เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 251
บทที่ 251 เอาหม่าม้าคืนมา
ซูย้าวหายใจเร็วช้าสลับกัน คล้ายกับเสี้ยววินาทีนั้นในปากมีรสชาติขม
เห็นเธอท่าทางตกตะลึง ริมฝีปากหานฉ่ายหลิงเผยอ ยิ้มร้ายชัดเจนขึ้น “ไม่เข้าใจหรือไง แม่เธอตายแล้ว! รถคว่ำตาย เกิดอุบัติเหตุ ว่าไง เธอยังไม่รู้อีกหรือ”
ซูย้าวเหมือนถูกฟ้าผ่า ยืนตัวแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น เธอได้ยินทุกคำชัดเจน แต่ทำไมเมื่อรวมกันแล้ว เธอกลับฟังไม่เข้าใจล่ะ
แม่อยู่ที่บ้านพักคนชราไม่ใช่หรือ จู่ๆ จะเกิดอุบัติเหตุได้อย่างไรกัน
นี่มันเรื่องอะไรกันแน่!
หานฉ่ายหลิงแกล้งทำท่าตกใจ “อุ๊ย ฉันพูดอะไรที่ไม่ควรพูดหรือเปล่า ฉันคิดว่าถึงจะทำร้ายเธอ แต่ยังไงเราก็เคยเป็นเพื่อนกัน คิดว่าแม่เธอตาย เลยอยากจะมาปลอบใจเธอสักหน่อย…”
นี่เรียกว่าปลอบใจหรือ?!
หาข้ออ้างก็ไม่ต้องเปิดเผยแบบนี้ก็ได้มั้ง
แต่ตอนนี้ ซูย้าวไม่มีกะจิตกะใจจะสนใจ สีหน้าตกตะลึง ครู่ใหญ่ เธอถึงพยายามเรียกสติตัวเองกลับมาได้ มองเห็นผู้ที่อยู่ตรงหน้า ทำมือถาม “หานฉ่ายหลิง แน่ใจนะไม่ได้หลอกฉัน”
หานฉ่ายหลิงมองเธอเย็นชา ยิ้มเย็น “ฉันจะหลอกเธอทำไม ถ่อจากในเมืองมาเรือนจำไกลขนาดนี้ เพื่อมาหลอกเธอหรือยังไง”
หยุดไปครู่หนึ่ง เธอยังพูดต่อ “จะบอกเธออีกหน่อย รู้มั้ยทำไมแม่เธอรถคว่ำตาย”
ซูย้าวเบิกตาโพลง นี่เป็นเรื่องที่เธออยากรู้
“ก็เพื่อมาหาเธอไง! แม่เธอได้ยินว่าเธอหย่า แถมยังท้อง แล้วยังวุ่นวายเรื่องคดีอีก เป็นห่วงเธอ ความรักของแม่ยิ่งใหญ่! ถึงได้ให้คนขับรถเร่งความเร็ว นึกไม่ถึงกลางทางจะเกิดอุบัติเหตุ…”
“ฉันจำได้จุดเกิดเหตุ ห่างจากอพาร์ทเมนท์เธอแค่ถนนเดียวเอง เกือบจะถึงที่หมายแล้ว แต่มาเกิดอุบัติเหตุเสียก่อน น่าเศร้าจัง! แต่มาคิดดูดีๆ แล้ว เธอนั่นแหละเป็นต้นเหตุ!”
