เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 23
บทที่23 เป็นโรคอะไรล่ะ
เจี่ยงเวินอี๋ ชำเลืองมองมาเห็นพอดี แล้วก็เดินมุ่งตรงมาทางนี้ แล้วพูดเสียงต่ำว่า “ซูย้าว ที่นี่ไม่มีเรื่องของแก เอาลูกให้ฉ่ายหลิง!”
ซูย้าวที่ประพฤติตัวดีและเชื่อฟังมาตลอด ตอนนี้เหมือนกลับเปลี่ยนเป็นคนละคน กอด เจิ้งเอ๋อไว้แน่น ไม่ขยับไปไหนเลย
ในเวลาเดียวกัน ดวงตาที่สดใสของเธอ มอง เจี่ยงเวินอี๋อย่างดื้อรั้น และด้วยความมุ่งมั่นเป็นพิเศษ
“โอ๊ย วันนี้แกกินยาผิดมาเหรอ! ฉันพูดเป็นครั้งสุดท้าย รีบเอาลูกให้ ฉ่ายหลิง! ” เจี่ยงเวินอี๋โกรธขึ้นมา
หานฉ่ายหลิงรีบพูดโน้มน้าว จงใจพูดว่า “คุณป้า คุณอย่าโกรธไปเลย! คุณซู ก็เป็นแม่ของลูก อุ้มลูกก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ? ”
งานเลี้ยงในวันนี้ เจี่ยงเวินอี๋ยอมปล่อยเธอไปก่อน!
อีกอย่าง แต่ก่อนเจี่ยงเวินอี๋ก็อยากจะเลี้ยงหลานด้วยตัวเอง ถ้าถูก ซูย้าวทำพังขึ้นมา ผลของความแค้นและความเกลียดชังรวมกันแล้วระเบิดขึ้นมา ก็สามารถจินตนาการได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
เจี่ยงเวินอี๋ ดึงเอามือของ หานฉ่ายหลิงออก ยังคงใช่สายตาเย็นชามองไปที่ซูย้าว “แกฟังภาษาคนไม่ออกแล้ว ใช่ไหม? ”
ผู้คนจำนวนมากมารวมตัวในงานเลี้ยง ส่วนมากล้วนเป็นเพื่อนของ ตระกูลลี่ มีชื่อเสียงในสังคมคนชนชั้นสูง เจี่ยงเวินอี๋ไม่อยากให้คนอื่นหัวเราะเยาะ พูดด้วยเสียงที่ต่ำที่สุด มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่จะได้ยิน
ซูย้าว ยังคงกอดลูกชายของตัวเอง ไม่ยอมปล่อย
“ซูย้าว!”
เจี่ยงเวินอี๋ พยายามขมอารมณ์โกรธ ทุกคำพูดเสียดสีออกมาตามไล่ฟัน เหลือแค่ระเบิดออกมาอย่างเดียวแล้ว
ซูย้าว รีบลดดวงตาลง ขนตายาวสั่นขึ้นมานิดหนึ่ง ไม่ว่าที่ได้ยินเมื่อกี้จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ เธอก็จะไม่ยอมให้ลูกไปอยู่ในที่ที่อันตราย!
“แก……”
คำพูดของ เจี่ยงเวินอี๋ยังไม่ได้ออกมาจากปาก ลี่เฉินซีก็รีบย่างก้าวมาด้านหน้า สายตาที่เย็นชากวาดมองที่ ซูย้าว ใบหน้าอันหล่อเหลาเยือกเย็นไม่มีอารมณ์ความรู้สึกใดๆ
“เฉินซี อย่าโทษซูย้าวเลย เธอก็ไม่ได้ตั้งใจ! ” หานฉ่ายหลิงยืนอธิบายอยู่ด้านข้าง ท่าทางใจกว้าง มีเมตตาต่อคนอื่น
เจี่ยงเวินอี๋ โกรธจนหน้าเขียว ทนต่อไปไม่ไหวจะแย่งเด็กมา ในช่วงเวลาสำคัญนั้น ลี่เฉินซีกลับยืนแขนยาวมาขวางไว้
“พอได้แล้ว!”
