เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 237
บทที่ 237 คุณเป็นนักโกหกตัวยง
แต็กแต็ก
นิ้วเรียวยาวดั่งแท่งหยกสัมผัสลงบนโต๊ะไม้สีมะฮอกกานี ส่งเสียงซึมเศร้าออกมาเล็กน้อย
เจียงเวินอี๋เงยหน้าขึ้นมองลูกชายของเธอที่อยู่ใกล้ๆ พร้อมกับข้อตกลงหย่าร้างที่อยู่ข้างมือเขา พลางรีบพูดให้ทำ “เซ็นชื่อสิ! เธอเป็นใบ้ ถึงแม้จะให้กำเนิดลูกตระกูลลี่ แต่พวกเราก็ไม่ได้ปฏิบัติกับเธออย่างไม่ยุติธรรม ผู้หญิงแบบนี้ ไม่ควรค่าแก่การคิดถึง!”
ลี่เฉินซีกลับหลีกเลี่ยงเสียงจู้จี้ และการผลักดันของแม่ตัวเอง เขาคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในที่สุดก็ลุกขึ้นไปหยิบข้อตกลงบนโต๊ะก่อนจะออกจากห้องทำงานไปทันที
“เฉินซี… …”
เจี่ยงเวินอี๋เรียกอย่างตื่นตัวจากทางด้านหลัง ทว่าชายหนุ่มกลับเดินออกไปข้างนอกโดยไม่หยุดฝีเท้า ราวกับไม่ได้ยินเสียงเรียก
ตึกอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งใจในเมือง ซูย้าวเพิ่งกล่อมลูกเข้านอน เพราะเธอไม่รู้ว่าตอนนี้เธอจะมีอิสระได้อีกนานแค่ไหน เมื่อเห็นลูกน้อยหลับสนิทบนเตียง หัวใจของเธอก็สั่นไหว น้ำตาคลอเต็มเบ้า เธออยากร้องไห้ออกมาให้เหมือนเขื่อนแตก ทว่ากลับพยายามฝืนมันเอาไว้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการฟ้องคดี บวกกับเนื้อหาที่รายงานในข่าวเมื่อเช้าแล้ว ดูเหมือนว่า เมื่อเธอหย่ากับลี่เฉินซี สิทธิ์การดูแลเด็ก จะมีปัญหาทะเลาะกันแน่นอน
ขณะที่เธอกำลังคิดอยู่ จู่ๆ กริ่งประตูก็ดังขึ้นที่ชั้นล่าง
ซูย้าวขมวดคิ้ว มองไปเห็นว่าเด็กน้อยยังคงหลับอยู่ เธอรีบเดินลงไปชั้นล่างเพื่อเปิดประตู ก่อนมองไปเห็นลี่เฉินซีที่ปรากฏตัวตรงประตูด้วยความประหลาดใจ
ร่างกายชายหนุ่มเต็มไปด้วยความน่าเกรงขาม ดวงตาที่เต็มไปด้วยความหมายมองมายังเธอ ต้นแขนยาวคว้าเข้าไปที่ท้ายทอยของซูย้าว ในขณะที่ร่างของคนสองคนหมุนเข้าไปประตูก็ปิดลง เธอถูกดันไปติดอยู่ตรงกำแพง
นิ้วเย็นๆ ลูบผ่านริมฝีปากของเธอ ปลายนิ้วเลื่อนผ่านบนแก้มของเธอทีละน้อย เขาปัดผมยาวของเธอก่อนรวบเอาไว้หลังหูมันเป็นการเคลื่อนไหวที่อ่อนโยน แต่เพราะดวงตาที่เย็นชาของเขา ทำให้กลับการกระทำทั้งหมดนั้นทั้งดูน่าหวาดกลัวและอึมครึม
แม้กระทั่งร่างกายของซูย้าวยังเกร็งอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา ไม่ขยับราวกับหุ่นเชิด กระทั่งสายตาก็เหมือนกับถูกแช่แข็งเอาไว้
ชายหนุ่มจ้องไปยังใบหน้าเล็กขนาดเท่าฝ่ามือของเธอ สายตาของเขากวาดไปทั่วดวงตาที่สวยงาม ใช้เวลานานพอสมควรกว่าที่ริมฝีปากบางซีดจะขยับช้าๆ พูดเป็นน้ำเสียงเย็นชา “ผมจะถามคุณสองข้อ ตอบผมตามความเป็นจริง”
ไม่ได้เจอกันมาหลายวัน เมื่อพบกันก็มีน้ำเสียงและคำถาม ซูย้าวอดกลั้นไว้ไม่ได้ มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นชา เผยรอยยิ้มที่เจ็บปวดออกมา
ลี่เฉินซีมองไปที่ดวงตา มองลึกลงไปนัยน์ตาอย่างลึกซึ้ง
เขามองลงไปด้านล่าง สันกรามที่แข็งแรงเวลานี้เหมือนกับของแหลมคมไม่มีผิด เขาเอียงศีรษะเล็กน้อยไปที่หูของเธอ ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “คดีลักพาตัว คุณเป็นคนทำหรือเปล่า?”
