เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 214
บทที่ 214 มิน่าล่ะพวกผู้หญิงถึงได้ชอบนาย
ท้องฟ้าแจ่มใส แสงอาทิตย์สาดส่องกำลังดี
ทะลุผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องจนแยงตา ลี่เฉินซีจึงต้องยกมือขึ้นมาบัง จากนั้นถึงได้มองรอบๆให้ชัดเจน
ลู่ส้าวหลิงยังคงนั่งทำหน้ามาดร้ายอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเหมือนเดิม ร่างกายสวมใส่ชุดสูทรองเท้าหนังสะอาดสะอ้าน สายตาร้ายๆเหลือบมองมาที่เตียง “นายจะไม่ขอบคุณฉันหน่อยเหรอ? ฉันไปช่วยนายให้หลุดพ้นจากอันตรายเลยนะ!”
“……….”
ลี่เฉินซีผุดตัวลุกขึ้น เดินวนอยู่ในห้องสองรอบ ก็หาเสื้อผ้าของตัวเองไม่เจอ
“เสื้อผ้าฉันล่ะ?” เขามายืนโล่งโจ้งอยู่ข้างๆอีกฝ่าย
ลู่ส้าวหลิงจ้องมองชายหนุ่มรูปร่างกำยำตรงหน้า จากนั้นก็ทอดสายตาไปยังตำแหน่งนั้นของเขา พร้อมกับเผยแววตาอ่านยากออกมา “ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าทำไมผู้หญิงหลายๆคนถึงได้ติดใจนายขนาดนั้น นายมีของล่อเหยื่อนี่เอง!มันแบบ…….”
เขาทำท่าตกใจออกมา เหมือนได้เห็นสิ่งของมหัศจรรย์
ท่าทางแบบนี้ ทำให้ลี่เฉินซีเดือดมากกว่าเดิม สีหน้าก็ยิ่งทอแววอึมครึม
เขาอยากหาอะไรมาปิด แต่ในห้องกลับสะอาดจนไม่เหลืออะไรเลย นอกจากผ้าห่มบนเตียง ก็ไม่มีอย่างอื่นมาปิดได้แล้ว!
ที่น่าโมโหก็คือ ห้องใหญ่ขนาดนี้ แต่เขากลับไม่เห็นแม้แต่ห้องแต่งตัว!
“เลิกมองได้แล้ว แม่ง!เพี้ยนไปแล้วหรือไงนายน่ะ!”
เมื่อทำอะไรไม่ได้ ลี่เฉินซีจึงทำได้แค่หลุดคำหยาบออกมา
ลู่ส้าวหลิงกลับไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย ยังคงมีท่าทางขี้เล่นเหมือนเดิม เขายกมือขึ้นมากอดอกแล้วพูดว่า “นายไม่ถามหน่อยเหรอว่าทำไมเมื่อคืนฉันถึงไปช่วยนาย?”
ลี่เฉินซีขี้เกียจฟังต่างหาก!
ตอนนี้เขาอยากได้แค่เสื้อผ้าโอเคไหม!
แต่จะให้เอาผ้าห่มมาคลุมเหมือนผู้หญิงก็ไม่ได้ไหม!
“เสื้อผ้าล่ะ?” เขาถามอีกรอบ
ลู่ส้าวหลิงเคาะนิ้วมือเรียวยาวลงบนราวจับ แล้วพูดว่า “นายน่าจะรู้ ว่าฉันต้องทำใจทิ้งสาวสวยตั้งสองคนเพื่อไปช่วยนาย!น่าเสียดายเป็นบ้า!”
“………..”