หานฉ่ายหลิงพูดเป็นปริศนา เห็นซูย้าวแทบทนรับไม่ไหว เธอยิ่งมีความสุข “ผู้หญิง ไม่ได้ดูแลตอบแทนแม่ แล้วยังทำให้แม่ตาย ถ้าฉันเป็นเธอ ไม่มีหน้าอยู่ต่อในโลกนี้แล้ว! ซูย้าว เธอว่าไง”
คำพูดเรียบๆ แต่เหมือนงูพิษแลบลิ้น เลื้อยมาข้างหูซูย้าวอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้ตัว กวนความคิดฟุ้งซ่านจนแทบจะล้มทั้งยืน
หานฉ่ายหลิงไม่คิดจะคุยต่อ ลุกขึ้น เหลือบมองเธอเย็นชา เดินออกไปจากห้องเยี่ยม
เหลือเพียงซูย้าวคนเดียว นั่งเหม่อตรงนั้น ในหัววนเวียน ทุกคำที่หานฉ่ายหลิงพูด ทุกประโยค…
แม่ตายแล้วหรือ
เธอยังคงไม่เชื่อ ตอนที่กลับจากห้องเยี่ยม เธอขอให้เจ้าหน้าที่ติดต่อทนายความ หลินเวย ก็ได้รับข่าวยืนยันอีกครั้งหนึ่งจากเธอ เสี้ยววินาทีนั้น ซูย้าวรู้สึกว่าโลกหมุน สมองเหมือนระเบิดเวลา เสียงระเบิดดังปัง เสียงดังมากมาย เหมือนเสียงฟ้าผ่าข้างหู
ในที่สุด ก็ทนรับไม่ไหวร่างกายอ่อนปวกเปียกล้มลงกองกับพื้น เป็นลมล้มพับไป
เจ้าหน้าที่เห็นเหตุการณ์ทันเวลา ส่งเธอไปรักษาที่ห้องพยาบาล
ขณะที่เธอสลบไสล เหมือนเข้าไปอยู่ในความฝันที่ไม่มีที่สิ้นสุด มองเห็นแม่ ยังแข็งแรงสบายดี เธอก็รู้ว่า หานฉ่ายหลิงหลอกเธอแน่นอน
เธอโผเข้าหาอ้อมกอดแม่ กอดเธอแน่น ออกแรงกอดเธอราวกับว่าถ้าปล่อยมือไป แม่จะหายตัวไปอย่างนั้น
อานโล๋มองเธออย่างอ่อนโยน ลูบหัวลูกเสาเบาๆ น้ำเสียงอ่อนโยน “เข้มแข็งหน่อย แม่อยู่กับลูกไม่ได้ตลอดชีวิตหรอก! ตอนนี้ลูกก็เป็นแม่คนแล้ว ต้องคิดถึงลูกให้มากๆ อย่าเป็นทุกข์เกินไป”
เธอส่ายหน้า น้ำตาไหลพราก อาบแก้มร่วงลงพื้น เวลานี้ เธอไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น เธอต้องการเพียงแม่คนเดียว
อยากแค่ให้อานโล๋มีชีวิตอยู่ แค่เพียงความปรารถนาเล็กๆ เท่านั้น ก็ยังคงไม่ได้รับความสนใจจากสวรรค์
ไม่ทันให้เธอกับแม่ได้อยู่ด้วยกันอีกหน่อย ทันใดนั้นก็มีลมรุนแรงพัดมา เหมือนมีแรงดึงดูดมหาศาลเบื้องหลังเธอ ลากเธอเข้าไปในโพรงลึกมืดดำไม่สิ้นสุด
การจากลาคือความเจ็บปวดแสนสาหัส
โดยเฉพาะการจากลาชั่วนิรันดร์ โศกเศร้าเสียใจ แต่ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ทำได้แค่มองคนที่ตัวเองรักตายจากไป ความเจ็บปวดนั้น มีแต่ประสบด้วยตนเอง ถึงจะเข้าใจหมดเปลือก
นอกจากแบบนี้ ยังมีการแยกจากเลือดเนื้อเชื้อไขของตนเอง
ลี่เจิ้งตั้งแต่ถูกรับกลับมา ก็ร้องไห้โฮทั้งวัน ของเล่นใดๆ ก็ไม่อาจดึงดูดความสนใจของเขาได้ นอกจากร้องไห้และร้องไห้ เพราะเป็นอย่างนี้นาน ทำให้เป็นไข้ไม่หยุด จึงจำเป็นต้องให้น้ำเกลือ
เด็กน้อยนอนป่วยซังกะตายบนเตียง มือเล็กๆ ถูกเจาะเข็มน้ำเกลือ ดวงตายังมีคราบน้ำตา ท่าทางสะอึกสะอื้น เหมือนถูกสวรรค์รังแก
“หม่าม้า หนูอยากเจอหม่าม้า!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เจี่ยงเวินอี๋ปวดหัวจนแทบระเบิด!
