เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 235
บทที่235 ไม่สามารถทำร้ายเขา
ซูย้าวไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะมามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ คดีที่ทำให้เมืองA สั่นสะเทือน แม้กระทั่งไกลไปถึงต่างประเทศ
เมื่อได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว หลินโม่ป่ายก็เดินเข้ามา
โม่หว่านหว่านไม่อยากรบกวนพวกเขา เพียงแค่พูด “ฉันกลับบ้านไปดูเจิ้งเอ๋อก่อน โม่ป่าย นายส่งซูย้าวกลับบ้านด้วยละ!”
พูดจบ โม่หว่านหว่านก็รีบขึ้นรถอย่างเร็ว ขับรถออกไปอย่างไร้ร่องรอย
หน้าสำนักงานตำรวจเหลือเพียงพวกเขาสองคน พวกเขามองสบกันอย่างไม่เป็นธรรมชาติ กลับไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาถึงจะดี
หลินโม่ป่ายเป็นคนทำลายความเงียบ เขาเปิดประตูที่นั่งข้างคนขับ ก่อนส่งสัญญาณให้เธอ “ขึ้นรถก่อนเถอะ!”
ซูย้าวพยักหน้า ตามเขาขึ้นรถไป
รถขับไปอย่างช้าๆ บนทางหลวง ใช้เวลาขับรถเพียงครึ่งชั่วโมงจากที่นี่ไปยังอพาร์ตเมนต์ซึ่งอยู่ไม่ไกล
“ผมเชื่อว่าคุณไม่ทำเรื่องแบบนั้นแน่ แต่ว่าซูย้าวเห็นได้ชัดว่ามีคนจ้องเล่นงานคุณ อยากให้คุณมีความผิดติดตัว คุณสงสัยใครไหม?”
หลินโม่ป่ายมองไปยังด้านข้างของเธอ สายตาที่นุ่มนวลไม่สามารถปกปิดความวิตกกังวลของเขาได้
เธอไม่มีทางรู้เลยว่า ซูย้าวที่เพิ่งโดนตำรวจคุมตัวไป ตอนนั้นโม่หว่านหว่านร้อนรนใจเหลือเกิน ไม่รู้จะไปหาใคร จึงโทรมาหาเขา
หลินโม่ป่ายไม่สนใจคนอื่นเลย เขารีบออกไปหาทนายความอย่างเร็ว ไม่ลังเลที่จะจ้างทนายที่ฝีมือดีที่สุด เพื่อที่จะปกป้องความบริสุทธิ์ของซูย้าว
ไม่เพียงแค่นั้น ในขณะที่เธอถูกควบคุมตัวเป็นเวลานานกว่าสี่สิบชั่วโมง ในระหว่างที่สื่อรายงานเนื้อหาของคดีทั้งหมดและถูกบิดเบือนโดยผู้อื่นที่มีเจตนาร้าย หลินโม่ป่ายยังเป็นคนแรกที่ยืนข้างเธอและชี้แจงให้คนในอินเทอร์เน็ตที่มีจำนวนมากมายฟัง
แม้ว่าจะเป็นคำพูดจากคนหนึ่งคน พอที่พูดได้ว่าไม่มีน้ำหนัก แต่ก็มีข้อถกเถียงในแง่มุมต่างๆ แต่เดิมทีก็เป็นประเด็นร้อน มีข้อถกเถียงในทุกแง่มุม เมื่อมีคนลากประเด็นมาเล็กน้อย ก็มีคนลุกขึ้นมาตอบสนองในทันที
เขารู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันยังน้อยเกินไป มันแทบจะเทียบไม่ได้กับสิ่งที่เธอกำลังจะเผชิญ แต่ในตอนนี้ มันก็เป็นประโยชน์ต่อซูย้าวแม้เพียงนิด ก็ต้องทำ ไม่ใช่หรือ?