ใบหน้าหล่อเหลาของลี่เฉินซีดำทะมึน
“ถ้าไม่ได้ฉัน ป่านนี้นายคงตื่นขึ้นมาในโรงแรมสักแห่ง ข้างกายนาย ก็จะมีผู้หญิงกำลังทำตัวออเซาะ ร้องไห้สะอึกสะอื้น พร้อมกับพูดว่า ‘เฉินซี คุณมันเลว เมื่อคืนคุณเมา คุณขืนใจฉัน’”
ลู่ส้าวหลิงเลียนแบบท่าทาง พร้อมกับบีบจมูกทำเสียงเล็กเสียงน้อย
แต่ลี่เฉินซีเหมือนโดนฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ นี่มันเรื่องอะไร!
“นี่ อย่าคิดว่าเมาแล้วจะลืมอะไรก็ได้ง่ายๆนะ ฉันอุตส่าห์เสี่ยงชีวิตออกไปช่วยนายเลยนะ!บุญคุณที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ นายจะไม่ตอบแทนหน่อยเหรอ?” เขาจงใจข่มขู่อีกฝ่าย
ลี่เฉินซีกัดฟัน “นายเอาเสื้อผ้ามาให้ฉันก่อน แล้วฉันจะตอบแทนนาย”
ลู่ส้าวหลิงเองก็ขี้เกียจยืดเยื้อกับเขาแล้ว จึงลุกขึ้นแล้วเดินไปยังอีกฟากหนึ่งของผนัง จากนั้นก็กดปุ่มอะไรสักอย่างบนนั้น พร้อมกับเปิดประตูออก ต่อมาห้องเสื้อผ้าก็ปรากฏออกมาตรงหน้า
เมื่อเห็นแบบนี้ ลี่เฉินซีก็ขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด ทำไมต้องออกแบบให้เหมือนห้องแห่งความลับอะไรขนาดนั้น แต่เขาก็ขี้เกียจจะต่อล้อต่อเถียง จึงเดินเข้าไปข้างในทันที
เขาออกมาในชุดสูทรองเท้าหนัง ดูหล่อเหลาโดดเด่นราศีจับ ลี่เฉินซีเพิ่งอาบน้ำเสร็จ จึงมีกลิ่นหอมสดชื่นติดตัว เขาติดกระดุมข้อมือพร้อมกับเดินออกมาข้างนอก
“เมื่อวานเกิดอะไรขึ้น?” น้ำเสียงของเขาไม่ทุกข์ไม่ร้อน ราวกับต่อให้เกิดอะไรขึ้นเขาก็จะไม่ใส่ใจทั้งนั้น
ลู่ส้าวหลิงมองมาที่เขา แล้วเหยียดยิ้มเย็น ฉับพลันก็พูดขึ้นมาว่า “เมื่อวานนายเจอซูย้าว แล้วนายก็จับเธอไปโรงแรม ฉันเห็นว่านายกำลังจะรังแกผู้หญิง ก็เลยไปลากนายกลับมานี่ไง!”
“นาย…….”
ลี่เฉินซีขมวดคิ้ว ซูย้าวงั้นเหรอ?
เหมือนเขาจะจำได้ว่าเมื่อคืนตัวเองเอ่ยชื่อนี้ออกมา อย่าบอกนะว่าเป็นเธอจริงๆ?
วินาทีต่อมา เขาก็พูดขึ้นมาทันทีว่า “แล้วยังไง เธอเป็นผู้หญิงของฉัน การที่ฉันจะมีอะไรกับเมียตัวเอง มันเกี่ยวอะไรกับนาย?”
“อ้าว นายก็รู้นี่ว่าเธอเป็นผู้หญิงของนาย ถ้ารู้แล้ว ยังจะมัวแต่เล่นสงครามเย็นกับเธออยู่อีก!ปล่อยให้คนอื่นฉวยโอกาสอยู่ได้!”
“……..”
