เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 22
บทที่22 เธอเป็นโรค
น้ำเสียงของลี่เฉินซีไม่สูงและไม่ต่ำ ในดวงตาที่เงียบสงบมีคลื่นลูกใหญ่ น้ำเสียงเบาบาง เหมือนกับกำลังพิจารณาว่าควรจะดื่มสักแก้วดีไหม
สายตาของเพ้ยส้าวหลี่ ก็มองไปที่เขาอย่างเย็นชา หัวเราะเล็กๆ “ประธานลี่คิดว่ายังไงล่ะ? ”
ถามย้อนกลับไปอย่างนิ่งๆ แต่กลับแอบแฝงความยั่วยุไปด้วยไม่น้อย
ลี่เฉินซีไม่โกรธแถมหัวเราะอีก แต่การหัวเราะและปรายตาของเขานั้น เป็นตอนที่น่ากลัวมากที่สุด
บทสนทนาของผู้ชายทั้งสองมีแผนสูงซ่อนอยู่ลึกๆ ซูย้าวรู้สึกเหมือนอยู่ตรงกลางกลายเป็นอาหารของปืนใหญ่ เธอไม่อยากถูกหายนะของไฟสงคราม รีบออกมาจากอ้อมอกของ เพ้ยส้าวหลี่ พยักหน้าอย่างมีมารยาท แล้วเดินไปด้านหน้าของ ลี่เฉินซีอย่างเชื่อฟัง
เขามองเธอ ดวงตาที่สดใสนั้น เหมือนกับกระต่ายน้อยที่เชื่อฟัง ทำให้คนที่อยากจะโกรธแต่ก็ยาก
“คุณเดินเข้าไปก่อน! ” ลี่เฉินซีพูดกับเธอไปแค่ประโยคเดียว
ซูย้าว พยักหน้า แล้วรีบเดินออกไป
เธอเพิ่งเดินไป สีหน้าของเพ้ยส้าวหลี่ก็ผิดหวังขึ้นมาทันที “ประธานลี่คุณมีดีอะไร ชอบเก็บของเหลือของคนอื่นโดยเฉพาะ? นิสัยเก็บของเหลือ ก็หลายปีแล้ว ก็ยังไม่เปลี่ยนไปเลยนะ! ”
พูดจบ ใบหน้าที่หล่อเหลาของ ลี่เฉินซีก็แพร่กระจายความมืดมนออกมา ขมวดคิ้ว “คำพูดนี้ควรเป็นผมที่ต้องพูดกับคุณมากกว่านะ? ”
ทุกคนก็รู้ หลังจากที่ หานฉ่ายหลิงเลิกกันลี่เฉินซี ก็ไปคบกับ เพ้ยส้าวหลี่
ก็ต้องแยกเรื่องมาก่อนมาหลัง ไม่ใช่เหรอ?
เพ้ยส้าวหลี่ก็พอเดาออกว่าที่เขาพูดหมายถึงอะไร แล้วพยักหน้าอย่างช้าๆ “ถึงแม้จะมาที่หลังแล้วจะทำไม? อย่างน้อยผมก็อยู่ในใจของ ฉ่ายหลิง มาโดยตลอด ไม่ใช่เหรอ? ”
ดวงตาที่เย็นชาของ ลี่เฉินซี เหมือนสัตว์ดุร้ายที่จะล่าสัตว์ โหดเหี้ยม เย็นชา
เพ้ยส้าวหลี่ ฉีกยิ้มมุมปาก “พวกเราทั้งสองเถอะ! แต่ว่า ฉ่ายหลิงนั้นเป็นอดีตแล้ว เมื่อเทียบกับ ซูย้าว……”
ไม่ทันได้พูดจบ ก็ถูก ลี่เฉินซีพูดแทรกขึ้นมา “เธอเป็นภรรยาของผม คุณหยุดความคิดพวกนั้นได้แล้ว! ”
“อ่อ ที่แท้ประธานลี่ก็ยังรู้นี้นา! ”
สายตาที่ยิ้มของ เพ้ยส้าวหลี่ก็หยุดชะงักอย่างฉับพลัน ลมหายใจที่เย็นชาโจมตีเข้ามา “รู้แล้วก็เก็บรักษาไว้ให้ดี ไม่อย่างงั้น ไม่รู้ว่าวันไหน เธอก็จะกลายเป็นของคนอื่นล่ะ! ”
สีหน้าของ ลี่เฉินซีไม่ค่อยดีนัก แต่ว่าบทสนทนาก็จบลงถึงแค่ตรงนี้
กลับไปห้องโถงอีกครั้ง เพ้ยส้าวหลี่พูดคุยสังสรรค์กับผู้คนจำนวนมาก ผ่านการยกแก้วเหล้าขึ้น ของเหลวสีเหลืองอำพันมีเค้าลางของชายที่อยู่ไกลปรากฏขึ้นมา
รอยยิ้มที่เย็นชา ค่อยๆแพร่กระจายไปทั่วปากของ เพ้ยส้าวหลี่
แสงสาดส่องลงที่ เจี่ยงเวินอี๋อุ้มหลานตัวน้อยอยู่ไกล และ ลี่เฉินซีก็ยืนถ่ายรูปด้วย
ฉากที่สวยงามมาก แต่กลับทำให้ตาของ เพ้ยส้าวหลี่แสบร้อน!