ซูย้าวมองไปยัง ใบหน้าขาวสะอาด รูปร่างที่นับว่าดี ดวงตาที่สุกใส ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าเขาทำเพื่อคดีตัวเองขนาดไหน หมดห่วงแน่นอน
ความรู้สึกที่ไม่สามารถบรรยายได้กลั่นตัวอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจเธออย่างเงียบๆ
เธอคิดสักพัก ก่อนจะส่ายหน้า พลางทำภาษามือส่งไปหาเขา “ฉันก็ไม่รู้”
“แค่คนที่คุณสงสัยสักคนก็ไม่มีเลยหรือ?” หลินโม่ป่ายขมวดคิ้ว หากหาผู้ต้องสงสัยได้สักคนสองคน ขอบเขตคงแคบลงและสามารถตรวจสอบได้ง่ายขึ้น
และสามารถให้ความเป็นธรรมต่อเธอได้อย่างเร็วที่สุด ทวงคืนความบริสุทธิ์กลับมา
ซูย้าวมองไปที่เขาด้วยแววตาบางๆอย่างอ้อยอิ่ง ท้ายที่สุดก็ค่อยๆ หายไปอย่างไร้ร่องรอย
“ฉันเดาไม่ออก ปกติฉันก็ไม่ได้เคยทำอะไรผิดใจกับใจ มันไม่ควรมีคนมาคิดร้ายกับฉันถึงจะถูก!”เธออธิบายด้วยภาษามืออย่างขอไปที
หลินโม่ป่ายถอนหายใจ “ไม่เป็นไร หาหลักฐานได้แน่ ไม่ต้องร้อนใจ ทางฝั่งทนายก็เตรียมพร้อมอย่างดีแล้ว ภายในไม่กี่วันนี้ผมจะช่วยคุณหาทุกหนทุกแห่งอีก… …”
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวตนของหลงเบียว ใครแนะนำให้ทำ ต้องสืบให้แน่ชัด
เมื่อนึกถึงตรงนี้ หลินโม่ป่ายดูเหมือนจะนึกถึงบางสิ่งได้ “ใช่แล้ว คดีครั้งนี้หลงเบียวกับลูกน้องอีกสองคน ดูเหมือนจะจงใจถูกจับกุม พวกเขาถูกจับและถูกตัดสินจำคุกอย่างน้อยสิบกว่าปีเนื่องจากลักพาตัวและก่ออาชญากรรมอื่น ๆ … ”
เพื่อที่จะซ่อนผู้ร้ายตัวจริงที่อยู่เบื้องหลัง เพื่อที่จะชี้ตัวไปที่ซูย้าว ทั้งสามคนนี้จะต้องรับโทษจำคุกมากกว่าสิบปีแน่นอน ก็เพียงพอแล้วที่จะพิสูจน์ได้ว่ามือมืดเบื้องหลังคนนี้ จะให้ประโยชน์มากมายแก่คนทั้งสาม
เขาพูดขึ้นมาอีก “ฉันกลับไปจะขอให้เพื่อนช่วยตรวจสอบบัญชีต่างประเทศของหลงเบียวให้สักหน่อย ถ้าหากไม่มี ถ้าอย่างนั้นคนในครอบครัวเขาก็ต้องมี”
ติดคุกนานกว่าสิบปี ผู้ร้ายตัวจริงต้องให้ราคาสูงเป็นแน่ แค่หาบัญชีที่ซ่อนไว้ให้เจอ ยืนยันอีกครั้งว่าไม่ได้รับเงินจากซูย้าว ถ้าอย่างนั้น ความสงสัยในตัวเธอ ก็ถูกล้างสะอาดแล้ว
หลินโม่ป่ายราวกับคว้าความหวังอันริบหรี่ ดวงตาที่ลึกล้ำส่องประกายแสงสว่าง
ซูย้าวมองไปที่เขาอย่างเงียบๆ พลางถอนหายใจภายในใจ คาดเดาไว้ว่าเรื่องนี้คงไม่สามารถจบได้ง่ายแน่
เมื่อส่งซูย้าวกลับถึงที่อพาร์ตเมนต์แล้ว หลินโม่ป่ายปลอบโยนเธอไม่กี่ประโยค ให้เธอพักผ่อนให้มาก ดูแลร่างกายให้ดี ไม่ต้องคิดเยอะ เรื่องทุกอย่างให้เขาไปจัดการให้
เมื่อเห็นชายคนนั้นหมุนตัวกลับ เงาของรถค่อยๆหายไปแล้ว ใจของเธอราวกับตกลงไปในหุบเหวลึก ไม่ใช่ว่าเธอไม่มีใครให้สงสัย
แม้จะแม่นยำ ไม่ต้องสงสัย
แต่เธอไม่สามารถพูดได้ อย่างน้อยก็ในขณะนี้
ยิ่งไม่สามารถปล่อยให้ความวุ่นวายนี้เกี่ยวข้องกับหลินโม่ป่ายที่ไม่มีความผิด เธอเป็นหนี้เขามากพออยู่แล้วและเธอไม่สามารถปล่อยให้เขาเสี่ยงเพื่อผลประโยชน์ของเธอเองได้อย่างแน่นอน
ในห้องสอบสวนของสำนักงานตำรวจหลี่เจิ้น มองไปที่ใบหน้าเจ้าเล่ห์ของหลงเบียว “แกรู้จักกับซูย้าวได้อย่างไร?”
“รู้จักได้ยังไงหรือ?” ดวงตาเล็กๆ ของหลงเบียวกลอกไปมาหลังจากคิดสักพักแล้ว เขาก็ตอบอย่างไม่ขอไปทีว่า “ลืมแล้ว!”
“ลืม?”
