เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 263
บทที่ 263 หาเด็กคนนั้นเจอแล้ว
กลับมาได้สองวัน โม่หว่านหว่านก็ปรับเวลาได้บ้างแล้ว และก็ใช้โอกาสที่ซูย้าวยุ่งอยู่ ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกคนเดียว
ในร้านน้ำชาริมทาง เธอก็ไปเจอกับเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่สวมหมวกอยู่
เหมือนกับว่าทั้งสองรู้จักกันมานานแล้ว พอนั่งลง เด็กคนนั้นก็สั่งอาหารทันที แต่โม่หว่านหว่านกลับพูดเสียงเข้ม “เรื่องที่ฉันให้ไปสืบ ได้ความหรือยัง?”
“สืบมาแล้ว ตามรายชื่อที่บอกให้สืบ ผมสืบมาเรียบร้อย รวมถึงคนที่ไม่มีชื่อในนั้นด้วย และทุกเรื่อง ทั้งหมอ ทั้งพยาบาลในแผนกสูตินารีของโรงพยาบาลเมืองM ไปจนถึงผู้หญิงทุกคนที่คลอดในวันนั้น ผมสืบมาหมดแล้ว!” เด็กคนนั้นพูดขึ้น
โม่หว่านหว่านมีแววตาที่ดูคาดหวังมาก “แล้วสรุปยังไง?ได้เรื่องอะไรไหม?”
“อันนี้…….”
เด็กคนนั้นจงใจลากเสียง เหมือนดูลำบากใจ
โม่หว่านหว่านพอจะดูออก จึงถอนหายใจ แล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าอย่างเบื่อหน่าย หลังจากนั้นไม่กี่วิ โทรศัพท์ของเด็กคนนั้นก็มีเสียงดังขึ้น “ตึ้ง” พอเปิดดูก็เห็นเงินเข้าในวีแชท เขาจึงยิ้มออกมาอย่างพอใจ
“เรื่องที่ผมรับมอบหมายพี่วางใจได้ ผมจัดการสืบมาหมดทุกคนแล้ว แต่ไม่มีอะไรน่าสงสัย ยกเว้นคนเดียว”
โม่หว่านหว่านจ่ายเงินไปแล้ว แน่นอนว่าไม่อยากฟังคนพร่ำเพรื่อ จึงพูดขึ้น “ใคร?รีบพูดมา!”
“หานฉ่ายหลิง!” เขาตอบ
เธอตาเป็นประกายทันที “หานฉ่ายหลิง?เมื่อไม่กี่ปีก่อนไม่ใช่ว่าหล่อนหลุดออกจากคนที่น่าสงสัยแล้วเหรอ?”
“เพราะว่าพวกพี่มองข้ามบางอย่าง หล่อนมีลูกชายคนหนึ่ง ชื่อหานชาร์ลีและอายุห้าขวบพอดี สองสามปีก่อนเพราะว่าลูกชายหล่อนไม่ค่อยแข็งแรง ก็เลยเลี้ยงที่ต่างประเทศมาโดยตลอด แล้วพึ่งกลับมาได้สองปี!”
เขาพูดไป พลางหยิบเอกสารขึ้นมาฉบับหนึ่ง แล้วส่งให้โม่หว่านหว่าน
หลังจากเธอเปิดดู ข้อมูลข้างในล้วนเกี่ยวกับหานชาร์ลีทั้งหมด ทั้งวัน เดือน ปีเกิด ล้วนแต่สามารถปลอมได้ทั้งนั้น เป็นธรรมดาที่ยากจะเชื่อได้ แต่พอมาดูที่รูป รูปที่ถ่ายตั้งแต่หนึ่งเดือน จนถึงหัดเดิน ดูจากหน้าเล็กๆ ที่นุ่มนิ่ม และเค้าโครงหน้า ดวงตา และจมูกโด่งเป็นสัน มันดู……..
เหมือนกับลี่เจิ้ง!
และในชั่วขณะนั้น โม่หว่านหว่านก็พูดขึ้นอย่างไม่สงสัย “เด็กคนนี้แหละ!ใช่อย่างแน่นอน!”
ตอนนั้นเธอกับหลินโม่ป่ายก็สงสัยหานฉ่ายหลิง และเดาว่าหล่อนสมรู้ร่วมคิดด้วยกัน เพื่อขโมยลูกของซูย้าว แล้วก็เอามาโกหกว่าเป็นลูกตัวเอง ผู้หญิงคนนี้ น่ากลัวจริง!
“พี่ไม่ใช่คนที่คลอดออกมาซะหน่อย ทำไมถึงมั่นใจขนาดนั้น?” เด็กคนนั้นเอาบุหรี่ขึ้นมาจุด และตอนที่ดูดก็ค่อยๆ พ่นควันออกมา แล้วพูดขึ้น “เด็กคนนั้นมีปานหรือรอยอะไรไหม?เดี๋ยวผมจะช่วยตรวจให้อีกทีเพื่อความแน่ใจ”
“อันนี้……..” โม่หว่านหว่านส่ายหัว ตอนนั้นเธอกับหลินโม่ป่ายก็ยังไม่ได้เจอเด็กเลย ก็ดันถูกคนอุ้มไปแล้ว จะไปรู้ว่าเด็กมีปานหรือรอยอะไรได้ยังไง?