เขาไม่ถูกกับ ลี่เฉินซีมาแต่ไหนแต่ไร ทั้งทั้งที่โตด้วยกันมาตั้งอต่เด็ก และเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนด้วยกันอีก แต่ความสัมพันธ์กลับเข้ากันไม่ได้
หลังจากที่ค่อยๆยึดเข้าควบคุมบริษัท ก็กลายเป็นศัตรูในตลาดกันอีก เหมือนกับเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้
แต่ในปรากฏการณ์ด้านนอกนี้ ถูกปิดบังอำพรางอยู่ แต่ เป็นความจริงที่เพ้ยส้าวหลี่เองก็ไม่อยากพูด!
ซูย้าวนั่งอยู่ในมุมมุมหนึ่ง พยายามลดความรู้สึกของตัวเอง อยู่ในท่ามกลางฝูงชนที่มีเสียงดัง
ถึงอย่างไรก็หนีไม่พ้นการมากวนใจของ ซูหยวน
ซูหยวน เดินถือแก้ววิสกี้ เสียงรองเท้าส้นสูงดึงมาแล้วนั่งลงข้างกายเธอ เลิกคิ้วพูดเย้ยหยัน “สุดท้าย แกก็ไม่ได้ช่วยให้ฉันสมหวัง แต่ก็กลับไปช่วยคนอื่นให้สมหวังแล้วเหรอ? ”
คำพูดอยู่ที่ข้างหู สายตาของซูย้าวมองไปที่เธอ หัวคิ้วผูกติดกันขึ้นมานิดหนึ่ง
เหมือนว่าซูหยวนจะดื่มเยอะไปแล้ว เงยหน้าขึ้น แล้วเอาแก้ววิสกี้ที่อยู่ในมือยกขึ้นดื่มอีก แล้วพูดอีกว่า “ใช่ ฉันอยากจะใช้ลูกของแก ให้แกมาท้องแทน ถึงยังไงพี่ เฉินซีก็ไม่ชอบแก ฉันมาเป็นแม่เลี้ยงของลูก ก็เหมาะสมดีไม่ใช่เหรอ? ”
“ไม่ว่ายังไง พวกเราก็เป็นพี่น้องกัน แถมเป็นญาติกัน ลูกของแก ฉันก็จะถือว่าเป็นลูกของฉันเอง และถ้าแกเอาพี่ เฉินซี ให้ฉัน ฉันก็จะดีกับแก! ”
ซูหยวนตบที่ไหลของเธอ สายตาพร่ามัวเล็กน้อย และเหมือนกับกำลังระบายความรู้สึกอยู่ แล้วพูดอีกว่า “แต่ว่าตอนนี้ล่ะ? แกคลอดลูกแล้ว กลับเอาให้คนอื่น? มีแค่ชื่อแต่ไม่มีตำแหน่ง มีประโยชน์อะไร? ”
ทุกทุกคำพูด เข้ามาในหูทำให้ ซูย้าวตกใจกลัว
“บอกว่าแกมันเป็นสุนัขจิ้งจอกตาขาว แกก็ยังไม่เชื่อ! หันข้อศอกไปด้านนอก ไม่เคยคิดพิจารณาแทนคนในบ้านเลย! ” ซูหยวนลุกขึ้นอย่างเซๆ และกลอกตามองบนด้วยความโกรธให้เธอไป
“ข้อดีต่างๆถูกคนอื่นเอาเปรียบแล้ว ซูย้าว จะต้องมีวันที่แกจะต้องร้องไห้เสียใจภายหลัง! ”
ซูหยวน ดื่มไปเยอะมากจริงๆ เลขาของ ตระกูลซูเข้ามาประคองและเอาเธอออกไป ก่อนจะไปยังไม่ลืมที่จะทำความเคารพกับ ซูย้าว อย่างมีมารยาท
แต่ ซูย้าวกับนั่งตะลึงอยู่ตรงนั้น ดวงตาทั้งสองข้างว่างเปล่า ขนตายาวงอนของเธอสั่นเล็กน้อย
ฝั่งทางประธานเจ้าของงานที่อยู่ห่างไปไกลนั้น หานฉ่ายหลิงอุ้มลี่เจิ้งและหัวเราะพูดคุยกับผู้คนรอบข้างมากมาย ท่าทางแบบนั้น ก็ชัดเจนเลยว่าเป็นคุณผู้หญิงของ ตระกูลลี่ เหมือนกับแม่แท้ๆที่คลอดลูกยังไงอย่างนั้น
ซูย้าว จ้องมอง ไม่เคลื่อนสายตาไปไหน
เปลวไฟลุกโชนในใจของเธอ เดือดพล่านแทบจะกระอักเลือด ในอารมณ์เธออยากจะบุกเข้าไป แย่งลูกชายของตัวเองคืน! แต่ในทางสติปัญญา ก็อยากให้เธอสงบสติอารมณ์ลงมา
ต้องใจเย็นๆ
สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และหายใจอีกครั้ง!
