เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 218
บทที่ 218 ไปเจอกันที่ศาล
ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาของลี่เฉินซีปกคลุมไปด้วยความอึมครึม ซูย้าวยังตกอยู่ในอาการประหลาดใจ แต่เขากลับแย่งกุญแจไปจากมือของเธอ หลังจากเปิดประตูรถ ก็ยัดเธอเข้าไปข้างในอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง
ส่วนตัวเองก็ขึ้นไปนั่งตำแหน่งคนขับ แล้วขับออกไปจากโรงพยาบาล
ตลอดทาง โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใครกำลังโทรมา
โทรศัพท์ดังอยู่หลายรอบ ลี่เฉินซีเองก็ไม่คิดจะรับ แต่สุดท้ายก็จำต้องกดรับ เพราะทนรำคาญไม่ไหว พูดออกมาแค่ว่า “ฉ่ายหลิง ผมมีธุระกะทันหัน คุณหาหมอไปก่อน ถ้ามีเรื่องอะไรผมจะให้หวางอี้ไปรับ”
จากนั้น เขาก็ตัดสาย
ทุกอย่างเป็นไปอย่างว่องไว
แต่น่าเสียดาย ต่อให้จะ “ว่องไว” มากแค่ไหนก็ไม่สามารถลบรอยแผลในใจของซูย้าวได้
เมื่อเห็นแววเหยียดหยามจากปลายหางตาของหญิงสาว ไฟโกรธในใจของลี่เฉินซีก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น เขาโมโหจนกัดฟันกรอด
เขายังไม่ถามเรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับโม่ป่ายหลินและเพ้ยส้าวหลิงให้เคลียร์ แต่เธอยังมีหน้ามาทำสีหน้าแบบนี้อีกเหรอ!
มันหมายความว่ายังไง!
ลี่เฉินซีรู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งอก เขาจึงยกมือขึ้นมาดึงเนกไท พร้อมกับแกะกระดุมเสื้อออกสองสามเม็ด เมื่อหางตาเหลือบไปเห็นป้ายโรงแรมที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ก็ขับรถตรงไปที่นั่นทันที
เขาลากซูย้าวมายังชั้นบนสุด เมื่อมาถึงหน้าประตู เขาก็ใช้แขนยาวๆโอบรอบเอวบางของเธอเอาไว้ พร้อมกันนั้นก็พลิกเธอติดกำแพง แล้วปิดประตูลง
ลี่เฉินซีไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงโกรธ แค่เพราะเขาเห็นเธอกอดกับหลินโม่ป่าย จับมือกับเพ้ยส้าวหลิงแค่นั้นเหรอ?
แค่เรื่องเล็กๆน้อยๆต้องถึงกับโกรธอย่างไม่มีเหตุผลอย่างนี้เลยเหรอ? เขาไม่เข้าใจ
ซูย้าวมองเขาอย่างเฉยชา จดจ้องใบหน้าหล่อเหลาเครียดเขม็งที่อยู่ห่างกันแค่คืบ รอยยิ้มเย็นชายังคงประดับอยู่บนหน้า จากนั้นเธอก็หันหน้าหนี เพราะไม่อยากมองแล้ว
ลี่เฉินซีจ้องมองเธอ พร้อมกับยื่นมือออกไปบีบคางของเธอ บังคับให้เธอสบตากับตัวเอง จากนั้นก็เอ่ยพูดเสียงทุ้มแหบพร่าว่า “ทำไมถึงย้ายออกไป? แถมยังพาลูกผมไปด้วย!”
ใช่ นี่คือสิ่งที่เขาโกรธที่สุด
ซูย้าวช้อนตามองเขา ปลายนิ้วค่อยๆกำเข้าหากันแน่นจนฝ่ามือเริ่มเจ็บ คงต้องมีแค่ยอมรับอย่างเฉยชาเท่านั้นถึงจะทำให้เธอเตือนสติความโกรธในก้นบึ้ง
“พูดสิ!ทำไมไม่พูด!” เขาจับมือของเธอขึ้นมา ให้ใช้ภาษามือสื่อสาร
แต่เหมือนซูย้าวจะไม่อยากอธิบาย ไม่อยากพูดคุยด้วย เธอแค่รู้สึกว่ามันน่ารำคาญ จึงหลบหลีกการจับกุมของเขา แล้วก้มตัวลงมุดออกไปจากวงแขนของเขาทันที
ภายในห้องใหญ่มาก เธอจึงเดินไปนั่งบนโซฟาในห้องโถงช้าๆ
ลี่เฉินซีกลับยืนอยู่ที่เดิม พร้อมกับหันหลังพิงผนังเอาไว้ จากนั้นก็ดึงริมฝีปากส่งเสียงยิ้มเยาะออกมาว่า “ไม่คิดจะพูดอะไรเลยเหรอ? ซูย้าว คุณนี่มันเก่งขึ้นทุกวันจริงๆ”
เป็นครั้งแรก ที่เขาพบว่าผู้หญิงตรงหน้ารับมือยากขนาดนี้!
