เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 24
บทที่24 ไม่ใช่มีฉันอยู่เหรอ
ฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาลเสร็จ ซูย้าวเข็นเจิ้งเอ๋อเตรียมจะกลับบ้าน อากาศดีปลอดโปร่ง นกพิราบบินเต้นรำเต็มศูนย์การค้า ผู้คนไม่น้อยมาพักผ่อนหย่อนใจ
น้ำพุดนตรีพ่นน้ำออกมาสวยงาม ตามเสียงดนตรี คลื่นน้ำเปลี่ยนแปลงตลอด การเต้นระบำของน้ำที่ยอดเยี่ยม หลงระเริงสวยงาม
ซูย้าวเข็นลูกมายืนอยู่บริเวณใกล้ๆ กำลังมองดูฉากนี้ เจิ้งเอ๋อก็ตื่นขึ้นมาพอดี ก็เลยอุ้มเขาขึ้นมา สัมผัสกับบรรยากาศที่คึกคักและมีชีวิตชีวารอบตัว
แต่ว่าความสุขแบบนี้ยังไม่ทันได้ถึงหนึ่งนาที ก็มีเสียงดังขึ้นมาข้างหู——
“คุณหนูรอง ”
ซูย้าวตกตะลึง มองไปตามเสียงอย่างประหลาดใจ
ก็เห็นเพียงแค่ชายร่างสูงสวมใส่ชุดสูทและรองเท้าหนัง มองดูแล้วน่าจะเป็นคนของบริษัทซูซื่อ
อีกอย่างสามารถเรียก ‘คุณหนูรอง’ ก็มีแต่คนของตระกูลซูแน่นอน
ชายวัยรุ่นพยักหน้า และพูดด้วยความเคารพว่า “ประธานเซียวของพวกเราเรียนเชิญท่าน! ”
ประธานเซียว ก็คือ เซียวควน
ชายคนนี้ภายหลังได้แต่งงานใหม่กับ ซัวฉ่ายลี่ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหารของ บริษัทซูซื่อ
ตามในนามแล้ว ก็นับว่าเป็นพ่อเลี้ยงของซูหยวน
บริษัทซูซื่อห่างจากที่นี่ไม่ไกลมากหนัก ใช้เวลาขับรถเพียงไม่กี่สิบนาทีเท่านั้น ซูย้าว อุ้มลูกอยู่ มีชายวัยรุ่นนำทาง เดินไปถึงหน้าประตูห้องทำงานของประธาน ชายผู้นั้นผายมือแสดงท่าทาง‘เชิญ’ อย่างมีมารยาทและก้าวถอยหลังด้วยความเคารพ
ซูย้าวผลักประตูเข้าไป ห้องสำนักงานที่ใหญ่โต เซียวควนนั่งสูบบุหรี่บนโซฟา เหมือนกับว่าเฝ้ารอด้วยความเคารพมานานแล้ว
มองเห็นเธอเดินเข้ามา รีบลุกขึ้นยืน และมุ่งมาหาลูกที่อยู่ในอ้อมกอดของซูย้าวแล้วพูดว่า “รีบมาให้คุณปู่ดูหน่อยซิ! ”
เจิ้งเอ๋อ ยังเล็กอยู่ ตาโตๆทำได้แค่เพียงกะพริบมองไปที่เขา อย่างไม่ขยับไปไหน
แม้แต่ยิ้มก็ไม่มีแม้แต่น้อย
ซูย้าวเลื่อนสายตาไปดูเล็กน้อย ดูเหมือนว่าใจของแม่และลูกจะเชื่อมต่อกัน ลูกตัวเล็กขนาดนี้ยังรู้เลยว่าเธอและเซียวควนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีต่อกัน
ถึงจะพูดว่าเป็นพ่อเลี้ยง แต่ไม่กี่ปีมานี้ น้อยมากที่จะมาติดต่อคลุกคลีกับซูย้าว ถ้าเป็นพ่อแบบนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับคนแปลกหน้าเลย
และอีกอย่าง ซูย้าวก็ยังไม่ลืม ว่าตอนแรกหลังจากที่แม่สติแตกนั้น เซียวควนเป็นคนแรกที่เสนอให้ส่งแม่เธอไปที่ ‘สถานพยาบาล’
สรุปคนคนนี้เป็นคนดีหรือคนไม่ดีกันแน่ ซูย้าวก็เริ่มไม่แน่ใจ
เดิมที เซียวควนอยากจะอุ้มเด็กนิดหนึ่ง แต่เจิ้งเอ๋อกลับไม่สนใจเขาเลย ซูย้าวก็ไม่ให้ แขนของเขาที่ยื่นออกไปนั้น ก็หยุดอยู่อย่างนั้นและรู้สึกอึดอัดขึ้นมา
หลังจากที่นั่งลง เซียวควนก็เริ่มพูดเกี่ยวกับเรื่องราวเล็กๆในชีวิตประจำวันในบ้าน และล้วนพูดว่าซัวฉ่ายลี่นึกถึงและเป็นห่วงเธอแค่ไหน หวังว่าเธอจะหาเวลาพาลูกกลับไปที่บ้านได้บ่อยๆ
แต่ว่า ซูย้าว ก็ใช้โอกาสนี้ยื่นข้อเรียกร้อง รีบใช้โทรศัพท์พิมพ์ขึ้นมาหนึ่งประโยค “ฉันขอเจอแม่ฉันหน่อยได้ไหม? ”
แม่ถูกส่งไปสถานพยาบาลหลายปี ในระยะเวลานั้น ซูย้าวได้พบหน้านั้นไม่ถึงสิบครั้ง บอกว่าส่งไปที่สถานพยาบาล แต่ก็ไม่ต่างอะไรกับคุกชัดๆ
เซียวควนรู้สึกตกใจนิดหน่อย และพูดขึ้นมาว่า “ย้าวย้าว คุณดูซิ ตอนนี้คุณก็มีทายาทตัวน้อยให้ตระกูลลี่แล้ว ตำแหน่งนี้ก็ไม่สามารถมีใครแย่งไปได้ พ่อขออะไรคุณสักอย่าง ได้ไหม? ”
เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ!