ลี่เฉินซีโน้มตัวเข้ามาใกล้มาก ลมหายใจอุ่นร้อนปะทะเข้ากับผิวหนังของเธอ คันๆเย็นๆ
ซูย้าวมองไปที่เขาอย่างเงียบๆ ไม่แสดงสีหน้าอะไรออกไป
เกี่ยวกับหัวข้อคดีลักพาตัว เธอเงียบแม้ในระหว่างการสอบสวนของตำรวจ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเมื่อลี่เฉินซีถาม
เธอพูดอะไรได้บ้าง?
แค่บอกว่าไม่ เขาจะเชื่อหรือไม่?
ถ้าเชื่อจริง จะไม่มาถามตอนนี้!
ไม่ว่าเธอจะอธิบายมากแค่ไหน ในสายตาของคนไม่ไว้ใจ ก็เหมือนเถียงข้างๆคูๆไร้ยางอาย
พูดมากไปก็ไร้ประโยชน์
ลี่เฉินซีจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเธอ เห็นแต่ความมืดทึบ เขายิ่งขมวดคิ้วมากกว่าเดิม คล้ายกับจะไม่ถามคำถามนี้อีก เขาเปลี่ยนไปเป็นหัวข้ออื่นโดยตรง
“คุณอยากจะหย่ากับผมจริงหรือ?”
เมื่อเขาพูดคำนี้ก็พลางยันตัวขึ้น ในขณะที่ปล่อยเธอ เขาก็หยิบข้อตกลงสัญญาหย่าร้างที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อสูทออกมาด้วย
เขาหันกาย เดินเข้าไปในห้อง ก่อนโยนข้อตกลงไว้บนโต๊ะกาแฟ
ซูย้าวมองไปที่กระดาษบางสองแผ่น หัวใจกลับหนักอึ้ง ขนตาที่สั่นไหวเผยให้เห็นสภาพจิตใจที่ร้อนรน เธอหลับตาลงโดยซ่อนความซับซ้อนทั้งหมดไว้ในนั้น
ลี่เฉินซียืนอยู่ไม่ไกล ใบหน้าหล่อเหลาเหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้ม แต่เธอแน่ใจ เวลานี้เขาคงโกรธแทบจะระเบิด แต่กำลังสะกดกลั้น เส้นเลือดบนแขนที่เห็นชัดมันบอกทุกอย่างนานแล้ว
“ผมจะถามเป็นครั้งสุดท้าย คุณอยากจะหย่ากับผมจริงๆหรือเปล่า?”
เขาเน้นทีละคำ น้ำเสียงเชือดเฉือน ชัดและทุ้มต่ำ
ถามซ้ำไปมา ไม่มีอะไรมากไปกว่ารอคำตอบว่าจะเป็นอย่างไร ในใจเขารู้ดีมาก
ซูย้าวเพียงมองไปทางเขา ไปทางที่ชายหนุ่มยืนอยู่ ระยะฝีเท้าไม่ได้ห่างมาก เกือบยี่สิบก้าว แต่อายุขัยยี่สิบเก้าปีของเธอราวกับเดินจบแล้ว
จากความสุขที่ได้เห็นในตอนแรก ความรักที่งมงายไปจนถึงความคิดที่ไม่อยากจะจากกัน
เหมือนเธอฝันครั้งใหญ่
สำหรับผู้ชายคนนี้ มีช่วงเวลาหนึ่งที่เธอยอมที่จะละทิ้งทุกอย่าง รวมไปถึงชีวิต แต่เมื่อมาคิดตอนนี้ ความคิดตอนแรก มันช่างน่าขันสิ้นดี
ซูย้าวเดินมาข้างหน้าเขา ลี่เฉินซีไม่รู้ว่าทำไมคิ้วของเขาถึงกระตุกเล็กน้อย เขามองไปยังใบหน้าที่สิ้นหวังของเธอ มันทำให้ใจของเขาหนักราวกับโดนหินกดทับไว้ ปวดหนึบไปหมด
“ลี่เฉินซี หย่าเถอะ!”