แล้วก็เป็นครั้งแรกที่พบว่า ตอนที่ผู้หญิงเงียบใส่ ไม่พูดไม่จาสักคำ มันจะน่ารำคาญขนาดไหน!
ลี่เฉินซีสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เมื่อมองมาที่เธอ ก็ไม่รู้ว่าควรต้องเริ่มจากตรงไหน หรือจะพูดอีกอย่างว่า ควรทำกับเธอยังไงดี!
นัยน์ตาเย็นชาคมเฉียบไล่มองร่างกายเธอทีละส่วน เมื่อมองหน้าท้องของเธอ สายตาก็เป็นประกายวาววับ สอดมือลงไปในกระเป๋ากางเกงข้างหนึ่ง แล้วพูดว่า “คุณจะเงียบแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่?”
ผ่านไปนาน เธอถึงได้เงยหน้าขึ้นมามองเขาอย่างเรียบนิ่ง
เธอมองแค่แวบเดียว ไม่ได้หยุดมองนาน เพราะกลัวว่าถ้าจ้องตากันนานเกินไป ก็จะยิ่งทำให้ตัดใจได้ยาก รู้ทั้งรู้ว่าในใจของเขาไม่มีเธออีกแล้ว ทำไมต้องไปเสียเวลารู้สึกอยู่ฝ่ายเดียวล่ะ
เมื่อใคร่ครวญดูหลายครั้ง ก็รู้สึกว่าระหว่างคนสองคน คงต้องคุยกันสักครั้ง ไม่ว่าจะร้ายหรือดี ถ้ามันจะจบลง ก็ควรคุยกันให้มันเรียบร้อยสักที
“คุณจำข้อความที่ส่งมาไม่ได้เหรอ?” ในที่สุดเธอก็ใช้ภาษามือพูดออกไป
เขารู้ว่าเธอจะพูดถึงเรื่องข้อความ ลี่เฉินซีจึงหลับตาลง แล้วหยิบโทรศัพท์ออกมากดอะไรบางอย่างบนหน้าจอ จากนั้นก็เปิดหน้าต่างแชทขึ้นมาแล้วโยนโทรศัพท์ไปให้เธอ
มันคือข้อความที่ถูกกู้คืนมา เพียงไม่กี่ประโยค ทุกอย่างปรากฏอยู่ในสายตาของเธอทั้งหมด
ล้วนแล้วแต่เป็นบทสนทนาในคืนนั้น คร่าวๆแล้วมีไม่กี่ประโยค ทว่ากลับครอบคลุมเนื้อหาทุกอย่าง
“คุณคิดว่าผมเป็นคนส่งข้อความเหรอ?” เขาย้อนถาม ขณะเดียวกันก็ก้าวมานั่งลงบนโซฟาข้างๆ
ซูย้าวเลิกคิ้วมองเขา ใช้ภาษามือถามว่า “แล้วไม่ใช่เหรอ? โทรศัพท์คุณ ถ้าไม่ใช่คุณส่ง แล้วใครส่ง?”
ลี่เฉินซีแอบกระตุกริมฝีปากเบาๆ “คุณคิดว่าเรื่องมันมาถึงตอนนี้แล้ว การที่มาเล่นลูกไม้กับผม มันจะยังมีความหมายอะไรไหม?”
เธอนิ่งไป ไม่เข้าใจความหมายของเขาไปชั่วขณะ
ใบหน้าเกลี้ยงเกลาของชายหนุ่มฉายแววดุร้าย นัยน์ตาสีดำมืดจดจ้องมาที่เธออย่างไม่กะพริบตาด้วยความลุ่มลึก แต่น้ำเสียงเย็นยะเยือกกลับทำให้น่ากลัว “ซูย้าวคุณฉลาดขนาดนั้น จำเป็นต้องให้ผมอธิบายด้วยเหรอ? คุณแกล้ง ใช่ไหม?”
เธอเข้าใจแล้ว
ดูเหมือนว่า เขากำลังจะบอกไม่ให้เธอแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องต่อหน้าเขา
ถึงยังไง เธอก็ไม่ใช่คนแบบนั้น
แค่พูดโกหกนิดหน่อย ก็ถูกเขาจับได้แล้ว
ซูย้าวขมวดคิ้ว จากนั้นก็ใช้ภาษามือตอบกลับไปว่า “ใช่ ฉันรู้ว่าคุณไม่ได้เป็นคนส่งข้อความพวกนี้ แล้วก็รู้ด้วยว่าอาจจะไม่ใช่เจตนาของคุณ แต่ว่าคุณสามารถอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับหานฉ่ายหลิงได้ไหม?”
เธออยากถามประโยคนี้มานานแล้ว
อยากถามเขาต่อหน้า อยากให้เขาอธิบายออกมาอย่างสมเหตุสมผล
เธอต่างหากคือภรรยาที่ถูกต้อง เธอต่างหากคือแม่ของลูกตามกฎหมาย แต่ทำไม เขาถึงยอมให้ผู้หญิงคนอื่นชักจูงครั้งแล้วครั้งเล่า…….
