เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 260
บทที่ 260 ฉันมีลูกสาวคนหนึ่ง
ออกจากด่านตรวจคนเข้าเมือง และรับกระเป๋าเดินทางแล้ว โม่หว่านหว่านเดินตามหลังซูย้าว ถามเสียงเบา “พวกเรากลับไปอยู่อพาร์ทเมนท์ ที่ถนนผูขุยมั้ย หรือบ้านเก่าตระกูลซู หรือว่า…”
ยังพูดไม่ทันจบ แม็คลาเรนสีดำก็มาหยุดที่หน้าสองคน ชายหนุ่มเปิดประตูรถลงมา ทำความเคารพ “คุณซู คุณโม่ สวัสดีครับ ผมมารับพวกคุณ!”
ประตูหลังเปิดออก ชายหนุ่มดูแลสองคนขึ้นรถแล้ว ก็สตาร์ทรถ ขับออกไป
“โรงแรมจัดการเรียบร้อยแล้ว เราพักโรงแรม” ซูย้าวพูดเรียบๆ คำพูดเย็นชาไม่แสดงความรู้สึกใดๆ
โม่หว่านหว่านถอนหายใจ หลายปีมานี้ ซูย้าวไม่ว่าอยู่ที่ไหน ก็ไม่ยอมอยู่พาร์ทเมนท์ หรือบ้านทั้งนั้น เช่าบ้าน หรือซื้อบ้านยิ่งไม่ต้องคิดถึง
ที่เดียวที่ยอมพัก ก็คือโรงแรม
แม้จะนอนหลับ แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่บ้าน
ตอนแรกคิดว่ากลับเมือง A ครั้งนี้ เธอจะเปลี่ยนไปบ้าง นึกไม่ถึงจะเป็นเหมือนเดิม
ใช่แล้ว ห้าปีก่อนเธอทุ่มเทชีวิต อยากรักษาครอบครัว สามีและลูก แต่ในที่สุดผลเป็นอย่างนั้น ความกระทบกระเทือนจากการหย่า ความทุกข์จากการสูญเสียแม่ และยังเจ็บปวดจาก…ลูกชายที่หายไป ทุกอย่างรวมกันแล้ว เปลี่ยนคนคนหนึ่งไปอย่างสิ้นเชิง
จนถึงบัดนี้ โม่หว่านหว่านไม่กล้าบอกความจริงกับเธอ
เมื่อห้าปีก่อน ตอนที่เธอคลอดลูก ไม่ว่าพยาบาลหรือหมอ ต่างพูดเองว่าเป็นเด็กแฝด เด็กสองคน
แต่เมื่อหลินโม่ป่ายไปห้องเด็ก เจอเด็กแค่คนเดียว ส่วนอีกคนหนึ่ง หายตัวไป อย่างไร้ร่องรอย
หลายปีมานี้ หลินโม่ป่ายกับโม่หว่านหว่านปิดปากเรื่องนี้สนิท ไม่อยากกระทบกระเทือนจิตใจเธอ อยากจะปกป้อง และแอบหาทุกวิถีทางสืบหา แต่ก็คว้าน้ำเหลว
ผู้ต้องสงสัยเพียงคนเดียวคือหานฉ่ายหลิง แต่รอบตัวเธอก็ไม่มีเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน คนใกล้ชิดก็ไม่มี จึงตัดความคิดนี้ทิ้งไป
กลับมาครั้งนี้ โม่หว่านหว่านแอบสาบานในใจ ไม่ว่าอย่างไร จะต้องช่วยซูย้าวพาเด็กคนนี้กลับมา! ขโมยเด็กไปแทบจะต่อหน้าต่อตา ทำเกินไปแล้ว! เห็นแม่บุญธรรมเป็นอะไรกัน!
