เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 211
บทที่ 211 ใครให้คุณมาเจอเขา
เมื่อซูย้าวมองผู้ชายตรงหน้า ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าเริ่มเหลวไหล เธอจึงแสยะยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ แล้วใช้ภาษามือพูดว่า “ดูเหมือนตอนนี้ประธานเพ้ยจะไม่ใส่ใจเรื่องงานเท่าไหร่เลยนะ!ว่างถึงขนาดมาสนใจเรื่องเล็กๆพวกนี้เลยเหรอ?”
“ไม่ว่างหรอก ต่อให้ไม่ว่างขนาดไหน ผมก็ต้องเจียดเวลามา เพราะถึงยังไง คนที่เกี่ยวข้องก็คือคุณ ไม่ใช่เหรอ?”
เพ้ยส้าวหลี่พูดออกมานิ่งๆ ไม่ใช่ว่ามองไม่เห็นความถากถางและดูถูกในดวงตาของเธอ เพียงแต่ยิ่งเธอเป็นแบบนี้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งดึงดูดเขามากเท่านั้น
ผู้หญิงคนนี้เหมือนกล่องแพนโดร่า ที่ทำให้เขาอยากเข้าไปสัมผัส อยากได้มาและอยากครอบครอง!
ผู้ชายที่ยิ่งพละกำลังแข็งแรง ก็ยิ่งเหมือนม้าศึกที่ไม่อาจควบคุมได้ ต้องการที่จะกำราบอีกฝ่ายให้ราบคาบ ความอยากเอาชนะมีมากล้น
ลี่เฉินซีเป็นยังไง เพ้ยส้าวหลี่ก็เป็นอย่างนั้น
ซูย้าวกลับไม่สนใจ ใช้ภาษามือตอบกลับไปว่า “ถ้ามีแค่เรื่องนี้ งั้นก็คงตองขอโทษด้วย ไม่รบกวนประธานเพ้ยแล้วดีกว่า”
เมื่อเห็นเธอตั้งท่าจะไป เพ้ยส้าวหลี่จึงทำได้แค่พูดออกมาว่า “ผมก็แค่หวังดี ผมไม่ได้ขอให้คุณทำอะไรให้ผมสักหน่อย แล้วผมก็ไม่ได้ยื่นข้อเสนออะไรด้วย”
ซูย้าวนั่งลง ดวงตาเย็นชามองมาที่เขา
สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วใช้ภาษามือว่า “ประธานเพ้ยทานให้หมดนะคะ!”
จากนั้น ก็ลุกขึ้นเดินออกไปข้างนอก
เธอไม่อยากรู้ความจริงเลยสักนิด เธอต้องการรู้แค่ว่าในระหว่างที่ลี่เฉินซีหายไป มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หลังจากที่กลับมาทำไมถึงเอาแต่หลบหน้าเธอ
แต่ต่อให้อยากจะรู้แค่ไหน เธอก็ไม่อยากได้ฟังเรื่องของกับสามีตัวเองจากปากของคนอื่น
การรักใครสักคน ต้องเชื่อใจกัน
ถึงแม้เขาจะไม่ได้รักเธอ แต่น่าตลก ที่เธอรักเขา และเชื่อใจเขา
ตอนที่ซูย้าวเดินผ่านเพ้ยส้าวหลี่ เธอก็ถูกเขาจับข้อมือเอาไว้ จากนั้นก็กดไหล่ของเธอให้กลับไปนั่งที่เดิม
“ไม่ว่าคุณจะอยากฟังหรือไม่อยากฟัง ผมก็จะพูด!”
ดวงตาของเพ้ยส้าวหลี่ทอแววมาดมั่น น้ำเสียงแข็งกร้าวมากกว่าเดิม จนทำให้เธอหมดแรงดิ้น และจำต้องยอมนั่งอยู่เฉยๆ
“อย่ามองผมด้วยสายตาแบบนั้น” เขาบีบคางของเธอ พร้อมกับเชิดหน้าเล็กๆของเธอขึ้น เมื่อจ้องมองแววตาดื้อรั้นเย็นชาของซูย้าว คิ้วคมเข้มก็ขมวดมุ่น “ผมก็แค่หวังดีกับคุณ ซูย้าว คนหัวไวอย่างคุณ ทำไมต้องหลอกตัวเองด้วย?”
หัวคิ้วของเธอขมวดฉับ รู้สึกว่ามันน่าขำสิ้นดี เธอดิ้นให้หลุดจากพันธการของเขา จากนั้นก็ใช้ภาษามือว่า “ฉันหลอกตัวเองยังไง?”
“คุณอ่านใจคนเก่ง ถนัดเรื่องจิตวิทยาและภาษากาย เป็นไปได้เหรอที่คุณจะไม่สังเกตเห็นอะไรเลยจากพฤติกรรมของคนคนหนึ่ง?”
คำพูดยังก้องอยู่ในหู คิ้วเรียวของซูย้าวขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ใช้ภาษามือพูดว่า “คุณหมายถึงใคร?”
เพ้ยส้าวหลี่ไม่ยอมตอบคำถามนี้ ทำเพียงแค่กระตุกมุมปากแค่นยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น
ไม่นาน เขาก็ก้าวยาวๆกลับไปที่เก้าอี้ของตัวเอง แล้วนั่งลงไปใหม่ ยกแก้วไวน์ทรงสูงขึ้นมาจิบ แล้วช้อนนัยน์ตาลุ่มลึกมองมาที่เธอ ต่อมาคำพูดแต่ละคำที่เขาพูดออกมา ก็โจมตีหัวใจที่อ่อนแอแทบไม่ไหวของซูย้าวจนสั่นสะท้าน
“ก็อย่างที่คุณคาดเดานั่นแหละ เขากับหานฉ่ายหลิงไปออสเตรเลียด้วยกัน อีกอย่างทั้งสองยังอยู่ด้วยกันจนจะสองเดือนแล้ว ผู้ชายกับผู้หญิงแถมยังเป็นคนรักเก่า คนเราน่ะ ลืมรักเก่าไม่ได้ง่ายๆหรอกนะ อยู่ด้วยกันตั้งหลายวันหลายคืนซะขนาดนั้น จะเกิดอะไรขึ้นบ้างก็ไม่รู้เนอะ?”
วินาทีนี้ หัวใจของซูย้าวสั่นไหวจนไม่อาจหยุดลงได้
เธอไม่ลังเลอีกต่อไป รีบลุกขึ้น แล้วถือกระเป๋าเดินออกไปจากร้านทันที
เมื่อเดินออกมา ก็พบว่าท้องฟ้าข้างนอกมืดสนิท เธอสูดอากาศปลอดโปร่งเข้าไปลึกๆ ในหัวก็จมอยู่กับความคิด
ตั้งแต่วินาทีที่หานฉ่ายหลิงปรากฏตัว เธอก็รู้ว่ามันจะมีวันนี้ มันต้องมีวันนี้แน่ๆ ไม่ว่าตอนนั้นผู้หญิงคนนั้นจะแสดงออกว่ามาดีและเป็นมิตรขนาดไหน เธอก็สามารถมองความคิดของอีกฝ่ายทะลุได้อย่างง่ายดาย
เพียงแต่ว่า เธอไม่รู้ว่าเธอจะยังทำอะไรได้
ถ้าต้องเปรียบเทียบกับคนรักเก่า ตัวเธอยังเรียกว่าคนรักใหม่ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ นอกจากสถานะที่ค้ำคออยู่ เธอมีอะไรอีกบ้าง?
ในตอนที่ความคิดมากมายและความรู้สึกกำลังพันกันยุ่งเหยิง เสียงของเพ้ยส้าวหลี่ก็ดังขึ้นมาจากข้างหลัง——
“เขาน่าจะกลับมาราวๆอาทิตย์ก่อน ทันทีที่กลับมาเขาก็กลับไปที่บ้านตระกูลลี่ แต่น่าเสียดาย ที่ตอนนั้นคุณย้ายออกไปแล้ว”
สำหรับผู้ชายเย่อหยิ่งและอยู่เหนือทุกอย่างแล้ว การที่ภรรยาของตัวเองย้ายออกไปโดย “ไม่มีสาเหตุ” ถ้าเป็นคนอื่นคงตามหาเธอเพื่อถามให้หายข้องใจแล้ว แต่ลี่เฉินซีกลับไม่ทำอย่างนั้น
“บางทีเขาอาจจะโมโหก็ได้ล่ะมั้ง!ผมจำได้ว่าตอนที่แม่ของคุณหมดสติ มีครั้งหนึ่งเขาไปโรงพยาบาล แล้วดันไปเห็นภาพที่คุณกับหลินโม่ป่ายกอดกัน ผมคิดว่า เขาคงเข้าใจผิดอะไรแน่ๆ”
เพ้ยส้าวหลี่พูดออกมานิ่งๆและเรียบง่าย ไม่ได้ปรุงแต่งอารมณ์ใดๆทั้งนั้น เพียงแค่เล่าเรื่องตามมุมมองของคนที่สามให้เธอฟัง
เขาเดินเข้ามาหา ร่างกายสูงใหญ่แทบจะหลอมรวมไปกับสีดำมืดของท้องฟ้า เขาหยิบบุหรี่ออกมาจุด จากนั้นก็พ่นควันจนกระจายไปทุกสารทิศ มุมปากของเขาสั่นไหวเล็กน้อย “ทำไมต้องย้ายออกจากตระกูลลี่?”
เพ้ยส้าวหลี่ค่อนข้างสงสัย
แต่ซูย้าวกลับรู้ดีว่าตัวเองกำลังทำอะไร
เธอรู้ว่าหานฉ่ายหลิงใช้โทรศัพท์ของเขาส่งข้อความนั้นมา และเธอก็รู้ว่าเนื้อหาในข้อความมันไมใช่ และอาจจะไม่ใช่เจตนาของลี่เฉินซีด้วยซ้ำ
แต่สิ่งที่รู้ก็คือ เธอไม่คู่ควร
ทั้งสองคนมีความรู้สึกตรงกัน คงเป็นเพราะฟ้ากำหนดให้คู่กัน เหมือนดั่งกิ่งทองใบหยก ทุกคนต่างก็วาดฝันตั้งตารอให้ลี่เฉินซีกลับไปกุมมือกับหานฉ่ายหลิงสักวัน ภาพงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่คงเป็นที่ฮือฮาของโลกภายนอก เป็นไปได้เหรอที่เธอจะไม่รู้สึกอะไร?