ไร้เรื่องร้อนใจไม่ถ่อไปวัด(เป็นสำนวน หมายถึงหากไม่ต้องการบางสิ่งก็คงไม่เดินทางมาหา)
ดวงตาของ ซูย้าวเย็นชา ใช้สายตาเรียบง่ายมองไปที่เขา
“ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร ง่ายมากๆ จะพูดยังไงดีนะ? ก็คือเรื่องโครงการของCCM ให้ บริษัทลี่ซื่อ ยอมให้บริษัทของพวกเราได้ไหม? ”เซียวควนพูดเงื่อนไขนี้ออกมา
ซูย้าว ขมวดคิ้ว โครงการCCM น่าจะเป็น commission of counter make chemical เป็นโครงการที่พัฒนาร่วมกับบริษัทสัญชาติเยอรมัน เป็นอุตสาหกรรมการค้าสารเคมีที่ใช้ในชีวิตประจำวันชั้นนำ เป็นสายงานที่ตรงกับตระกูลซูและตระกูลลี่พอดี
ยิ่งไปกว่านั้น กำไรของโครงการนี้พอตัวทีเดียว มิน่าล่ะคนที่ทางตันอย่างเซียวควน จะเลื่อนสายตามาจ้องที่เนื้อก้อนใหญ่ก้อนนี้
“มีแค่บริษัทซูซื่อ ยิ่งใหญ่เท่านั้น หลังจากนี้คุณกับหยวนหยวนถึงจะมีชีวิตที่ดีขึ้นมากกว่านี้ ไม่ใช่เหรอ? ”เซียวควนเริ่มหาเรื่องพูดสนับสนุนความคิดของตัวเอง
สายตาของซูย้าวยังคงนิ่ง เธอยังคงจ้องมองเซียวควน ด้วยสายตาที่ไม่เปลี่ยนแปลง
สายตาแบบนี้ มองเขาทำให้เขารู้สึกลุกลี้ลุกลนจิตใจไม่สงบเล็กน้อย
บริษัทซูซื่อเป็นอุตสาหกรรมกลุ่มที่พ่อของซูย้าวได้ทิ้งไว้ให้ในปีนั้น ทายาทที่แท้จริงมีเพียงคนเดียว นั้นก็คือซูย้าวที่เป็นลูกสาว
เป็น ซัวฉ่ายลี่และเซียวควนที่สมคบร่วมคิดกัน วางแผนลอบฆ่าพ่อของเธอ บิดเบือนข้อเท็จจริงของพินัยกรรม และยังทำให้เธอเป็นใบ้ พยายามแสวงหาทุกวิถีทางเพื่อร่ำรวยมาจนถึงปัจจุบัน
เซียวควนไม่ชำนาญในด้านการค้า สุดท้ายบริษัทก็ตกอยู่ในขั้นวิกฤติ ก็เลยเพิ่งนึกถึงเธอ ใช่ไหม?
“ย้าวย้าว คุณก็เป็นคนของตระกูลซู อย่างน้อยต้องช่วยเพื่อตระกูลด้วยนะ! ”เซียวควนพูดมาเป็นเวลานาน สุดท้ายสายตาก็มองไปที่โทรศัพท์ของเธอ แล้วรีบพูดว่า “คุณอยากเจอแม่ไม่ใช่เหรอ? ได้ซิ ขอแค่ บริษัทลี่ซื่อยอมให้โครงการนี้กับบริษัทซูซื่อของพวกเรา พ่อก็จะพาคุณไปที่สถานพยาบาลทันที! ”
คำพูดยังคงก้องอยู่ในหู ซูย้าวเจ็บปวดใจขึ้นมา!
แม่ นานมากๆๆแล้วที่เธอไม่ได้เจอแม่แล้ว
ครั้งล่าสุดที่ได้เจอ ก็ตอนก่อนที่เธอจะแต่งงานเข้าตระกูลลี่ แต่ว่าให้ บริษัทลี่ซื่อยอมยกโครงการCCMให้ จะเป็นไปได้เหรอ?
