เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 239
“คุณ คุณเป็นอะไรไป ? ทำไมจู่ๆถึงมาพูดเรื่องพวกนี้……”
ซูย้าวมองดูเขา ดวงตาคู่สวยสั่นระริก สับสนจนเสียงที่เปล่งออกมาเอง ก็เริ่มติดขัดเล็กน้อย
“ไม่มีอะไร” ลี่เฉินซีจ้องมองใบหน้าของหญิงสาว แล้วรู้สึกโล่งอกขึ้นมาเล็กน้อย “เพียงแต่พอเห็นเธอ พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา จู่ๆก็อยากพูดขึ้นมาก็แค่นั้น”
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็พูดอีกว่า “ที่จริง คำพูดพวกนี้ ฉันควรจะพูดกับเธอตั้งนานแล้ว……”
เพียงแต่ตอนนั้นเขา อีโก้สูงเกินไป และไม่พอใจที่เธอเอาแต่พูดถึงเรื่องหย่าครั้งแล้วครั้งเล่า แถมยังย้ายออกจากตระกูลลี่ ในใจรู้สึกโมโห ถึงได้เซ็นสัญญาหย่าไปเพราะความโกรธ ถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาล เพราะปัญหาเรื่องสิทธิ์การเลี้ยงดูบุตร
“ตอนนั้นที่หย่ากัน ฉันในฐานะผู้ชาย ควรจะยื้อเอาไว้ แต่ว่าฉันไม่ได้ทำแบบนั้น ฉันขอโทษ”
“ตอนนั้นตอนที่เธอถูกกล่าวหาว่าเป็นคนร้ายลักพาตัว ฉันควรจะตั้งข้อสงสัย แล้วออกตัวแทนเธอ แต่ฉันก็ไม่ได้ทำแบบนั้น ขอโทษ”
“แล้วก็ ตอนนั้นที่แม่ของเธอเสียไป ไม่ว่าจะในฐานะคนที่เคยเป็นสามี หรือจากนั้นที่เป็นอดีตสามีแล้ว ฉันก็ควรไปอยู่เคียงข้างเธอตั้งแต่แรก แต่ฉันก็ไม่ได้ทำ ดังนั้นยิ่งต้องขอโทษ”
ลี่เฉินซีไม่ใช่คนที่ชอบพูดอะไรเรื่อยเปื่อย ดังนั้นในสถานการณ์ส่วนใหญ่เขาจึงมักอยู่เงียบๆ นอกจากจะเป็นสิ่งที่เกิดจากการถูกเลี้ยงดูตั้งแต่เด็กหรือนิสัยส่วนตัวของเขาแล้ว ที่มากกว่านั้น ก็คือเพราะเขาคิดว่าพูดมากไปจะทำเสียเรื่อง
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน หรือเรื่องความรู้สึก ท่าทีของเขาก็มักจะชัดเจนตลอด ชอบใช้การกระทำพิสูจน์ทุกอย่าง
แต่วิธีการแบบนั้น ใช้กับเรื่องงานได้ แต่เรื่องความรู้สึก กลับเป็นคนละเรื่องกันเลย
ซูย้าวเองก็คิดไม่ถึง ว่าจู่ๆเขาจะพูดมากขนาดนี้ คำพูด”ขอโทษ”มากมายขนาดนี้ ในเสี้ยววินาทีหนึ่ง เกือบทำกำแพงในใจที่เธอเฝ้ารักษามันมานานหลายปีนั้น พังทลายลงในชั่วพริบตา
สีหน้าเขาซับซ้อน สายตาที่มองเธอยิ่งลึกซึ้งกว่าเดิม “ก่อนหน้านี้ฉันยังสงสัยว่าเธอเป็นคนทำร้ายเจิ้งเอ๋ออีก ตอนนี้พอมาคิดดูแล้ว ดูเหมือนจะเลวทรามเกินไปแล้ว !”