แต่เรื่องนี้ ปิดซูย้าวไว้ก่อนดีกว่า…
พวกเขาเข้าพัก โรงแรมโซฟีเชีย เชนโรงแรมที่หลายปีมานี้เติบโตอย่างรวดเร็ว เมื่อปีก่อนถูกตระกูลลู่ซื้อกิจการด้วยเงินมหาศาล และยังมีหุ้นอีกสี่สิบกว่าเปอร์เซ็นต์ที่กระจายอยู่ข้างนอก
ไม่มีใครรู้ หุ้นทั้งหมดนั้นเป็นของซูย้าว
พักที่นี่ ทุกคนรู้ว่าเธอเป็นใคร
ไม่ต้องทำขั้นตอนเข้าพัก ทั้งหมดเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว พนักงานโรงแรมช่วยยกกระเป๋าเดินทาง ซูย้าวกับโม่หว่านหว่านเดินช้าๆ ตามหลัง มองเห็นพนักงานที่เดินสวนกัน สั่งให้ส่งกาแฟขึ้นไปที่ห้อง
ทางนี้ ซูย้าวให้ทิปพนักงานเป็นเงินดอลลาร์ ด้านหลังทันใดนั้นก็มีแรงกระแทก เธอยืนไม่มั่นคง รองเท้าส้นสูงโซเซ เกือบจะล้มลงไปทั้งตัว
เมื่อมองดู ก็พบว่าเป็นเด็กเล็กไม่กี่ขวบ
ดีที่พนักงานช่วยจับซูย้าวจึงไม่เป็นไร แต่เด็กล้มลง นั่งบนพื้น
โม่หว่านหว่านขมวดคิ้ว “ลูกบ้านไหน ทำไมเดินไม่ระวัง”
เด็กชายพยายามอยู่ครู่หนึ่ง ก็ค่อยๆ ลุกขึ้น เงยหน้ามองซูย้าว ดวงตาดำสนิทกลมโตสดใสไม่กลัว “พี่สาว ขอโทษครับ!”
น้ำเสียงสดใส พูดจาชัดเจน
ซูย้าวยิ้ม รู้สึกถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูก ก้มลง ลูบหัวเด็กชาย “เมื่อกี้ล้มลงไปใช่มั้ย เจ็บตรงไหนมั้ยจ๊ะ”
เด็กชายส่ายหน้า “พี่สาว ผมไม่เจ็บ!”
“ทำไมวิ่งเร็วอย่างนี้ พ่อแม่หนู…”
ยังไม่ทันถามจบ เด็กผู้ชายก็เห็นคนมาข้างหลังซูย้าว ตกใจจนไม่กล้าพูด รีบขยับเท้าจะวิ่งหนี
แต่พนักงานตาไวมือไว จับตัวเด็กไว้ได้ และลากคอเสื้อเขากลับมา “ทำไมแกมาอีกแล้ว ตั้งหลายวัน มากินฟรีโรงแรมเราทั้งวัน พ่อแม่ล่ะ”
ซูย้าวอึ้งไป เสียงบาดหูก็ดังขึ้นด้านหลัง——
“เด็กบ้า แกอยู่นี่เอง!”
ทุกคนมองไปตามเสียง เห็นชายอายุสามสิบกว่า รูปร่างท้วมหน่อย แต่ไม่ถึงกับอ้วน ข้างๆ ยังมีผู้หญิงแต่งหน้าหนา ดูท่าทางเหมือนสามีภรรยา
ทั้งสองคนเดินเข้ามา ผู้หญิงจับข้อศอกเด็กชาย “เด็กเปรต ใครให้แกวิ่งไปทั่ว ไม่เคยอยู่ติดบ้าน เที่ยวซนไปทั่ว! เป็นลิงหรือไง”
“เป็นบ้าอะไร! ให้ตายสิ!”
สองสามีภรรยาอบรมเด็กอีกหลายคำ พอมองเห็นซูย้าวและพนักงาน ผู้ชายก็ขอโทษก่อน ทัศนคติถือว่าใช้ได้
เดิมคิดว่าแค่ครอบครัวสามคนทะเลาะกัน ไม่มีใครใส่ใจ แต่เมื่อผู้หญิงผลักเด็กหญิงออกไป เด็กผู้ชายก็ต่อต้าน ดิ้นรนและยังพูด “ปล่อยผม! คุณไม่ใช่แม่ผม! ปล่อยผม!”
ซูย้าวชะงักเท้า
ผู้หญิงเหมือนจะรู้สึกได้ถึงบรรยากาศแปลกๆ รอบตัว รีบปิดปากเด็กชาย สั่งสอนอีก “ฉันไม่ใช่แม่แกแล้วใครเป็น เด็กบ้า พูดจามั่วซั่ว!”
