เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 268
บทที่ 268 ต้องการแฟนไหม
ผู้คนในงานต่างดื่มด่ำความสำราญภายในงาน พูดคุยสานสัมพันธ์กัน และการประมูลก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว ของที่นำมาประมูลแต่ละชิ้นถูกนำออกมาโดยนางแบบ โดยใช้เวทีTในการเดินโชว์ของประมูล
และการเดินโชว์ครั้งนี้ ก็ได้รับความช่วยเหลือจากRUInternationalกรุ๊ป ที่เป็นคู่ค้าระหว่างประเทศ และยังเป็นบริษัทที่ไม่ประสงค์ออกนามของงานการกุศลด้วย ในช่วงเวลาสองปีนี้บริษัทRUกรุ๊ป ก็ถือว่าเป็นบริษัทอุตสาหกรรมเสื้อผ้าหน้าใหม่มาแรง
ที่เป็นบริษัทไม่ประสงค์ออกนามนั้น เหตุผลเพราะว่าตั้งแต่บริษัทนี้เข้ามาร่วมลงทุนในการจัดงานการกุศลกับลี่ซื่อกรุ๊ป จนถึงตอนนั้น แม้แต่ลี่เฉินซีเองก็เคยเจอแค่เลขาที่รับผิดชอบงานเท่านั้น ไม่เคยเจอประธานบริษัทRUหรือแม้แต่รองประธานก็ไม่เคยเจอเลย
การหาข้อมูลที่เกี่ยวกับบริษัทRUในอินเทอร์เน็ต ก็ไม่สามารถสืบได้ว่าประธานบริษัทเป็นใคร ขนาดคนที่เป็นหัวหน้างานออกแบบยังปิดเป็นความลับ
และภายในสองปีบริษัทนี้ก็พุ่งขึ้นมาอยู่แถวหน้า แล้วคนในที่ทำงานก็ชอบเอามาพูดเล่นกัน จนขนานนามว่าเป็นบริษัทลึกลับ RU
ทางนั้นกำลังเดินโชว์กันอย่างสนุก และประมูลอย่างบ้าคลั่ง จนทำให้ทุกคนต่างให้ความสนใจ ทั้งนางแบบที่ใส่ชุดวาบหวิว ทำให้ดึงดูดมาก จนใครก็แทบทนไม่ไหว ภายในงานเริ่มตื่นตาตื่นใจจนทำให้บรรยากาศเริ่มสนุกขึ้นไม่น้อย
ทางด้านเดินแบบนั้นน่าสนุกมาก แต่ทางนี้ดูจากเพ้ยส้าวหลี่พูดแล้ว ถือว่าไม่ธรรมดาเลย ยิ่งทำให้รู้สึกน่าสนใจ
เขามองมาที่ซูย้าว รอยยิ้มของเธอตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนนี้ไม่ยอมหยุดเลย สายตาลึกซึ้งของเขาจับจ้องไปที่เธอไม่หยุด และก็ยังไม่เข้าใจ
“ต้องขอบใจประธานเพ้ยแล้ว เพียงแต่ว่าฉันไม่ชินกับการควงคู่กับผู้ชายนานแล้ว ทำไงดีล่ะ?” ซูย้าวยิ้มอ่อน แต่ในเวลาเดียวกันเธอก็ไม่ได้หยุดครุ่นคิด
ช่วงสองสามปีมานี้ ประสบการณ์การเข้าสังคมของเธอนั้นผ่านมามาก มีชายจำนวนมากที่พยายามเข้าหาเธอ ถ้าจะปฏิเสธไปตรงๆ ก็จะดูเสียมารยาท แต่สำหรับการตอบแบบมีน้ำใจนั้น นางมีหลายวิธีเลย!
และกลุ่มคนในที่นี้ ก็เป็นพวกชอบเล่นสนุกไม่ใช่เหรอ?
ถึงเพ้ยส้าวหลี่จะต่างจากพวกผู้ชายเหล่านั้น แต่ถ้าดูรวมๆ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นแนวเดียวกัน ยังไงซูย้าวก็ไม่ได้รู้สึกสนใจอยู่ดี
พอได้ยินแบบนั้น เพ้ยส้าวหลี่เพียงแค่ยิ้มออกมา แล้วอยู่ดีๆ เขาก็จับมือเธอเอาไว้ จากนั้นก็เดินมาด้านหน้าเธอทันที พลางก้มลงไปกระซิบข้างหู ด้วยน้ำเสียงมีเสน่ห์ “ไม่อยากได้คนควง แล้วแฟนล่ะ?”