การขาดความอดทนอดกลั้นในเรื่องเล็กๆน้อยๆ จะทำให้เสียการใหญ่
อีกอย่างตอนนี้เธอยังพูดไม่ได้ ถ้าบุกเข้าไป แย่งลูกถ้าลูกได้รับบาดเจ็บขึ้นมาจะทำยังไง?
แค่งานเลี้ยง รอให้ผ่านไปก่อน เจิ้งเอ๋อต้องกลับมาอยู่ข้างกายเธออย่างอัตโนมัติแน่นอน!
ซูย้าว พยายามคุมอารมณ์ของตัวเอง ในงานเลี้ยงนี้ เธอไม่อยากอยู่ต่อแม้แต่วินาทีเดียวเลยจริงๆ ถือกระเป๋าหมุนตัวกลับแล้วเดินออกไปจากห้องโถง
ระเบียงทางเดินมีคนเมาไม่กี่คนรวมตัวกันอยู่ ส่งเสียงดัง เธอก็ไม่หยุด เดิมทีซูย้าวก็อารมณ์ไม่ดีแล้ว อยากจะไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
ในห้องน้ำ น้ำเย็นกระทบล้างมือขาวเล็กๆ อยู่ครึ่งนาที ถึงจะปิดก๊อกน้ำ
ซูย้าว มองดูตัวเองในกระจก ขมวดคิ้วอย่างอารมณ์ไม่ดีไว้แน่น ไม่ว่ายังไง เธอก็ต้องยืนหยัดให้ถึงที่สุด มีแค่อย่างนี้ ถึงจะเอา เจิ้งเอ๋อกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย
“ได้ยินข่าวมาหรือยัง? ว่าทำไม หานฉ่ายหลิง ถึงออกมาจากกลุ่มเต้นรำ พวกคุณรู้เหตุผลไหมว่าทำไม? ”
ในห้องน้ำ มีเสียงผู้หญิงนุ่มนวล ดังเข้ามาในหูของ ซูย้าว
เดิมทีเธอก็ไม่ชอบแอบฟังคนอื่นคุยกันอยู่แล้ว รีบหยิบทิชชูเช็ดมือ แล้วอยากจะรีบออกไป แต่ว่ายังไม่ทันได้ก้าวเท้าออกจากประตูห้องน้ำ ก็ได้ยินเสียงในห้องน้ำพูดออกมาประโยคหนึ่ง ——
“เพราะว่าเธอเป็นโรค! แถมยังเป็นโรคที่น่าสะอิดสะเอียนอีกด้วย! ”
“หมายความว่ายังไง? ”
“ไม่เข้าใจเหรอ? โรคติดต่อนะ เพราะฉะนั้นอยู่ห่างๆเธอหน่อย! ”
มีเสียงตกใจของผู้หญิงดังขึ้นมา “คุณพระ! ”
“เบาๆหน่อย อย่าให้คนอื่นได้ยินนะ! ”
ซูย้าว ร่างกายสั่นไปทั้งตัว ยืนอยู่นอกห้องน้ำ ใจลอยไปแป๊บหนึ่ง ก็ค่อยๆดึงสติกลับมา และผู้หญิงวัยรุ่นสองคนที่สนทนากันเมื่อกี้ก็เดินออกมา
พวกเธอมอง ซูย้าวไปนิดหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร แล้วเดินจากไป
เมื่อถึงมุมเปลี่ยนทางเดิน ผู้หญิงทั้งสองคนก็หยุดเดิน และชำเลืองสบตากัน แล้วค่อยๆหัวเราะเยาะออกมา
ซูย้าว ทนไม่ไหวอีกต่อไป กำหมัดแน่ เล็บจิกเข้าไปในเนื้อ อดทนความรู้สึกไม่ได้อีกต่อไป รีบเดินกลับเข้าไปในห้องโถงงานเลี้ยงอีกครั้ง
ท่ามกลางผู้คนที่อยู่ห่างออกไป หานฉ่ายหลิงยังคงอุ้มลี่เจิ้งอยู่ และพูดคุยหัวเราะอย่างมีความสุขกับคนอื่น ทุกกิริยาท่าทางล้วนมีสง่าราศีสวยงามล้ำเลิศ
แม้กระทั่งรอยยิ้ม ก็ล้วนสง่างามและสวยงาม ดีเป็นพิเศษ
ซูย้าวรีบเดินผ่านผู้คนมากมาย แล้วเดินมาด้านหน้าของ หานฉ่ายหลิง ก้มหน้านิดหน่อยและยิ้มอย่างเป็นมารยาท แล้วก็อุ้มเอาลูกชายออกมาจากอ้อมอกของเธอ
การกระทำที่เล็กน้อย กลับทำให้ หานฉ่ายหลิง สงสัยขึ้นมาทันที แล้วถามว่า “คุณซู เป็นอะไรหรือเปล่า? ”