พอพูดแบบนี้แล้ว ซูย้าวก็ไม่รู้ว่าควรจะใช้ปฏิกิริยาแบบไหนไปเผชิญหน้ากับเขาดี
เธอทำได้แค่อดกลั้นความปั่นป่วนที่อยู่ภายในใจ มองดูเขาแล้วถามว่า “งั้นตอนนี้ฉันจะเข้าใจได้ว่า คุณไม่ได้สงสัยฉันแล้วได้ไหม ?”
“เปล่าหรอก ไม่ใช่แบบนั้น” เขาส่ายหน้า แล้วถอนตัวออกจากอารมณ์ลุ่มหลง บนใบหน้าเย็นชาเผยความหยิ่งผยอง “ไม่ใช่ไม่สงสัย แต่ขอยืนยันคำนั้น รอผลจากการตรวจสอบแล้วกัน !”
“……”
แต่หัวใจของซูย้าวกลับเย็นยะเยือกลงทันที
จู่ๆเขาก็พูดพร่ำขอโทษมากมาย ทำเอาเธอเกือบจะรู้สึกตื้นตันแล้ว แต่ในช่วงเวลาสำคัญ กลับพบว่า ที่แท้เขาก็ยังสงสัยตัวเองอยู่ คิดว่าเธอจะทำร้ายเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง
นี่มันช่างไร้เหตุผลทั้งเพ
“งั้นก็เชิญประธานลี่ค่อยๆตรวจสอบไปเถอะค่ะ ! นี่ก็ดึกมากแล้ว ฉันต้องพักผ่อนแล้ว เชิญคุณกลับไปเถอะค่ะ !” ซูย้าวทำสีหน้าไม่แยแส แล้วรีบเอ่ยปากไล่แขกทันที
มองดูท่าทางแบบนี้ของเธอแล้ว เขาก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ แล้วพูดอีกว่า “การสงสัยก็เป็นหนึ่งในกระบวนตรวจสอบอันยุติธรรม ถ้าเธอบริสุทธิ์ ก็ต้องไม่กลัวการตรวจสอบอยู่แล้ว ไม่ใช่เหรอ ?”
พูดถึงขนาดนั้นแล้ว ซูย้าวยังจะพูดอะไรได้อีก ?
เธอทำได้แค่พยักหน้า “ใช่ คุณพูดถูกมาก ตรวจสอบก็ดี สงสัยก็ถูกแล้ว แต่ว่าตอนนี้ฉันต้องพักผ่อนแล้วจริงๆ ประธานลี่ เชิญกลับไปเถอะค่ะ !”
“เธอโกรธเหรอ ?” เขาถาม
เธอเดินไปทางประตู พร้อมกับโบกมือให้เขา “ประธานลี่ เดินทางปลอดภัยฉันคงไม่ส่งแล้วนะคะ !”
ลี่เฉินซียังไม่ยอมขยับ ยืนอยู่หน้าประตู แขนยาวค้ำประตูห้องรับแขกของโรงแรม “โกรธจริงเหรอ ?”
“เปล่า !”
“งั้นพรุ่งนี้ฉันเลี้ยงข้าวเธอสักมื้อ ได้ไหม ?”
ซูย้าวขมวดคิ้ว แล้วมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ จู่ๆก็มาพูดอะไรมากมายก่ายกอง จากนั้นก็มาพูดจาทำร้ายกันอีก สุดท้ายก็มาชวนเดท นี่มันแผนการอะไรกัน ?
“มีเวลาไหม ?” เขาถามอีกครั้ง
เธอสูดหายใจเข้าลึก “ขอดูกำหนดการของพรุ่งนี้ก่อน ! ถ้ามีเวลา ฉันจะบอกคุณล่วงหน้าเอง”
“ก็ได้ !”
พอไล่ลี่เฉินซีไปได้แล้ว ซูย้าวก็ยืนพิงประตู สีหน้าอิดโรย เขาคงจะไม่รู้ ว่าคำพูดทั้งหลายเมื่อครู่นี้ หากยังพูดต่ออีกสักหน่อย ไม่แน่กำแพงในใจของเธอ ก็อาจจะถูกเขาทำลายลงจริงๆก็ได้……
เตียวเตียวออกมาจากห้องนอน พอซูย้าวหันหลังกลับไป ก็เจอเขาทันที
เธอมองดูเวลา มันยังเร็วไปที่จะเข้านอน เลยพูดว่า “ไปเรียกซีซีมาเร็ว การ์ตูนเมื่อกี้ยังดูกันไม่จบไม่ใช่เหรอ ? มาดูต่อเถอะ !”