เขาพ่นควันออกมาอีก แล้วเงยหน้าขึ้น “โธ่ พี่มั่นใจจริงๆ เหรอ?พอถึงเวลาอย่าทำพังล่ะ!ขโมยเด็ก มันผิดกฎหมายนะ ผมไม่อยากกินเข้าในคุกนะ ถ้าถูกจับได้ขึ้นมา คนแรกที่ผมจะสาวถึงคือพี่!”
โม่หว่านหว่านหันไปเขม่นเขา และพลางเอามือเขกหัวของเขาทีหนึ่ง “โม่โจ้ว ฉันเป็นพี่สาวแกนะ ถ้ายังจะต่อปากกับฉันอีก ฉันจะตีแก!”
เขาปิดปากตัวเองทันที แล้วก็เบาะปากอย่างไม่พอใจ พร้อมกับพูดเสียงในลำคอ “พี่ไม่ใช่ตีผมแล้วเหรอ!”
เรื่องตามหาเด็กนี้ เธอเองก็ไม่ได้อยากให้น้องชายเป็นคนทำ แต่ว่าโม่โจ้วเป็นผู้เชี่ยวชาญคอมพิวเตอร์ แถมยังทำงานบริษัทซอฟต์แวร์อีก แถมยังทำเกี่ยวกับการสืบหาเรื่องต่างๆ เป็นพิเศษอีก ถ้าจะใช้ช่องทางนี้ ในการเอารูปไปค้นหามันก็ไม่ใช่เรื่องยาก
“เอาล่ะ ผมยังมีธุระอีก ไม่คุยกับพี่แล้ว ผมขอตัวก่อน!”
โม่โจ้วลุกขึ้นถือกระเป๋า เพื่อจะเดินออกไป ก็พลันถูกโม่หว่านหว่านจับแขนไว้ แล้วกำชับ “เรื่องนี้ ห้ามเอาไปบอกใครทั้งนั้น!”
“เข้าใจแล้ว!”
หลังจากที่น้องชายออกไปแล้ว โม่หว่านหว่านก็หยิบเอกสารนั้นขึ้นมาดู ข้างบนมีที่อยู่โรงเรียนอนุบาลของชาร์ลี ในเมื่อมั่นใจเรื่องเด็กแล้ว เธอจึงอยากจะไปดูให้แน่ใจ ยิ่งละเอียดยิ่งดี
ทางด้านโรงแรม ตอนนี้ซูย้าวกำลังใช้โน๊ตบุ๊คคุยอยู่
“สำหรับอาการของเจิ้งเอ๋อ อยากให้ผมช่วยติดต่อแพทย์ที่นี่ให้ไหม?” พอหลินโม่ป่ายรู้เรื่องคร่าวๆ แล้ว จึงถามขึ้น
ไม่กี่ปีมานี้ เพื่อดูแลซูย้าวสองคนแม่ลูก เขายอมลาออกจากงานในประเทศ และถูกเชิญให้มาที่โรงพยาบาลในเมืองเฟ่ยเฉิง ตอนที่อยู่ต่างประเทศ เขาก็ทำอย่างขมักเขม่น และทำได้ไม่เลวเลย
ซูย้าวส่ายหน้าเบาๆ “ตอนนี้ยังไม่ต้อง อาการยังไม่เปลี่ยน ถึงจะเปลี่ยนหมอประจำไข้ ก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้นหรอก”
สีหน้าของเธอดูทรมานมาก และในใจเธอก็มีสามคำที่มันชัดเจนมาก มันหมายถึง
อาจจะเป็นไม่กี่ปีข้างหน้า สิบปีข้างหน้า หรืออาจจะถึงสิบๆ ปี อาการของเจิ้งเอ๋อ คงจะเป็นแบบนี้ตลอดกาล
ชายนิทรา
ทุกครั้งที่สัมผัส มันทำให้รู้สึกถึงหัวใจด้านในของซูย้าวเหมือนกับมีลูกธนูแทงเข้าไป มันแสนเจ็บปวด
“คุณต้องเชื่อมือแพทย์ และต้องเชื่อเจิ้งเอ๋อ เด็กคนนี้ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เหมือนคนอื่น ผมเชื่อว่ายังไงเขาก็ต้องฟื้นขึ้นมา!”