ข้อนิ้วบนมือใหญ่ของลี่เฉินซีเริ่มปรากฏสีขาวจางๆเนื่องจากออกแรงมากเกินไป เส้นเลือดตรงหน้าผากก็ค่อยๆผุดขึ้นมา สายตาเยือกเย็นเหลือบมองมาที่เธอ “คุณกำลังระแวงผมกับหานฉ่ายหลิง?”
“แล้วไม่ควรเหรอ?”
เธอย้อนถามด้วยภาษามือ
ถ้าเธอไม่เป็นใบ้ ถ้าเธอไม่ได้รักเขา ถ้าเธอไม่รู้จักถ่อมตัว เธอคงระเบิดความสงสัยพวกนี้ออกไปตั้งนานแล้ว
เธออดทนมาถึงทุกวันนี้ จนหัวใจเริ่มเป็นหนอง เน่าเปื่อยช้าๆ บาดแผลที่ค่อยๆเน่าเสีย ถูกหนอนกัดกิน ทรมานเจ็บปวด แถมยังน่ารังเกียจ
เห็นสามีของตัวเองสนิทสนมกับผู้หญิงคนอื่นต่อหน้าต่อตา ทั้งยังมีข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วบ้านทั่วเมือง ทั้งๆที่รู้ว่าหานฉ่ายหลิงไม่บริสุทธิ์ใจต่อเขา เขาก็ยังคอยดูแล ปกป้องเธอครั้งแล้วครั้งเล่า ซูย้าวจะสบายใจได้เหรอ?
เรื่องที่ย้ายออกจากบ้านตระกูลลี่
เธอคิดเอาไว้ตั้งนานแล้ว!
ข้อความพวกนั้น ก็เหมือนฟางเส้นสุดท้าย!
เธอถอนหายใจออกมาอย่างอ่อนแรง จากนั้นก็หยิบเอกสารที่เตรียมเอาไว้ในกระเป๋าออกมาวางไว้ตรงหน้าของเขา
“คุณอ่านดู ถ้าไม่มีปัญหาอะไร ก็เซ็นซะ!” เธอใช้ภาษามือพูด
กับผู้ชายคนนี้ เธอเป็นฝ่ายเริ่มรักก่อน
เธอรักมาสิบกว่าปี
ดังนั้นตอนแรกต่อให้เขาจะแต่งงานกับเธอเพราะคำสั่งเสียของบรรพบุรุษ หรืออาจจะเพราะเหตุผลอื่น เธอก็ยินดีรับได้ทั้งนั้น
ยินดียอมทำทุกอย่างเพื่อเขา รวมถึงการมีลูก
แต่เธอไม่สามารถทนรับคำนินทาที่โหดร้ายพวกนั้น และสายตาอ่อนโยนที่เขาเอาไว้ใช้กับผู้หญิงคนอื่นได้อีกต่อไปแล้ว
เธอเหนื่อยแล้ว เหนื่อยทั้งกายเหนื่อยทั้งใจ
ดังนั้นเรื่องแต่งงาน ให้เธอเป็นคนจบมันด้วยตัวเองสักทีเถอะ!
ลี่เฉินซีขมวดคิ้วมุ่น เมื่อหยิบเอกสารมาอ่านจนเข้าใจ ดวงตาลุ่มลึกก็ทอแววดุดัน
มันคือหนังสือยินยอมหย่า
เธอเตรียมพร้อมหย่ากับเขาถึงขนาดพกติดตัวเอาไว้เลยเหรอ!
ผู้หญิงคนนี้…
“บริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปเป็นของคุณทั้งหมด รวมไปถึงบ้านและรถ ส่วนฉันไม่ต้องการอะไร นอกจากเจิ้งลี่ เขายังไม่ถึงสามขวบ ถ้าตามกฎหมายแล้ว เมื่อหย่ากันสิทธิ์การเลี้ยงดูจะตกเป็นของฝั่งแม่” ซูย้าวใช้ภาษามืออธิบาย
เพราะกลัวว่าเขาจะไม่เห็นด้วย เธอจึงรีบใช้ภาษามือพูดเสริมว่า “ฉันจะเลี้ยงเจิ้งเอ๋อ ให้เขามีคุณภาพชีวิตที่ดี เรื่องพวกนี้ คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ฉันสามารถหาเงินเองได้ ถึงจะยังหาได้น้อยกว่าคุณก็เถอะนะ ถ้าคุณไม่ยินยอม ก็คงต้องไปเจอกันที่ศาลแล้วล่ะ!”
เธอใช้ภาษามือสื่อสารคำพูดเหล่านี้ออกมาอย่างชัดเจน
เพียงแต่ไม่มีใครรู้เลยว่า วินาทีที่พูดออกมา ในใจของเธอเจ็บปวดเหมือนถูกมีดแทงขนาดไหน เธอไม่กล้าแม้แต่สบตากับเขา เพราะกลัวว่าตัวเองจะใจอ่อน และล้มเลิกการตัดสินใจในครั้งนี้ไปซะ