ทุกคนต่างแอบต่อว่าเธอลับหลัง ว่าเธอ “ใช้” ลูกมาผูกมัดให้เขาแต่งงานด้วย เพื่อที่จะได้อยู่ในตระกูลลี่ การแต่งงานปลอมๆ ก็เป็นแค่ละครฉากหนึ่งที่ใช้ปิดหูปิดตาคนอื่น
มันไม่มีความสุขเลย และมันก็ไม่ใช่ความตั้งใจแรกที่เธอแต่งงานกับเขา
ดังนั้นซูย้าวจึงมองอีกฝ่าย ดวงตาสวยกลับมานิ่งสงบ จากนั้นก็ใช้ภาษามืออย่างขัดเจนว่า “ฉันรักเขา แต่ฉันไม่สามารถรักเขาถึงขนาดที่ยอมทิ้งศักดิ์ศรีไปหรอกนะ!”
นี่คือสาเหตุที่เธอย้ายออกมาจากบ้านตระกูลลี่
ถึงแม้ข้อความนั้นหานฉ่ายหลิงจะเป็นคนส่งมา แต่ก็ไม่มีทางที่เขาจะไม่รู้ เวลาผ่านไปตั้งสิบวัน เขาไม่ส่งข้อความมาอธิบายเลยแม้แต่ข้อความเดียว ถ้าไม่ใช่ว่าเขายอมรับ แล้วจะเป็นอะไรไปได้อีก?
ผู้ชายอย่างลี่เฉินซี มีแค่รักมากเท่านั้นแหละ ถึงได้ตามใจ และยอมทุกอย่างขนาดนี้
ถึงอีกคนจะเอาแต่ใจและงอแงทำตัวไร้เหตุผลแค่ไหน เขาก็จะยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างเอ็นดู
และคนคนนั้น ก็คงมีแค่หานฉ่ายหลิงเท่านั้นแหละ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หัวใจของซูย้าว ก็เจ็บแปลบเหมือนโดนแมวข่วน
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเดินไปจากเพ้ยส้าวหลี่
บางคนแทบจะควักหัวใจออกมาให้คุณ แต่คุณกลับทำเป็นมองไม่เห็น เพราะว่าคุณไม่ได้รัก แต่บางคุณควักหัวใจของคุณออกมาจนข้างในกลวง คุณกลับทำเป็นไม่เจ็บ เพียงเพราะคุณรักเขา
จนถึงตอนนี้ ซูย้าวเข้าใจคำพูดเหล่านี้อย่างแท้จริงแล้ว
ต่อให้อธิบายทุกอย่างก็ไม่มีความหมายอะไรหรอก เขาใช้การกระทำพิสูจน์ทุกอย่างแล้ว ว่าเขารักคนคนนั้น แล้วก็รักมากด้วย
ทันใดนั้น โรลส์-รอยซ์คันสีดำก็ขับมาจอดตรงปลายเท้าของเธออย่างสวยงาม
ผู้ชายที่ลงมาจากรถ สวมใส่ชุดสูทสีเข้มพอดีตัว บนเสื้อไม่มีรอยยับ รองเท้าหนังมันวาว ใบหน้าหล่อเหลายังคงเคร่งขรึมไม่เปลี่ยน
เมื่อเธอเงยหน้ามองลี่เฉินซีที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า ขนตาของเธอก็สั่นระริก จากนั้นก็หลุบตาลงอย่างไร้ความรู้สึกใดๆ
เขายืนอยู่ตรงนี้ นัยน์ตาคมปราดลึกล้ำจนสุดจะหยั่ง ริมฝีปากสง่าขบเข้าหากันแน่น นิ้วมือเรียวยาวเชยคางของเธอขึ้นมา บังคับให้เธอสบตากับตัวเอง
เขามองสำรวจเธอเงียบๆสักพัก จู่ๆก็ขยับริมฝีปากเอ่ยพูดด้วยเสียงน่าฟัง “มาทำอะไรที่นี่?”
เธอมองเขาทีหนึ่ง จากนั้นก็ก้มหน้าลงอย่างเบื่อหน่าย ไม่ยอมตอบคำถามของเขา
ราวกับว่าเธอไม่มีใจจะอธิบายอะไรทั้งนั้น
ถึงยังไงเขาก็คงคิดมาดีแล้ว
“เก่งนี่ กล้าออกมาเจอผู้ชายดึกๆดื่นๆด้วย?” เสียงของลี่เฉินซีเยือกเย็นยิ่งกว่าเดิม ประกายในแววตาดุดัน
“ใครให้คุณมาเจอเขา?”