หลินโม่ป่ายที่คุยได้แค่ในจอ สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้ ก็คือพยายามพูดให้กำลังใจเธอให้มากที่สุด
และในเวลาเดียวกันเขาก็พูดขึ้น “ก็เหมือนกับคนป่วยหนักที่ไม่ได้สติ ทั้งในประเทศและต่างประเทศล้วนมีมาก คนป่วยบางคนไม่ถึงเดือนก็ฟื้นได้แล้ว บางคนก็สองสามปี วางใจเถอะ!ยังไงก็ฟื้น”
ซูย้าวถอนหายใจอย่างอ่อนแรง ทุกคนก็พยายามหาคำพูดต่างๆ เพื่อปลอบใจเธอ แต่ถึงจะพูดปลอบยังไง ก็ยังไม่สามารถทำให้ความรู้สึกผิดและความเจ็บปวดของเธอที่มีต่อลูกชายลดน้อยลงไปได้
เห็นหน้าตาหงอยๆ ของเธอแบบนั้น หลินโม่ป่ายก็รู้สึกกังวล และเหมือนคิดอะไรขึ้นได้ จึงพูดขึ้น “สองสามวันนี้ไม่ได้เห็นซีซีเลยสินะ!คิดถึงไหม?”
พอพูดถึงลูกสาว ดวงตาของซูย้าวก็เปล่งประกายออกมา “ฉันคิดถึงจะตายแล้ว!ช่วงนี้ซีซีเป็นยังไงบ้าง?”
หลินโม่ป่ายหันจอโน๊ตบุ้คไปอีกด้าน เด็กสาวตัวเล็ก ใส่กระโปรงเจ้าหญิง นั่งบนโซฟาเงียบๆ และกำลังดูหนังสือในมืออยู่
เห็นแบบนั้น เหมือนจะไม่ต้องการให้ใครไปรบกวนเวลาโลกส่วนตัวของตัวเอง ทั้งใบหน้าที่จริงจัง สายตาที่จดจ่อ ขนตางอนๆ ผิวอมชมพู ดูแล้วเหมือนซูย้าวอย่างกับแฝด แต่ถ้ามองดูชัดๆ ก็ยังมีส่วนที่คล้ายกับคนคนนั้น
“ซีซี ดูสิใครเอ่ย?คุณแม่อยู่ที่เมือง Aแหนะ! “หลินโม่ป่ายยกโน๊ตบุ้คไปข้างๆ เธอ แล้วก็ชี้ไปที่รูปเพื่อให้เธอสนใจ
แต่ซีซีก็แค่กวาดสายตามองเท่านั้น มองแม่ที่หน้าจอ แต่ไม่พูดอะไร
ซูย้าวจึงพูดขึ้น “ซีซี คิดถึงแม่บ้างไหม?แม่คิดถึงหนูมากเลยนะ!และแม่เลี้ยงหนูก็คิดถึงหนูมากๆ ด้วย!”
เธอก็ยังไม่พูดอะไร เอาแต่มองนิ่งๆ แล้วก็ฟัง
“อยากกลับมากับคุณลุงหลินไหม?ที่นี่มีพี่ชายของหนูด้วยนะ!ถ้าซีซีได้มาที่นี่ ไม่แน่ว่าพี่ชายของหนูอาจจะรีบลืมตาขึ้นมาก็ได้!”
ซูย้าวพูดคนเดียวเยอะมาก หลินโม่ป่ายก็เลยพูดช่วยถึงเรื่องเที่ยว และในที่สุดเด็กสาวตัวน้อยก็พยักหน้าเบาๆ จากนั้นก็ก้มลงไปดูหนังสือต่อ
และในตอนที่ซูย้าวยังไม่วางสาย หลินโม่ป่ายก็พูดขึ้น “ดีมากเลย ในที่สุดซีซีก็ตกลงแล้ว!”
ทุกคนรู้ดี การกลับมานั้น ซีซีไม่มีทางยอมเด็ดขาด
แต่การพยักหน้าครั้งนี้ ถือว่าไม่ง่ายเลย
เด็กคนนี้ไม่เหมือนกับเด็กคนอื่น
สามปีก่อนเป็นคนฉลาดและร่าเริงมาก ยิ้มเก่งหัวเราะเก่ง และพูดเก่งด้วย จะชอบเรียกแม่บ่อยๆ แต่พอหลังจากเกิดเรื่องขึ้น เด็กคนนี้ก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน และตั้งแต่ตอนนั้น ก็ไม่ยอมพูดอะไรเลย
เธอไม่ได้เป็นเหมือนซูย้าว คอของเธอไม่ได้มีปัญหาอะไร สุขภาพดีทุกอย่าง
เพียงแค่เธอไม่ยอมพูด
พอหลังจากคุยกันจบ หลินโม่ป่ายก็ไปจองตั๋ว คาดว่าจะเดินทางในสองวันนี้
ซูย้าวนั่งพิงอยู่บนเก้าอี้ แล้วสายตาก็ไปสะดุดเข้ากับเอกสารที่เลขาส่งมา ตัวอักษรขนาดใหญ่ดึงดูดให้เธอสนใจ
‘ลี่ซื่อกรุ๊ป……’
ลี่ซื่อ
ลี่เฉินซี
เจอกันอีกแล้ว