สุดท้ายของสุดท้าย ซูย้าวก็อุ้มลูกออกจากห้องทำงาน ก่อนจะไป ก็พิมพ์ไปในโทรศัพท์หนึ่งประโยค “ให้ฉันคิดดูก่อน ”
เซียวควนจ้องมองตามด้านหลังของเธอ และกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ ถ้าไม่ใช่เพราะบริษัทซูซื่อมาถึงทางตัน เขาก็ไม่ยอมมาขอร้องคนใบ้อย่างเธอหลอก!
ไอ้เวร รู้อย่างนี้ตอนนั้นไม่ควรจะปล่อยมันเอาไว้เลย!
เมื่อลงมาจากตึก ก็พบกับซูหยวน
ซูย้าวก็ได้ยินเสียงของเธอมาแต่ไกล กำลังอวดกระเป๋าที่ซื้อมาใหม่และลิปสติกกับพนักงานสองสามคนที่แผนกต้อนรับ น้ำเสียงหวาน นิ่มนวล
เดิมที ซูย้าว อยากจะไม่สนใจเธอ แล้วรีบเดินจากไปอย่างรวดเร็ว แต่ซูหยวนกลับหมุนตัวกลับมา ก็มองเห็นเธอพอดี ——
“โอ้โอ้ นี้ไม่ใช่น้องของฉันหลอกเหรอ? ”
เสียงแหลมสูง ทำให้คนรอบตัวค่อยๆหันมามองสองพี่น้อง
ซูหยวนที่ใส่รองเท้าส้นสูง ก้าวเดินอย่างสง่างามมาด้านหน้า สายตาเย็นชาจ้องมองไปที่ซูย้าวและเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมกอดของเธอ พูดอย่างเย็นชาว่า “นี้ก็เป็นหลานชายของฉันล่ะซิ? ให้ฉันอุ้มหน่อยซิ! ”
พูดจบ ไม่รอให้ ซูย้าวตอบสนอง ก็ยื่นมือไปแย่งเด็กที่อยู่ในอ้อมกอดของเธอมา
อาจจะเป็นเพราะแรงเยอะ และอุ้มเด็กไม่เป็น เจิ้งเอ๋อก็ร้องออกมาทันที
ซูย้าวเจ็บปวดใจเป็นอย่างมาก อยากจะเอาลูกกลับคืนมา แต่ว่า ซูหยวนไม่สนใจเสียงเด็กร้อง มีแต่จ้องหน้าเธอด้วยความเยือกเย็น “แกก็พูดไม่ได้ พี่ เฉินซี ยังให้แกดูแลเด็กแค่คนเดียวอีกเหรอ? ”
ลูกร้องไห้หนักขึ้นไปอีก เจ็บปวดจนแทบจะขาดใจ
เสียงร้องไห้ที่ดังขึ้นมา เหมือนกับมีดเหล็ก ที่ปักเข้ามาที่ใจของซูย้าวอย่างโหดเหี้ยม
“แกที่เป็นแบบนี้ดูแลลูก ดูซิทำให้ลูกร้อง จนเป็นแบบนี้ไปแล้วเนี่ย! ” ซูหยวนแสร้งทำ น้ำเสียงโกรธ ทำเหมือนว่าเป็นเหยื่อ ของคนที่ทำความผิด
ความโกรธพุ่งขึ้นในใจของซูย้าว เธอไม่ได้แม้แต่จะคิด เธอแย่งเด็กกลับมาด้วยพละกำลังทั้งหมดที่เธอมี
โอ๋โอ๋ไปแป๊บหนึ่ง พูดมาก็แปลก เมื่อเจิ้งเอ๋อกลับมาอยู่ในอ้อมอกของซูย้าว เพียงแป๊บเดียวเท่านั้น ก็ไม่ร้องไห้แล้ว
ซูหยวนมองเธอ สีหน้าเปลี่ยนไป สายตาแห่งความเคียดแค้นจ้องมองไปที่เด็กทารก โกรธกัดฟันกรอด “อย่าให้เด็กติดเชื้อแกไปด้วย ถ้าพูดไม่ได้เหมือนกันจะทำยังไง? ”
“ทำไมถึงพูดไม่ได้? ”
น้ำเสียงที่นุ่มนวลดังมาแต่ไกล ทุกคนมองไปตามเสียงที่ดังมา ก็มองเห็นหานฉ่ายหลิงที่เดินเข้ามาแต่ไกลพอดี
เค้าลางและรอยยิ้มที่สวยงามของเธอ ราวกับสายลมยามฤดูใบไม้ผลิ ดวงตาสีแอปปริคอทของเธอมองไปที่พวกเธอทั้งสอง และสุดท้ายก็กวาดมองไปที่เด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมกอดของซูย้าว
“เมื่อฉันไม่มีธุระอะไร เฉินซีก็ให้ฉันอยู่เป็นเพื่อนคุณซูและเด็กน้อย มีฉันอยู่ แล้วทำไม เจิ้งเอ๋อถึงจะพูดไม่ได้ล่ะ?