เธอยกมือขึ้นเพื่อแสดง ท่าทางของภาษามือง่ายๆทำให้ดวงตาของลี่เฉินซีแข็งค้างไปชั่วขณะ
ซูย้าวไม่สามารถลืม ท่าทางของเขาตอนอยู่กับหานฉ่ายหลิง นั้นคือความรักความดีใจที่มาจากใจจริง
หลายคนทำงานเก็บเงินด้วยชีวิต พยายามอย่างหนัก เพียงเพื่อแลกกับ ‘ความสุข’
แต่ความสุขคืออะไร?
ความสุขคือการได้มีรอยยิ้มทุกวัน
ในเมื่อเธอไม่สามารถทำให้ใบหน้าเขาเบ่งบานไปด้วยรอยยิ้มได้ จะเอาอำนาจไหน มาผูกมัดความใฝ่ฝันที่จะมีความสุขเขา
ลี่เฉินซีจ้องมองเธออย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “หลังจากที่คุณตัดสินใจหย่ากับผม จะไม่เสียใจทีหลัง?”
ซูย้าวลดสายตาลง รอยยิ้มยิ่งเย็นชา ก่อนจะแสดงภาษามือตอบอย่างเร็ว “ฉันลืมนานแล้วว่าเสียใจในภายหลังคืออะไร”
“ดี! ดีมาก!”
ลี่เฉินซีกัดฟันและพูดด้วยความ โกรธ ดวงตาที่จ้องมองเธอลึกล้ำยิ่งขึ้น
ทันใดนั้นเขาก็หยิบปากกาออกมา ก่อนก้มลงไปหยิบเอกสารบนโต๊ะกาแฟแล้วเซ็นชื่อลงไป
จากนั้นเขาก็ลุกขึ้น และมองไปที่ซูย้าว “หย่าได้ บ้านรถ แล้วก็เงินตอบแทนจำนวนหนึ่งที่ไม่น้อยเลยสำหรับคุณ แต่เงื่อนไขคือ ลี่เจิ้งต้องเป็นของผม!”
ซูย้าวตะลึงทันที! ข้อตกลงการหย่าร้างที่เธอได้เซ็นชื่อไปก่อนหน้านี้มีการระบุไว้อย่างชัดเจนว่าสิทธิ์ในการดูแลเจิ้งเอ๋อเป็นของเธอทั้งหมด
แม้ว่าเธอกำลังเผชิญหน้าอยู่กับข้อพิพาทคดีลักพาตัว แต่ก็พยายามแก้ไขมัน ทำไมมันถึง… …
เธอก้าวไปข้างหน้า ก่อนคว้าข้อตกลงการหย่าร้างจากเขาโดยตรง เมื่อตรวจสอบเงื่อนไขอย่าละเอียด ในข้อตกลงมีการเปลี่ยนแปลง แต่ลายเซ็นด้านล่างยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เห็นได้ว่ามีคนทำอุบาย
“ลี่เฉินซี! คุณเล่นเกมคำกับฉัน! เจิ้งเอ๋อเป็นของฉัน ลูกต้องอยู่กับฉัน!” ซูย้าวโยนข้อตกลงอย่างโกรธเกรี้ยว ก่อนทำภาษามือด้วยความโมโหไปทางเขา
เขากลับมองเธอด้วยสายตาที่ซับซ้อน “ผมพูดไปแล้ว หย่าได้ แต่ลูกต้องเป็นของผม!”
หลังจากพูดจบสิ่งที่เธอเหลือก็คือแผ่นหลังเย็นชาของชายที่เดินออกไปข้างนอก
ท่าทางของซูย้าวจกใจเล็กน้อย พูดจบเขาก็กระโจนออกไปอย่างหุนหันพลันแล่น แต่กลับไม่ทัน ได้เพียงแต่มองรถของเขาที่ขับห่างออกไป
จ้องมองเงารถของเขาที่ขับไกลออกไป ซูย้าวกำมือด้วยความโกรธ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดท้องจนทนไม่ไหว ต้องจับที่รั้วข้างๆ เพื่อสูดหายใจทางปาก
ลี่เฉินซีที่น่าเกลียดชัง คิดไม่ถึงเลยว่าเขาท้ายที่สุดต้องการที่จะแข่งขันกับเธอเพื่อแย่งชิงลูก …
ไหนเลยจะรู้ รถโรลส์ – รอยซ์เลี้ยวกลับที่ถนน ขับวนมาจากอีกทางหนึ่ง ก่อนจะหยุดรถที่ข้างทาง เพื่อมองหญิงสาวที่เกาะรั้วมาจากที่ไกลๆด้วยสายตาหนักแน่น
มือที่จับพวงมาลัยกำแน่น จนเห็นเส้นเลือดที่ปูดโปน ดวงตาสีแดงสดหลุบต่ำมีร่องรอยของความสับสนวุ่นวายสว่างวาบขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนจะหายไป