เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 236
บทที่ 236 พรหมลิขิตของพวกคุณจบสิ้นแล้ว
วันรุ่งขึ้น, ข่าวที่ดังไปทั่วทุกสารทิศอย่าง ‘ลี่เฉินซีประธานบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปและสาวใบ้หย่าร้างกันมานานแล้วและยังมีความจริงอีกอย่างในคดีลักพาตัวที่น่าตกใจ’ ก็ประเดเข้าหาอย่างเร็ว
กระทั่งหน้าประตูบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ป ก็มีนักข่าวกลุ่มใหญ่มารวมตัวกันแต่เช้าเพื่อรอสัมภาษณ์ลี่เฉินซี เพื่อต้องการวิเคราะห์อะไรบางอย่างจากปากเขา
บนหนังสือพิมพ์บรรยายไว้อย่างชัดเจนว่า ‘เพราะเหตุใดประธานบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปที่สง่าผ่าเผยถึงไม่แพร่งพรายเรื่องกายหย่าต่อสาธารณชน และทำไมลูกสาวคนที่สองของบริษัทซูซื่อกรุ๊ปถึงไม่ลังเลที่จะจ้างวานลักพาตัวอริหัวใจ เบื้องหลังทั้งหมดนี้เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงของนิสัยมนุษย์ หรือว่าจะเป็นการสูญเสียศีลธรรม ติดตามวิเคราะห์เส้นทางที่กู่ไม่กลับของภรรยาสาวใบ้ตระกูลสูงต่อไป’
เมื่ออ่านข่าวที่ไร้สาระในหน้าหนังสือพิมพ์แล้ว ลี่เฉินซีขยำมันให้เป็นก้อนกลม ก่อนจะโยนลงถังขยะ
เขาลุกขึ้นก่อนถามหวางอี้ที่อยู่ข้างๆเขาว่า “ใครเป็นคนให้เปิดโปงข่าวพวกนี้?”
“ฉันเอง!”
ไม่ใช่หวางอี้ที่ตอบเขา แต่เป็นเสียงผู้หญิงที่ดังมาจากประตูห้องทำงาน
ลี่เฉินซีหันไปตามเสียง เขาเห็นเจี่ยงเวินอี๋ยืนอยู่ตรงนั่นอย่างเข้มงวด ข้างกายมีเลขาหลี่ยืนอยู่ข้างๆเธอ
ในขณะที่ย่างเท้าเข้ามาในห้อง เธอก็ไล่เลขาที่อยู่ข้างกายออกไป และให้หวางอี้ออกไปเช่นกัน
เมื่อประตูห้องทำงานปิดลง เจี่ยงเวินอี๋นั่งบนโซฟาอย่างสง่างาม มองไปยังนิตยสารบนโต๊ะกาแฟอย่างเย็นชา เป็นข่าวล่าสุดของวันนี้ รายงานเกี่ยวกับซูย้าวและเรื่องราวคดีลักพาตัว
“แม่ มาพอดีเลย ผมก็มีเรื่องอยากถามแม่ต่อหน้า” ดวงตาเย็นชาของลี่เฉินซีมองตรงไป เขาหรี่ตามอง “ผมไปหย่าตอนไหน? ทำไมตัวผมเองไม่รู้?”
เจี่ยงเวินอี๋เดาว่าเขาต้องถาม และหากไม่มีคำอธิบายที่สมเหตุสมผล ด้วยอุปนิสัยของลี่เฉินซี เขาจะไม่ยอมวางมือยุติเรื่องราว
เธอเตรียมมันไว้แต่เนิ่นๆ แล้ว เธอหยิบหนังสือหย่าออกมาจากกระเป๋า ก่อนจะวางมันไว้บนโต๊ะ ชื่อของซูย้าวถูกเซ็นไว้แล้วที่ช่องของฝ่ายหญิง
“ตอนนี้เซ็นชื่อ คนอื่นฉันทักทายไว้แล้ว วันนี้หย่า แต่วันที่จะถูกเลื่อนไปภายในสองเดือนหน้า”
อย่างนี้ มันสามารถสับหลีกคดีลักพาตัวนี้ได้พอดี แสดงให้เห็นว่าเรื่องทั้งหมดเป็นแผนการสกปรกของซูย้าว เป็นการแก้แค้นอย่างลับๆ ไม่เกี่ยวอะไรกับบริษัทลี่ซือกรุ๊ปหรือกับลี่เฉินซีสักนิด
ลี่เฉินซีเหลือบมองข้อตกลง
บนโต๊ะทำงาน เขาเคยเห็นสิ่งนี้มามากกว่าหนึ่งครั้ง แต่เขาไม่ได้เซ็นลงเลยสักครั้ง
เขาพยายามกดความไม่โกรธที่ปะทุขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้ ดวงตาเย็นชามองไปยังมารดา น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยเน้นทีละคำ “ทำไมผมต้องเซ็น? แล้วก็ ถ้าเซ็น ทำไมวันหย่าต้องเลื่อนไปวันหน้าอีก?”
