต่ก็คิดว่าอาจเพราะแม่ของเธอขอให้พยาบาลช่วยนำมาให้ จึงยกขึ้นดื่มโดยไม่ได้คิดอะไรมาก
ฝีมือการทำอาหารของอานโล๋นั้นยอดเยี่ยมมาก รสชาติของซุปเต็มไปด้วยรสมือแม่ และทำให้เธอมีความสุขมาก ในขณะที่คิดจะให้นายน้อยลองชิม จู่ๆโม่หว่านหว่านร้องขึ้น “ท้องฉัน…ปวดชะมัดเลย!”
ซูย้าวผงะก่อนจะรีบวางชามในมือ และจะพาโม่หว่านหว่านไปเข้าห้องน้ำ แต่เธอกลับพูดขึ้น “ฉันไม่ได้อยากเข้าห้องน้ำ ที่นี่ไม่มีปาเต่าอีก เธอ…”
แต่ก่อนที่จะพูดจนจบ โม่หว่านหว่านก็รู้สึกเจ็บท้องอีกครั้ง จนอดไม่ได้ที่จะรีบวิ่งไปอาเจียนที่ห้องน้ำ
เมื่อเธอออกมา ซูย้าวเองก็มีอาการปวดท้องจนทนไม่ไหว จึงรีบเข้าไปอาเจียนในห้องน้ำ
ทั้งสองมีอาการเหมือนกันโดยผลัดกันวิ่งเข้าห้องน้ำทีละคน ในขณะเดียวกัน นายน้อยที่เห็นภาพที่อยู่ตรงหน้าก็ปรบมือและหัวเราะชอบใจอย่างมีความสุข
โม่หว่านหว่านทรุดตัวลงกับพื้นอย่างไม่สบอารมณ์นัก “ตาหนู นี่เรามีความสุขจากความทุกข์คนอื่นเหรอเนี่ย ผิดหวังในตัวเราชะมัด…”
ซูย้าวออกมาจากห้องน้ำอย่างหมดอาลัยตายอยาก จู่ๆก็รู้สึกปวดหัว ใจเต้นเร็ว ร่างกายหมดแรง และด้วยความที่ตัวเองท้องอยู่ อาการปวดท้องจึงรุนแรง และอาเจียนอย่างหนัก ไม่นานร่างกายก็หมดเรี่ยวแรง เธอทรุดตัวลงนั่งพิงกำแพง
โม่หว่านหว่านย้ายไปนั่งข้างๆเธอพลางจับท้องด้วยท่าทีที่เจ็บปวด “หรือว่าพวกเราจะอาหารเป็นพิษ?”
ซูย้าวผงะ อาหารเป็นพิษงั้นเหรอ
เธอหันหน้ามองไปทางโต๊ะอาหาร ซาลาเปากับนม ขนมปังกับแยม ไข่ดาวที่ทำเมื่อเช้า แล้วก็ซุปนั่น
หรือจะเพราะซุปนั่น
“พยาบาลเป็นคนเอาซุปมาให้ แต่รสชาติก็ยังเป็นรสชาติของคุณป้าอานโล๋นี่ เป็นไปได้ว่าอาจมีคนใส่อะไรเพิ่มลงไป?” โม่หว่านหว่านตั้งข้อสงสัย ก่อนจะลุกขึ้นยืนและประคองให้ซูย้าวลุกตาม “ไป พวกเราไปโรงพยาบาลกัน!”
จู่ๆก็ไปโรงพยาบาล ซูย้าวมองไปยังลูกชายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยความรู้สึกกังวล
โม่หว่านหว่านที่จนปัญญา หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพลางกดโทรออก
“หลินโม่ป่าย ไม่รู้ว่าฉันกับซูย้าวไปกินอะไรมา จู่ๆก็อาเจียนไม่หยุด ฉันไม่เป็นอะไรมากแต่ซูย้าวที่ตั้งท้องอยู่นี่สิ ทำยังไงดี”
ในเวลานี้ คนคนเดียวที่โม่หว่านหว่านคิดว่าจะช่วยได้ ก็มีแต่หลินโม่ป่ายคนเดียวเท่านั้น
“พวกเธออยู่ที่ไหน ฉันจะรีบไปหา!” หลินโม่ป่ายกระวนกระวาย
โม่หว่านหว่านบอกที่อยู่เสร็จก็วางสายไป
จากนั้นก็มองไปที่ซูย้าวอย่างอิดโรย “ไม่เป็นไรแล้วนะ หลินโม่ป่ายกำลังรีบมาที่นี่ ถ้ามีเขาอยู่ด้วย เราสองคนไม่เป็นอะไรแน่นอน”
ซูย้าวขมวดคิ้วอย่างไม่สบายใจ ในท้องไส้เริ่มปั่นป่วนอีกครั้ง จนทนไม่ได้ต้องรีบวิ่งไปอาเจียนในห้องน้ำ