“จริงด้วย! พวกเราเป็นห่วงแกขนาดไหน! ชอบทำให้เป็นห่วง!” ผู้ชายก็ดุว่าเช่นกัน และยังดึงเด็กเข้ามา ตีที่ก้นเด็กแรงๆ หลายที
เด็กชายร้องไห้ลั่น ฟังเสียงร้องไห้แล้วน่าสงสาร
สองสามีภรรยายิ้มให้ทุกคน แสดงความขอโทษ จากนั้นก็พาเด็กชายรีบเดินออกไป
“เดี๋ยวก่อนค่ะ——“
ทันใดนั้นซูย้าวเรียก โม่หว่านหว่านสับสนกับท่าทางของเธอ กำลังคิดจะบอกเธออย่ายุ่งเรื่องคนอื่น แต่ซูย้าวกลับเดินออกไปแล้ว
เธอมองเด็กชายในอ้อมกอดของผู้ชาย ยกมือลูบหัวเขา ถามเสียงอ่อนโยน “หนูน้อย หนูชื่ออะไรจ๊ะ”
“เตียวเตียว!” เด็กชายมองเธอ ไม่ร้องไห้แล้ว แต่ยังมีคราบน้ำตาบนแก้ม
ซูย้าวเช็ดให้เด็กชายเบามือ พูดอีก “น้าก็มีลูกสาวอายุพอๆ กับหนู เธอชื่อซีซีหนูว่างๆ มาเล่นที่นี่กับเธอได้ ดีมั้ยจ๊ะ”
“ครับ!” เด็กชายรับคำดีใจ
ซูย้าวยิ้ม หยิบลูกอมกล่องเล็กๆ ออกมา กล่องขนมสวยงาม ไม่ใหญ่มาก กล่องเล็กๆ
“นี่จ้ะ น้าเอามาจากอเมริกา ลองดูอร่อยมั้ย”
เด็กชายพยักหน้า มือเล็กๆ ถือกล่องลูกอมนั้น สายตาที่มองซูย้าว สับสน
พ่อแม่เด็กคุยกับเธออีกสั้นๆ ต้องการจะขอบคุณ สายตาส่งพวกเขากลับไป โม่หว่านหว่านยังบ่นกระปอดกระแปด “พอเลย! ความรักของแม่ล้นทะลักหรือไง! อีกอย่าง นิสัยอย่างซีซี เธอยังไม่รู้หรือ จะเล่นกับเขาได้ไง! เด็กคนนี้ดื้อยังกับอะไร!”
ซูย้าวก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร แต่พอเห็นเด็กชายคนนี้ ก็มีความรู้สึกที่บอกไม่ถูก โดยเฉพาะตอนที่สายตาอ้างว้างของเด็กชายมองเธอ รู้สึกว่า เด็กคนนี้กำลังขอความช่วยเหลือ
มองสามีภรรยาคู่นั้นหายลับไปจากสายตาแล้ว เธอค่อยถอนหายใจนิดหนึ่ง มองโม่หว่านหว่าน แล้วพูด “เธอดูไม่ออกหรือ เด็กคนนั้น อาจจะไม่ใช่ลูกของสองคนนั้น”
“เธอหมายความว่าไง” โม่หว่านหว่านดูเหมือนจะยังไม่เข้าใจ
ลิฟต์ขึ้นมาถึงชั้นบนสุด ซูย้าวเดินออกมา แล้วพูดขึ้น “ลูกบุญธรรม รับมาเลี้ยงทำนองนั้น!”
พ่อแม่แท้ๆ ไม่มีทางทำกับลูกแบบนี้
ยิ่งไปกว่านั้น ความรู้สึกนั้นไม่เหมือนกัน
เธอมีลูก ยิ่งเข้าใจความรู้สึกระหว่างแม่ลูก ไม่อาจเสแสร้งได้
โม่หว่านหว่านยักไหล่ ไม่สนใจเรื่องนี้ รีบเปิดประตูเข้าไปในห้อง ถอดเสื้อคลุม เอนหลังบนโซฟาพักผ่อน แล้วถาม “ ซีซีจะมาเมื่อไหร่”
“เธอก็รู้ ซีซีไม่เหมือนเด็กคนอื่น รออีกสองสามวันเถอะ!”
ซูย้าวสูดลมหายใจลึก ไม่รู้สวรรค์เล่นตลกอะไรกับเธอ ลูกๆ ของเธอ ต่างมีปัญหา
เจิ้งเอ๋ออยู่ที่โรงพยาบาล เป็นตายร้ายดียังไม่รู้ ลูกที่หายไป ก็ไม่มีข่าวคราว
ลูกสาวคนเดียว ก็ยัง…