เจี่ยงเวินอี๋มองมาทางเขา “แกรู้แล้วยังจะถามอีก จนถึงตอนนี้ ยังจะให้ฉันอธิบาย มีความหมายไหม?”
“ไม่มีความหมายหรือ?” ดวงตาที่มืดมนของลี่เฉินซี มืดทึม มีลำแสงที่เฉียบแหลมมองทะลุปรุโปร่ง
เจี่ยงเวินอี๋สูดหายใจลึก พูดเพียง “จนถึงตอนนี้ แกยังมองโฉมหน้าที่แท้จริงของผู้หญิงคนนั้นไม่ออกอีกหรือ? คิดว่าจะเป็นแค่หญิงใบ้ธรรมดา ไม่ได้สนใจมาก่อน กลายเป็นว่าโดนหลอกด้วยใบหน้าที่เสแสร้ง ของเธอ! คิดไม่ถึงว่าจะช่างใจร้ายจ้างคนมาลักพาตัวฉ่ายหลิง”
เจี่ยงเวินอี๋หยุดไปสักพัก ก่อนกล่าวต่อ “ผู้หญิงพรรค์นี้ ” ลี่เฉินซีหรี่สายตาที่เย็นชาลง “คุณเป็นแม่ผม ควรจะรู้นิสัยของผมดี หย่าได้ แต่ไม่ใช่ตอนนี้”
ได้ทีขี่แพะไล่ ฉวยโอกาสกำจัดความสัมพันธ์
ลี่เฉินซีทำเรื่องแบบนี้ไม่ได้
ไม่ทำแน่!
“แก… …” ใจของเจี่ยงเวินอี๋สั่นไหว ใบหน้าของเธอดูน่าเกลียดขึ้นมาทันที “แกเป็นประธานของบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ป แกต้องพิจารณาสถานการณ์โดยรวม! ผู้หญิงคนนั้นมันแย่มาก! เธอลักพาตัวฉ่ายหลิง อีกนิดเดียวฉ่ายหลิงก็จะตายแล้ว ผู้หญิงพรรค์นี้ แกยังมีแก่ใจ?”
“เธอทำหรือไม่ทำอะไร ก็ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด ทุกอย่างไม่มีใครรู้ ก่อนที่จะสืบเรื่องนี้ให้แน่ชัด ผมจะไม่ปักใจเชื่อข่าวลือใด” น้ำเสียงของลี่เฉินซีหนักแน่น ใบหน้าหล่อเหลายิ่งเผยความมั่นคงที่ไม่อาจบรรยายได้ ทำให้เจี่ยงเวินอี๋ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
ทันใดบรรยากาศยิ่งเคร่งเครียดยิ่งกว่าเดิม เจี่ยงเวินอี๋ถอนหายใจ เธอพูดอีกครั้ง “แม้แกจะไม่คิดถึงตระกูลลี่ แกก็ต้องคิดแทนฉ่ายหลิง! ครั้งนี้เธอถูกลักพาตัว โดนทำร้ายไม่น้อย เป็นทุกข์มากแค่ไหน ได้รับความตกใจมากแค่ไหน!”
พูดจบ ประตูห้องทำงานถูกเปิดออกมาจากด้านนอกเบาๆ ร่างสวยงามชดช้อยของหานฉ่านหลิงปรากฏอยู่ตรงหน้าประตู
เจี่ยงเวินอี๋ผงะไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบทักทายอย่างกระตือรือร้น “ฉ่ายหลิง หนูมาได้ยังไง? มานี่เร็ว!”
หานฉ่ายหลิงเดินเข้าไปในห้องทำงานเพียงไม่กี่ สายตามองไปที่แม่ลูกอย่างลังเล จากนั้นสายตาก็ตกลงไปที่เจี่ยงเวินอี๋ “คุณป้า ได้โปรดอย่าไปบังคับเฉินซีให้ทำเลยค่ะ ถ้าเขาไม่ต้องการ”
“แต่ป้าทำแบบนี้เพื่อหนูนะฉ่ายหลิง!”
เธอนั่งข้างเจี่ยงเวินอี๋อย่าน่ารัก เหมือนแมวน้อยที่เชื่อฟัง ดูท่าทางผอมกะหร่อง มีร่องรอยของความเจ็บป่วยบนใบหน้าที่ซีดเซียวเล็กน้อย ซึ่งยิ่งทำให้ผู้คนรู้สึกเป็นทุกข์มากขึ้นไปอีก
“หนูรู้ค่ะ ว่าคุณป้าทำเพื่อหนู แต่หนูรักเฉินซี ไม่อยากให้เขาเป็นทุกข์ใจ และไม่อยากเห็นเขาเป็นทุกข์”
หานฉ่ายหลิงมองไปทางเฉินซี ดวงตาแดงก่ำไปหมด “และที่บอกว่าซูย้าวเป็นคนหาคนมาลักพาตัวหนู หนูก็ไม่เชื่อ คุณป้า ให้เวลาเฉินซีสักหน่อยอีกครั้งเถอะค่ะ! ให้เขาคิดให้ดี โอเคไหมคะ?”