เด็กคนนี้ ตั้งแต่รับมา ก็พึมพำแต่คำพูดนี้ ไม่รู้ว่าเด็กรู้สึกถึงอะไร หรือเพราะเด็กมีความรู้สึกไว เมื่อก่อนลี่เจิ้งอยู่กับย่า ก็ไม่เห็นเป็นอย่างนี้
เด็กงอแงมาก แล้วยังป่วยอีก เจี่ยงเวินอี๋ทั้งสงสารทั้งจนปัญญา เห็นหลานเป็นไข้ เสียใจมากอยากจะป่วยแทน
ยังดีที่ลี่เฉินซีกลับมาทันเวลา ช่วยคลายความทุกข์ของเธอไปได้บ้าง
เจี่ยงเวินอี๋ไม่มีหนทางจะรับมือกับเด็กแล้ว ถือโอกาสลงมาข้างล่างพักผ่อนหน่อย ปล่อยให้ลี่เฉินซีปลอบเด็กน้อย
พอเขาเดินเข้าไป เจิ้งเอ๋อเงยหน้ามองเขา รีบพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่ง ดวงตาโตกวาดตามองหา ปากก็พึมพำ “หม่าม้า หม่าม้าอยู่ไหน”
ลี่เฉินซีเดินเข้าไปหา นั่งริมเตียงกอดลูกชาย ประคองมือเล็กๆ ที่แทงเข็มฉีดยา “เจิ้งเอ๋อ คิดถึงแม่หรือครับ!”
“ป่าป๊าใจร้าย ผมอยากเจอหม่าม้า! เอาหม่าม้าคืนมา!”
เจิ้งเอ๋อแม้จะยังเล็ก แต่คืนก่อนที่ซูย้าวจะหย่ากับลี่เฉินซีเป็นทางการ โม่หว่านหว่านกอดเด็กน้อยแอบบอกเขา หากวันหนึ่งมีคนบังคับให้เขาแยกกับซูย้าว ทั้งชีวิตนี้ยากที่จะได้เจอแม่อีก คนนั้นคือคนไม่ดี ต้องต่อต้านคนไม่ดี!
โม่หว่านหว่านกรอกหูนี่…
“พ่อเป็นคนไม่ดี! ผมอยากเจอหม่าม้า!” เจิ้งเอ๋อดิ้นรนออกจากอ้อมกอดเขา มือเล็กๆ ผลักหนีจากอ้อมกอดของลี่เฉินซี
อีกอย่าง ลี่เจิ้งยังโกรธทำปากจู๋ หันหลัง ไม่คุยกับเขา ท่าทางโกรธจนปลอบไม่ได้
เมื่อเห็นอย่างนั้น เขาถูกเด็กน้อยปั่นหัวจนแทบไม่ไหว ได้แต่ปลอบเขาอย่างอารมณ์ดี “ป่าป๊ารู้ว่าลูกคิดถึงหม่าม้า แต่ลูกจะงอแงอย่างนี้ตลอดไม่ได้! คุณย่ารักลูกมากนะ เจิ้งเอ๋อเชื่อฟัง กินข้าวเยอะๆ รอแข็งแรงแล้ว ป่าป๊าจะพาไปหาหม่าม้า ดีมั้ย”
พอได้ยินว่าจะได้เจอแม่ เจิ้งเอ๋อก็อึ้งทันที ทันใดนั้น ก็หันมา เงยหน้าถาม “จริงมั้ยฮะ พ่อจะพาไปหาหม่าม้าจริงเหรอ”
“อึม ไม่ใช่แค่พาไปหาหม่าม้านะ ต่อไปให้ลูกกับแม่อยู่ด้วยกัน อีกอย่างแม่ท้องน้องชาย ต่อไปลูกกับน้องชาย ต้องดูแลแม่นะ!” เขากระซิบ โอบลูกชายเข้ามา กอดร่างเล็กๆ ของเจิ้งเอ๋อ
เจิ้งเอ๋อร้องดีใจ “เย้ๆ!”
ขณะที่ด้านนอก หานฉ่ายหลิงได้ยินบทสนทนาสองพ่อลูก ฝีเท้าก็ชะงัก
เพื่อคำนึงถึงจิตใจของซูย้าว หรือว่าเขาคิดจะส่งเด็กคืนให้เธอ
ห่วงใยละเอียดอ่อนเช่นนี้ เขาเคยเป็นกับคนอื่นด้วยหรือ
ลี่เฉินซีนะลี่เฉินซี ทำไมเธอวางแผนสารพัดอยากจะได้ แต่คุณกับให้ยัยใบ้นั่นง่ายๆ
หรือว่า ซูย้าวในใจคุณ สำคัญถึงขนาดนี้เชียว!