แต่เตียวเตียวกลับยืนอยู่ตรงนั้น รู้สึกดื้อดึงเล็กน้อย
“คือว่า คุณป้าครับ ดูเหมือนว่าซีซีจะไม่อยากออกมาครับ”
เธอชะงักไปทันที “หืม ?”
เตียวเตียวชี้เข้าไปในห้อง แล้วพูดเสียงเบาว่า “ซีซีดูไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ครับ !”
ซูย้าวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เด็กคนนี้งอนอะไรของเขาอีกนะ ? เธอปลอบเตียวเตียวให้ไปนั่งดูการ์ตูนก่อน จากนั้นตัวเองก็เข้าไปในห้อง
พอผลักประตูออก ก็เห็นซีซีนั่งพิงเก้าอี้อยู่ ในมือกอดตุ๊กตาหมีเท็ดดี้ พอเห็นเธอเข้ามา ก็หันหลังให้ทันที ท่าทางดูเหมือนจะไม่ค่อยพอใจจริงๆด้วย
แต่ซูย้าวกลับมึนงงไปหมด เธอเดินเข้าไปหา แล้วพูดเสียงอ่อนโยนว่า “ลูกรักของแม่ เป็นอะไรไปคะ ?”
เธอนั่งลงข้างๆลูกสาว “ไม่พอใจอะไรคะ ? หืม ?”
ถึงแม้ซีซีจะไม่ยอมพูด แต่ยังไงก็เป็นลูกสาวที่เธอเลี้ยงมากับมือ แค่ดูแววตาก็ทำให้ซูย้าวเดาความหมายได้แล้ว
ซีซีในตอนนี้ กำลังจ้องเธอด้วยสายตาไม่พอใจ อารมณ์ฉุนเฉียว ท่าทางดูเหมือนจะไม่พอใจเป็นอย่างมาก
ซูย้าวมองดูเธอ แล้วอุ้มลูกสาวเข้ามาในอ้อมอก “ลูกรักของแม่ เป็นเพราะคุณลุงที่เพิ่งมาเมื่อกี้หรือเปล่าคะ?”
ซีซีพยักหน้า
ทันใดนั้น เด็กน้อยก็ชูหมีเท็ดดี้ที่อยู่ในมือขึ้นมา ทำเหมือนหมีเท็ดดี้เป็นลี่เฉินซีที่เพิ่งมาเมื่อกี้ จากนั้นก็ทุบต่อยหมีอย่างรุนแรง แล้วก็โยนทิ้งไปทางถังขยะ
มองดูปฏิกิริยาตอบสนองอันรุนแรงของลูกสาวแล้ว ซูย้าวก็ถอนหายใจอย่างหน่ายใจ ทำได้แค่อธิบายว่า “ที่จริงคุณลุงคนนั้นเป็นคนดีมากนะ อ่อนโยน มีน้ำใจและเข้ากับคนง่าย แถมเขายังชอบซีซีมากด้วยนะ !”
เด็กน้อยมุ่ยปากแล้วส่ายหน้าไม่หยุด ดูท่าทางคงไม่ค่อยชอบลี่เฉินซีจริงๆ
“คุณแม่จะไม่ฝืนบังคับให้ลูกยอมรับคุณลุงคนนั้นหรอกนะ แต่ว่าซีซี ลูกค่อยๆโตขึ้นแล้ว จะไม่ได้เป็นเด็กอีกต่อไปแล้ว จะเอาแต่ใจแบบนี้ไปตลอดไม่ได้นะ ต่อไปถ้าคุณลุงมาอีก ลูกก็ต้องใช้เวลากับเขาให้มากขึ้น โอเคไหมคะ ?”