หลี่เจิ้นตบโต๊ะอย่างกะทันหัน เสียงอันดัง ทำให้หลงเบียวตกใจจนกายสั่นสะท้าน
“ฉันขอเตือนแกอีกคำ คิดให้ดีอีกรอบ”หลี่เจิ้นกล่าวอีกครั้ง
หลงเบียวแสร้งขมวดคิ้วราวกับว่าเขากำลังขุดคุ้ยความทรงจำบางอย่าง เขาครุ่นคิดอยู่นานและในที่สุดก็พูดเพียง “อาจจะรู้จักกันข้างถนน! มันก็นานแล้ว ฉันจะจำชัดเจนได้อย่างไรกัน?”
“รู้จักกันข้างถนน?” หลี่เจิ้นรู้สึกเหลวไหล ก่อนจะตัดไปถามคำถาม “ระหว่างแกกับซูย้าว สื่อสารกันยังไง?”
หลงเบียวลำบากใจ “อันนี้… …”
เขาแค่จะเอาเงินไปทำสิ่งต่างๆ โดยคิดว่าจะหาเงินให้ได้มากพอในคราวเดียว ให้เพียงพอสำหรับภรรยาและลูกๆ ของเขาที่จะมีใช้ชีวิตอย่างมีความสุขข้างนอก ยังไงซะเขาก็แก่แล้วและก็โอเคที่จะติดคุกกว่าสิบปี แต่เขาไม่ได้เตรียมรับมือกับคำถามเหล่านี้ไว้ล่วงหน้า จู่ๆก็ถาม จะไม่ให้มีพิรุธอะไรเลยได้อย่างไรกัน
“ซูย้าวเป็นใบ้ ถึงพูดไม่ได้ แต่ก็ฟังพวกเราเข้าใจ แกเรียนมาแค่ประถม แถมไม่รู้จักภาษามือ ขอถามหน่อยว่าติดต่อสื่อสารกับซูย้าวยังไงกัน?”หลี่เจิ้นถาม
หลงเบียวพะอืดพะอม คิดสักพัก ก่อนจะรีบพูด “เขียนบนกระดาษ เธอเขียนลงบนกระดาษ!”
ดวงตาของหลี่เจิ้นหรี่ลงทันที “กระดาษพวกนั้นละ? แกเอาไปวางไว้ที่ไหน?”
“อันนี้… …” หลงเบียวยิ่งกระวนกระวายใจ แต่ก็ยังโกหกต่อไป “เผาไปแล้ว! ใครจะเก็บของแบบนั้นไว้กัน! ถูกเผาหมดแล้ว!”
“เผาแล้ว?” หลี่เจิ้นขมวดคิ้ว
เห็นได้ชัด ว่ามีหลายจุดที่น่าสงสัยในคดีนี้ หลงเบียวและลูกน้องอีกสองคนทั้งสอง ยืนยันว่าซูย้าวเป็นคนร้ายที่อยู่เบื้องหลัง แต่มีเพียงภาพแคปจากกล้องวงจรปิดเท่านั้นที่เป็นหลักฐาน ไม่มีหลักฐานอื่นอีกแล้ว
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ แม้แต่ในศาลก็มีความเป็นไปได้สูงที่ซูย้าวจะพ้นผิด แถมยัง ไม่ตัดความเป็นไปได้ที่จะถูกคนใส่ร้ายป้ายสีเธอ
เมื่อเดินออกจากห้องสอบสวน หลี่เจิ้นบอกเจ้าหน้าที่อีกสองคนข้างนอกว่า “ไปค้นบ้านของหลงเบียวอีกครั้ง มองหาของอะไรก็ได้ที่เกี่ยวข้องกับกระดาษ เช่น สมุด กระดาษโน้ต โทรศัพท์ใช้แล้วอะไรก็ไปหามา!”
หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็กำชับอีกคนหนึ่งว่า “เธอไปตรวจสอบหานฉ่ายหลิงหน่อย นำข้อมูลเธอมาให้ฉัน แล้ว เธอทำการตรวจตัวเองหรือยัง?”
ตำรวจหญิงส่ายหัว “คุณหานปฏิเสธที่จะร่วมมือ ดูเหมือนยังไม่ได้กินยาคุมกำเนิด!”
เมื่อได้ยินแบบนี้ หลี่เจิ้นก็ขมวดคิ้วแน่นและดูเหมือนว่าเขาจะได้การคาดคะเนที่กล้าหาญ
แม้ว่าจะเป็นเพียงขั้นตอนการคาดเดา แต่มันก็เป็นไปได้ เขารีบสั่งตำรวจหญิง กระซิบข้างหูเธอเสียงต่ำ “คุณไปโรงพยาบาล ไปนำประวัติรักษาของหานฉ่ายหลิงออกมา เรื่องนี้อย่าเอาไปบอกใคร ต้องทำอย่างเป็นความลับ”
“รับทราบค่ะ!”