เจี่ยงเวินอี๋ถอนหายใจ “โธ่เด็กคนนี้! ช่างเข้าใจคนอะไรเช่นนี้ แต่เรื่องของวันนี้ ต้องทำให้จบ!”
มีการเปิดเผยข่าวจากภายนอก หากฝั่งนี้ยังไม่หย่า กลายเป็นตระกูลลี่แต่งเรื่องโกหก คงตกเป็นเรื่องตลกขบขันของผู้คน?
ชั้นล่างยังมีการแถลงข่าวซึ่งรออยู่นานแล้ว สำคัญคือข้อเท็จจริงของการหย่าร้าง เจี่ยงเวินอี๋จะไม่พลาดโอกาสนี้
เธอขอให้หวางอี้ช่วยพยุงหานฉ่ายหลิงออกไปพักผ่อนก่อน เมื่อเหลือแค่สองคนในห้องทำงานอีกครั้งท่าทีของเจี่ยงเวินอี๋ก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เธอก็มองไปที่ลูกชายของเธอด้วยสายตาอย่างดุร้าย “เฉินซี เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว การแต่งครั้งนี้ แกต้องตัดสินใจหย่า!”
“แม่… …”
ก่อนที่คำพูดของลี่เฉินซีจะออกมา ก็ถูกเจี่ยงเวินอี๋ยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้หยุด เพื่อให้ฟังเธอพูด “ซูย้าวมีส่วนเกี่ยวข้องในคดีนี้ ถูกตัดสินแล้วว่ามีความผิด ไม่ช้าก็เร็วจะต้องถูกตัดสินจำคุก เธอเพิ่งยี่สิบเก้าปี จะใช้ชีวิตที่เหลือในคุกหรือเปล่า? หรือไม่กี่ปีก็ออกจากคุก?”
ลี่เฉินซีทันใดราวกับหายใจไม่ออก
เห็นได้ชัดว่าเจี่ยงเวินอี๋กำลังขู่เข็ญ
ถ้าหากไม่ใช่ห้ามใจไม่ไหว เจี่ยงเวินอี๋ก็ไม่ยินยอมที่จะทำแผนการโง่เขลาเช่นนี้ เป็นแม่ คาดไม่ถึงว่าจะมาคุกคามเลือดเนื้อเชื้อไขตัวเอง พูดออกไปจะน่าขัน
แต่เพื่อที่จะเตะนางคนใบ้นั้นออกจากบ้านตระกูลลี่ เธอไม่สน!
“พลังของตระกูลลี่ใหญ่มาก แกในฐานะที่กุมบังเหียนของตระกูล แถมยังเป็นประธาน ความสามารถของแกไม่อาจว่าได้ แต่อย่าลืมว่าฉันเป็นแม่แก!”
เจี่ยงเวินอี๋มองไปยังเขา เห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างในคำพูด ทุกคำที่เปล่งออกมามีแต่คำคุกคามทิ่มแทง
ไม่ว่าเวลาใด ความสามารถของลี่เฉินซี่ยิ่งใหญ่อีกครั้ง เจี่ยงเวินอี๋ก็เป็นแม่จองเขา แค่เพียงคำเดียวของเธอ เรื่องเล็กแค่ไหน ไม่อาจผ่านเขาไปได้
“เซ็นชื่อเสีย! พรหมลิขิตของแกกับซูย้าวมันสิ้นสุดลงแล้ว ผู้หญิงคนนั้นโชคไม่ดี อยู่ข้างตัวแก ไม่ช้าก็เร็วก็เป็นหายนะ!” เจียงเวินอี๋ใส่ไฟอีกครั้ง
ลี่เฉินซีมองเอกสารบนโต๊ะ ก่อนหลับตาอย่างหมดหนทาง “แม่ ทำไมต้องบังคับผม?”
“ไม่ช้าก็เร็วแกก็ต้องทำ แกกับเธอไม่ได้อยู่ในโลกใบเดียวกัน ทำไมจะต้องบีบบังคับ? จบให้เร็วที่สุด ไม่ว่ากับเธอหรือแก มันดีทั้งนั้น”
ตราบใดที่เซ็นชื่อลงไป มันจะดีกับเธอ?
แล้วก็ อาจกล่าวได้ว่าพรหมลิขิตระหว่างพวกเขา มันสิ้นสุดลงแล้วจริงๆ…