เสียงทุ้มต่ำ เคร่งขรึมและเย็นชา
เจี่ยงเวินอี๋ หยุดชะงัก มองไปที่เขาอย่างงงงัน
ลี่เฉินซี หน้านิ่ง ดวงตาสีดำมองเข้าไปในตาของ ซูย้าว มองแววตาที่ยืนหยัดและดื้อรั้นของเธอ เขาถอดหายใจ แล้วพูดว่า “เจิ้งเอ๋อ ยังเล็กอยู่ วันนี้ก็เหนื่อยมามากแล้ว คุณเอาลูกกลับไปก่อนเถอะ! ”
ซูย้าว ได้รับอนุญาต รีบพยักหน้าทันที แล้วรีบอุ้มลูกจากไปอย่างรวดเร็ว
เจี่ยงเวินอี๋ จ้องเขม็ง อ้าปาก แต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี เรื่องนี้ก็เอาไว้เท่านี้ก่อนก็แล้วกัน!
เมื่อกลับถึงบ้าน ซูย้าวอาบน้ำให้เจิ้งเอ๋อก่อน แล้วก็เปลี่ยนแพมเพิส แล้วอุ้มเขาไปที่เตียงนอนเด็กน้อย กล่อมจนลูกนอนหลับ
แล้วหลังจากนั้น ก็กลับไปที่ห้องของตัวเอง แล้วหยิบเอาแท็บเล็ตขึ้นมาค้นหาโรคเพศสัมพันธ์ทั้งหมด
ในหัวสมองมีบทสนทนาที่ได้ยินในห้องน้ำขึ้นมาไม่หยุด เป็นเรื่องจริงหรือเรื่องปลอมกันแน่? ไม่แน่ใจ……
ผ่านไปไม่กี่วัน ลี่เจิ้งต้องฉีดวัคซีน
ถึงแม้จะพูดถึงระดับ ตระกูลลี่แล้วนั้น ก็สามารถเรียกคุณหมอมาบริการที่บ้านเลยก็ได้ แต่ว่า ซูย้าวอยากจะใช้โอกาสนี้พาลูกไปเดินเล่นด้านนอก ถึงยังไงไปโรงพยาบาล ก็ไม่ไกลมาก
สองสามวันนี้ ลี่เฉินซี ไม่อยู่บ้าน เธอก็ไม่ได้ถาม หลังจากที่ตอนเช้าตรู่เตรียมพร้อมเสร็จทุกอย่างแล้ว เอา เจิ้งเอ๋อใส่ไว้ในรถเข็นเด็ก แล้วเข็นเขาออกจากบ้านไปด้วยตัวเอง
พ่อบ้านขับรถพาพวกเธอมาที่ศูนย์การค้าในเมือง ซูย้าวลงจากรถ เธอพาลูกไปโรงพยาบาลด้วยการเดินเท้า
เพราะว่าตัวเองพูดไม่ได้ ให้ลี่เจิ้งติดต่อพูดคุยกับคนอื่นเยอะๆหน่อย หลังจากนี้เวลาพูดอะไร ก็จะได้สะดวกสบายมากขึ้น
มีเด็กมากมายที่รอฉีดวัคซีน โชคดีที่ ซูย้าวพาลูกออกมาจากบ้านเร็ว ต่อคิวแป๊บหนึ่งก็ถึงคิวพวกเขา
เจ้าเด็กหนุ่ม เจิ้งเอ๋อเป็นเด็กดีมาก ฉีดยาเสร็จก็ร้องไห้แค่แป๊บเดียวเท่านั้น คุณหมอโอ๋แป๊บเดียว ก็หยุดร้องไห้ทันที
พยาบาลพูดว่า “เด็กหนุ่มคนนี้หน้าตาน่ารักน่าชังมากเลยนะ! โตขึ้นต้องเป็นหนุ่มหล่อแน่ๆ! ”
ซูย้าวยิ้มเล็กๆ แล้วอุ้มลูกไปจัดเก็บของให้เป็นระเบียบที่อื่น
ตอนที่เธอหมุนตัวเดินไปด้านนอกนั้น ก็ได้ยินพยาบาลด้านหลังพูดเสียงเบากับคนอื่นว่า “น่าเสียดายเด็กคนนั้นจริงๆ หน้าตาก็ดี แต่มีแม่เป็นใบ้ หลังจากนี้เวลาพูดอะไรจะมีปัญหาไหมนะ! ”
เธอรู้สึกเจ็บปวดใจ เจ็บเข้าไปถึงไขกระดูก
ระเบียงทางเดินด้านนอก ซูย้าวมองดูลูกรักที่อยู่ในรถเข็นเด็ก เธอมองดูลูกชาย แล้วรู้สึกขอโทษลูกตัวเองเป็นอย่างมาก ว่าตัวเองเป็นใบ้……
ถ้า สมมติว่าถ้า เธอสามารถเรียกคืนเสียงของเธอได้ จะเป็นเรื่องที่ดี สำหรับลูกของเธอ?
นึกถึงเท่าตรงนี้ เสียงทุ้มต่ำของผู้ชายดังขึ้นมาทำลายความคิดของเธอ จากด้านหลัง
“ทำไมถึงพาลูกมาฉีดวัคซีนเองล่ะ? ”
ผู้ชายที่สวมใส่เสื้อกาวหมอสีขาว รูปร่างสมาร์ต เดินมาถึงข้างเธอ ซูย้าวเงยหน้าขึ้น เมื่อสบตาของเขา ก็มีความอ่อนโยนเอ่อล้นออกมา
หลินโม่ป่าย ก้มตัวลง หยอกล้อเล่นกับ ลี่เจิ้งแป๊บหนึ่ง เจ้าเด็กหนุ่มน้อยถูกหยอกล้อจนหัวเราะออกมาไม่หยุด มือเล็กๆของเขายังจับมือใหญ่ของเขาด้วย จับไปจับมา น่ารักมากๆเลย
เล่นกับเด็กไปแป๊บหนึ่ง หลินโม่ป่ายก็นึกขึ้นมาได้ แล้วพูดว่า “โอ้ใช่แล้ว ซูย้าว คุณรอผมแป๊บหนึ่ง ผมมีของจะให้คุณ! ”
เธอตกตะลึงเล็กน้อย แต่ว่าชายคนนั้นหมุนตัวกลับไปตั้งนานแล้ว รีบก้าวเท้าเดินขึ้นตึกไป
รอไปแป๊บหนึ่ง ในมือของ หลินโม่ป่ายก็ถือถุงกระดาษที่ไม่ใหญ่และก็ไม่เล็ก แล้วเอาถุงกระดาษยื่นให้เธอ “ยาพวกนี้ คุณลองเอากลับไปกินดูก่อน! ”
ซูย้าว ตกใจ ยา?
“เพราะว่าคุณไม่เหมาะสมกับการรักษา รายละเอียด ผมก็ไม่แน่ใจว่าทำไมลำคอของคุณถึงไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้กันแน่ แต่ว่ายาพวกนี้ล้วนมีประโยชน์ต่อลำคอและเส้นเสียงแน่นอน ”
นิ่งไปแป๊บหนึ่ง เขาก็รู้สึกได้เกี่ยวกับ หนูลี่เจิ้ง แล้วรีบพูดว่า “ก็ไม่นับว่าเป็นยา เป็นอาหารเสริมนะ! ไม่มีผลข้างเคียงหากรับประทานในระหว่างให้นมบุตร ”
ซูย้าว จับถุงกระดาษในมือ ในทันใดนั้น ก็กลับรู้สึกหนักอึ้งขึ้นมา
นับตั้งแต่พ่อจากไป และหลังจากที่แม่สติแตก บนโลกใบนี้ คนที่เป็นห่วงเธอมีแค่คนเดียว ก็มีแค่ หลินโม่ป่าย
ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ที่หมั้นหมายกันในตอนแรก หรือว่าตอนนี้ ที่ไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ เขาก็เป็นเหมือนอดีตที่ผ่านมา เป็นคนใส่ใจพิถีพิถัน
เมื่อมองเห็นดวงตาที่สวยงามของเธอนั้นหนักใจ หลินโม่ป่ายก็ยิ้มออกมา ยกมือขึ้นแล้วไปลูบที่หัวของเธอ เบาๆ “โอเคแล้ว ไม่ต้องรู้สึกลำบากใจนะ ผมไม่ได้มีความหมายอื่น ถ้าไม่ยอมกิน ก็ไม่เป็นไร! ”
ซูย้าวส่ายหัว ใช้ภาษามืออธิบาย เธอจะกินยาพวกนี้ตรงตามเวลาเลย
เพราะว่าเธอรู้ดี ว่ายาพวกนี้ หลินโม่ป่ายที่เป็นแพทย์ศัลยกรรมทรวงอก จะต้องไปไหว้วานคนมากมาย และต้องไปถามคนเยอะแยะ ถึงจะมาช่วยเธอได้ในที่สุด
ไม่ว่าจะมีประโยชน์หรือไม่ แค่น้ำใจอย่างเดียว เธอก็รับไว้แล้ว!
“ถ้าคุณเด็กดีเชื่อฟังอย่างนี้ล่ะก็ ก็ดีแล้ว! ”เขาถอดหายใจอย่างจนปัญญาติ มือใหญ่เรียวยาวของเขายื่นไปเกาที่จมูกของเธอ “ถ้ามีเรื่องอะไรอยากให้ผมช่วย ก็รีบมาบอกผมให้ทันเวลาด้วยนะ อย่าให้ผมคิดถึงคุณ เข้าใจไหม? ”
ซูย้าว ยิ้มเล็กๆ แต่ก็กลับก้มหัวลง
“จำไว้ ไม่ว่าอย่างไร คุณก็ยังมีผมนะ! ” เขาพูดด้วยความรู้สึกเล็กน้อย แล้วยื่นมือออกไปเอาเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอด
เดิมทีเขาก็เป็นคนสูง แขนทั้งสองกอด ลี่เจิ้งและซูย้าวในเวลาเดียวกัน เขาไม่ได้พูดอะไร ยิ้มและกล่อมเด็กน้อย
แต่ ซูย้าวกลับรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา ขยับตัวออกมาจากอ้อมกอดของเขาอย่างระมัดระวัง ดวงตาที่สวยงามทำตาละห้อย
หลินโม่ป่าย ความรักความผูกพันนี้ เธอทำให้ผิดหวังแล้วไม่ใช่เหรอ?
ไม่รู้ว่า ลี่เจิ้งเป็นอะไร อยู่ดีๆก็ร้องไห้ขึ้นมา หลินโม่ป่ายรีบเอาเด็กอุ้มขึ้นมา กล่อมด้วยเสียงอันเบา
ซูย้าว ยืนอยู่ข้างๆใกล้ๆ ฉากที่สวยงามนี้ ก็ถูกซูหยวนที่มาโรงพยาบาลเห็นโดยบังเอิญพอดี
มองผู้ชายที่อุ้ม ลี่เจิ้ง ดวงตาสีแอปปริคอทของเธอปรากฏความชั่วร้ายออกมา รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เล็งกล้องไปที่คนทั้งสามที่อยู่ไม่ไกล
ซูย้าว ดูซิว่าครั้งนี้แกจะทำยังไง!
ทางด้าน บริษัทลี่ซื่อ ลี่เฉินซีเพิ่งจะประชุมตอนเช้าเสร็จ เดินกลับไปที่ห้องทำงาน โทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะก็สั่นขึ้นมา
ได้รับมาหนึ่งข้อความ กดเปิดดู ก็เป็นรูปภาพ
จ้องเขม็งไปที่ชายหญิงที่อยู่ในจอ มือเรียวยาวขยายภาพขึ้น และขยายภาพขึ้นไปอีก ท้ายที่สุดเขาก็หยุดที่หน้าของซูย้าว
จ้องเขม็ง เขาขมวดคิ้วแน่น รอยยิ้มแบบนั้นของเธอ ดูดี เงียบสงบ เหมือนกับภาพวาดที่วาดด้วยหมึก ทิวทัศน์ที่สวยงาม เหมือนกับท้องฟ้าในตอนเช้าที่โปร่งใส และควันฝนที่กำลังจะมา
รอยยิ้มอย่างนี้ เขาเคยเห็น
เมื่อหลายปีก่อน……