ยังไงก็เป็นพ่อลูกกัน ถึงจะแยกจากกันห้าปี แต่สายเลือดก็ไม่มีวันตัดกันขาด เธอยังคงหวังว่าเด็กจะสามารถยอมรับพ่ออย่างลี่เฉินซีได้
ซีซีก้มหน้าลง ดูเหมือนจะไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่นัก
“ลูกเป็นลูกรักของแม่ ซีซีรู้ความเป็นที่สุด คุณลุงคนนั้นเป็นคนดีมากจริงๆนะ ลูกต้องลองใช้เวลากับเขาให้มากขึ้น ถึงจะสามารถจำแนกได้ว่าคนคนหนึ่งดีหรือไม่ดี คุณลุงไม่ได้รังแกลูกสักหน่อย ทำไมลูกถึงไม่ชอบเขาล่ะ ?”
ซีซีเงยหน้าขึ้นมองเธอ ท่าทางเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ซูย้าวรออยู่นาน ลูกสาวก็ยังไม่ยอมเปิดปาก
เด็กคนนี้ เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว
ไม่ยอมพูดอะไรเลยสักคำ
ไม่ว่าเธอจะถามอะไร นอกจากจะใช้แววตาในการตอบแล้ว อย่างอื่น ก็แทบไม่ต้องคิดเลย
หรือสิ่งที่ลี่เฉินซีพูดอาจจะถูกต้องก็ได้ เด็กคนนี้มีปัญหาภายในจิตใจ ควรไปหาจิตแพทย์ให้ช่วยชี้แนะแนวทางดูบ้าง
แต่ว่า ถ้าเป็นจิตแพทย์……
เธอเริ่มกังวลขึ้นมาเล็กน้อย กล่อมลูกสาวอยู่นาน จนอารมณ์ของซีซีดีขึ้นมาบ้างแล้ว เลยพาเธอออกไปดูการ์ตูน
……
ทางฝั่งโรงพยาบาลเซ็นเดอร์
พ่อหานใช้ให้แม่บ้านพาชาร์ลีกลับไปที่บ้าน แล้วตัวเองก็อยู่ดูแลลูกสาวต่อ
หานฉ่ายหลิงนั่งพิงอยู่บนเตียง ในมือถือแท็บเล็ต แล้วก็ดูอะไรบางอย่างไม่หยุด สีหน้าจดจ่อ ขนาดพ่อหานอยู่ข้างๆ พูดอะไรไปแล้วหลายอย่าง แต่เธอก็ยังไม่รู้ตัว
“นี่ฉ่ายหลิง !”
พ่อหานเองก็รออยู่นานแล้ว เลยต้องเอ่ยปากอย่างช่วยไม่ได้
“พ่อ มีเรื่องอะไรคะ ?” เธอไม่ได้เงยหน้าขึ้น เพียงแค่เอ่ยถามออกมาเท่านั้น
พ่อหานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพูดว่า “ถ้าหากเป็นไปได้ล่ะก็ ลูกทำดีกับเด็กคนนั้นหน่อยไม่ได้เหรอ ? ยังไงเขาก็……”
ยังไม่ทันที่พ่อหานจะพูดต่อ ก็ถูกขัดจังหวะเสียก่อน
“ทำไมต้องพูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีกแล้ว ? หนูยังดีกับเขาไม่พออีกเหรอ ? พ่อดูที่เด็กคนนั้นใช้กินใช้สวมใส่สิ อันไหนที่ไม่ใช่ของที่ดีที่สุด ? แค่นี้ก็พอแล้ว ไม่อย่างนั้นจะให้หนูทำยังไงอีก ?”
หานฉ่ายหลิงเผยสีหน้ารำคาญใจออกมา แล้วพูดเสริมอีกคำหนึ่งว่า “หนูทำขนาดนี้ก็เพียงพอแล้วไม่ใช่เหรอ ถ้าจะขออย่างอื่นอีก หนูทำไม่ได้ ! แล้วคุณพ่อก็ไม่ต้องพูดอีกแล้วด้วย !”
“……”
มองดูท่าทางของลูกสาว พ่อหานก็ถอนหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย เพียงแต่สงสารเด็กอย่างชาร์ลี เดิมทีแล้วมันไม่ควรเป็นแบบนี้เลย