นัยน์ตาของลี่เฉินซีอ่อนลง รีบเอ่ยถามทันทีว่า “คนอื่นฉวยโอกาส? เมื่อวานเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“ไม่มีอะไรหรอก!” ลู่ส้าวหลิงเองก็ขี้เกียจอธิบาย จึงลุกขึ้นแล้วเดินออกไปข้างนอกพร้อมกับทิ้งท้ายเอาไว้ว่า “แต่ว่านายควรจัดการเรื่องของหานฉ่ายหลิงให้เรียบร้อยนะ ถ้านายวางแผนจะหย่ากับซูย้าว ก็ควรปล่อยให้เธอตัดใจซะ!เธอจะได้ไปแต่งงานกับคนอื่นเร็วๆ ไม่ต้องมาเสียเวลากับใครบางคน”
เมื่อมาหยุดยืนตรงหน้าประตู เขาก็กวาดสายตามามองลี่เฉินซีอีกครั้ง “ข้าวเช้าเตรียมไว้รอข้างล่างแล้ว นายกินก่อนค่อยกลับแล้วกัน!”
“……….”
ลี่เฉินซีพยายามทบทวนความจำ เขาจำได้ว่าเมื่อคืนเขาดื่มเหล้ากับหานฉ่ายหลิง นี่อย่าบอกนะว่าพวกเขาดื่มหนัก จนเกือบจะ…
โชคดีที่ลู่ส้าวหลิงไปทัน ไม่อย่างนั้น คงเป็นเรื่องแล้วจริงๆ!
อีกด้านหนึ่งของเมือง ภายในห้องของโรงแรมห้าดาว หานฉ่ายหลิงนอนไม่หลับทั้งคืน
เธอคำนวณไว้ซะดิบดี แต่ไม่คิดเลยว่าจู่ๆลู่ส้าวหลิงจะเข้ามาก่อกวนแบบนี้ แถมยังมีเหตุผลรองรับด้วย!
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา เมื่อเห็นหน้าจอปรากฏคำว่า “เพ้ยส้าวหลี่” เธอก็ชะงักไป สุดท้ายก็กดรับ
“วันนั้นผมพาซูย้าวออกมาตามที่นัดหมายเอาไว้แล้ว แล้วคุณล่ะ? เป็นยังไงบ้าง?”
เมื่อได้ยินคำถามชัดแจ๋วจากปลายสาย หานฉ่ายหลิงก็นึกไปถึงแผนที่ชะงักกลางคันเมื่อวาน ชั่ววินาทีความโกรธก็พุ่งปรี๊ด เธอจึงกัดฟันกรอดพร้อมกับพูดว่า “อีกนิดเดียว!”
“นานแล้วนะ ทำไมยังทำไม่ได้อีก? อีกอย่างคุณก็น่าจะรั้งเขาได้ตั้งแต่อยู่ออสเตรเลียแล้วไม่ใช่เหรอ? ฉ่ายหลิง เขาไม่รักคุณแล้วหรือเปล่า หรือว่า……..” ไม่รอให้เพ้ยส้าวหลี่พูดจบ หานฉ่ายหลิงก็พูดตัดบทว่า “เขารักฉันอยู่แล้ว ฉันจะพยายามให้เร็วที่สุด แต่ว่าเพ้ยส้าวหลี่ คุณเองก็รีบหาวิธีหน่อยแล้วกัน ไม่งั้นถ้าพวกเขาไม่หย่ากัน ฉันไม่ได้เฉินซี คุณเองก็จะไม่ได้ซูย้าวเหมือนกัน!”
เมื่อวางสาย หานฉ่ายหลิงก็โยนโทรศัพท์ทิ้งอย่างโมโห
เธอไม่เข้าใจจริงๆ ก็แค่คนใบ้คนหนึ่ง ถึงกับทำให้ลี่เฉินซีไม่ยอมตัดใจ ขณะเดียวกันเพ้ยส้าวหลิงก็ยังทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้นังนั่นไปครอบครอง!
ซูย้าวมีดีตรงไหน? ก็แค่คนใบ้ที่พูดไม่ได้ นอกจากมีลูกได้ นอกเหนือจากนั้นก็คงทำอะไรไม่เป็น แล้วทำไมผู้ชายถึงชอบนักล่ะ?
ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งอัดอั้น จู่ๆก็รู้สึกมวนท้อง จนต้องวิ่งเข้าห้องน้ำไปอาเจียน
เธออาเจียนอยู่นาน กว่าจะหยุดได้ เมื่อเงยหน้าขึ้นมามองกระจกตรงอ่างล้างหน้า ก็พบว่าสีหน้าของเธอขาวซีด อาการแพ้ท้องของเธอเริ่มหนักขึ้นทุกวัน เด็กคนนี้ก็ใกล้จะสามเดือนแล้วด้วย จะเสียเวลาต่อไปไม่ได้ ไม่งั้น เธอก็คงปิดมันเอาไว้ไม่อยู่แล้ว
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นก็กดโทรกลับไปหาเพ้ยส้าวหลี่
“หาเวลามาเจอกันหน่อย!”
ทางด้านโรงพยาบาล ร่างกายของอานโล๋ฟื้นฟูได้ดีมาก ในตอนที่หลินโม่ป่ายเข้ามาสังเกตอาการ ก็ทำการตรวจร่างกายเธออีกรอบ
หลังจากดึงเครื่องมือวัดออกมา เขาก็พูดกับซูย้าวว่า “วางใจได้!ร่างกายของคุณน้าปกติทุกอย่าง ความดันโลหิตก็ลดลงแล้ว อีกสองสามวันถ้าอาการคงที่ ก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วล่ะ”
ซูย้าวยิ้มขอบคุณออกมาเล็กน้อย
หนูเจิ้งเอ๋อที่อยู่ในอ้อมกอดของเธอ ดูท่าจะชอบหลินโม่ป่ายมาก เจ้าตัวเล็กมักจะจ้องเสื้อกาวน์ของเขา นิ้วมือเล็กๆชี้มาที่ป้ายอกของชายหนุ่ม พยายามจะเอามันมาเล่นให้ได้
หลินโม่ป่ายเองก็ตามใจเขา โดยการถอดป้ายชื่อไปให้ แถมยังลูบหัวเล็กๆของเขาอีกด้วย “เจิ้งเอ๋อ ให้คุณอาอุ้มได้ไหม?” เจิ้งเอ๋อพยักหน้า พร้อมกับชูมือเล็กๆมาทางเขา
หลินโม่ป่ายอุ้มเด็กน้อยแล้วพูดว่า “เจิ้งเอ๋อเก่งจังเลย!”
จากนั้นก็หันไปมองซูย้าว “เด็กคนนี้เก่งมาก ช่วงนี้เขาเชื่อฟังที่หว่านหว่านพูด เป็นเด็กดีทุกวัน ไม่ร้องไห้งอแงเลย”
ซูย้าวยิ้มออกมาบางๆ พร้อมกับรับเด็กน้อยมาจากอ้อมกอดของเขา
หลินโม่ป่ายยังต้องไปตรวจคนไข้ห้องอื่น จึงอยู่ได้ไม่นาน แต่ในตอนที่กำลังจะไปก็หันมาบอกว่าจะมากินข้าวเที่ยงพร้อมกันกับซูย้าว
เมื่อเขาออกไป อานโล๋ก็จับมือลูกสาว แล้วพูดออกมาอย่างแซวๆว่า “แกไม่ลองพิจารณาโม่ป่ายดูล่ะ? พวกแกรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ตอนนั้นที่แกหมั้น เขาก็ไม่เคยทิ้งแกเลยนะ ถ้าแกหย่าล่ะก็ จะ……..”
ยังพูดไม่ทันจบ ก็เห็นซูย้าวส่ายหัวรัวๆ ปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
อานโล๋ถอนหายใจออกมาอย่างหมดปัญญา “แกนี่นะ หัวดื้อแบบนี้ตลอดเลย ทำไมต้องทิ้งคนดี ไปเอาของคนที่พึ่งพาไม่ได้พรรค์นั้นก็ไม่รู้!เฮ้อ..