“แหะแหะ ประธานเพ้ยนี่ตลกจริงๆ” ซูย้าวหัวเราะออกมา รอยยิ้มที่งดงาม พอยิ้มทีแทบทำให้ใจละลายได้เลย เดิมทีก็ยิ่งสวยอยู่แล้ว ทั้งดวงตาและขนตางอน พอบวกเข้ากับรอยยิ้มก็ยิ่งมีเสน่ห์มาก
ผู้หญิงแบบนี้ทำให้ใจชื้นมาก
“ทำไมเหรอ?ไม่คิดดูหน่อยเหรอ?หรือว่ามีคนที่ชอบอยู่แล้ว?” เพ้ยส้าวหลี่ถามกลับ
ซูย้าวกลับไม่ได้มองเขา แล้วตอนที่เธอพูดขึ้น เธอก็ดันมือออกมาจากมือเขา “ไม่เจอกันไม่กี่ปี ประธานเพ้ยดูตลกขึ้นเยอะนะ!”
พอเห็นเธอเดินออกไป เพ้ยส้าวหลี่ก็รีบสาวเท้าเดินตามไปทันที แล้วก็มายืนอยู่ด้านหน้าเธอ พร้อมกับโอบเธอไว้ แล้วกระซิบที่ข้างหู “ตกลงว่ามี หรือว่าไม่มีล่ะ?”
เขาต้องการเพียงแค่คำตอบเดียว
แต่ซูย้าวไม่มีทางให้เขาสมหวัง แล้วจึงพูดขึ้นอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ถ้าฉันบอกว่ามี ประธานเพ้ยจะทำอะไร?ถ้าไม่มี แล้วจะเป็นยังไง?”
เพ้ยส้าวหลี่หัวเราะออกมาทันที พลันโอบเธอเอาไว้อย่างใกล้ชิด “ผมก็ต้องชอบไม่มีอยู่แล้ว เพราะมีเพียงแบบนี้ ผมถึงจะจีบคุณได้!”
“ฉันไม่ได้จีบง่ายๆ น่ะสิ อย่าเสียเวลาเลย!” ซูย้าวพูดเสียงเรียบ และพยายามหลุดออกมาจากการควบคุมของเขาอีกครั้ง
เพ้ยส้าวหลี่กลับพูดว่า “จีบง่ายหรือไม่ ก็ต้องลองแล้วล่ะ!คุณควรรู้ว่าผมแอบรักคุณมาหลายปีแล้ว……..”
“ที่แท้ประธานเพ้ยก็แอบรักคุณซูมาตลอดนี่เอง!”
พวกเขากำลังคุยกัน อยู่ดีๆ ก็มีเสียงเล็กๆ จากด้านข้างเข้ามาแทรก เธอหันกลับไป ก็มองเห็นลี่เฉินซีที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ ร่างกายสูงใหญ่เหมือนเดิม และมาพร้อมกับสาวงามอีกคน
ครั้งนี้ที่เธอกลับมา คนที่ซูย้าวอยากเจอมากที่สุดก็คือหานฉ่ายหลิง
ไม่เจอกันห้าปี เธอดูไม่เปลี่ยนไปเลย ก็ยังเป็นแบบนั้น แต่งหน้าแต่งตาและยังดูร้อนแรงเหมือนเดิม
ทั้งสี่คนหันมาเจอกัน ลี่เฉินซีก็ยังทำหน้านิ่งๆ เพียงแค่สายตาที่ดูสับสนเดายาก ไม่รู้ว่าคิดอะไร
หานฉ่ายหลิงจึงใช้โอกาสนี้พูดขึ้น “พวกเราแทบจะไม่รู้เลยว่า ประธานเพ้ยพูดจริงเหรอ?”
เพ้ยส้าวหลี่อ้าปากขึ้น โดยไม่ได้สนใจอะไร “แน่นอน ตั้งนานแล้วที่ผมแอบรักซูย้าว !”
“ความรู้สึกดีของประธานเพ้ย ฉันจะรับได้ยังไง?” ซูย้าวพูดอ้อมค้อม “แต่ว่า ไม่ว่าจริงหรือเท็จ ความรู้สึกนี้ ฉันเองก็ขอบคุณจากใจ”
เพ้ยส้าวหลี่กลับหันมามองเธอด้วยสายตาลึกซึ้ง “เป็นเรื่องจริง ผมไม่ได้พูดเล่น ที่ผมอยากฟังไม่ใช่คำขอบคุณของคุณ แต่เป็นคำตอบรับจากคุณ”
เขาจับมือของเธอ รอให้ทุกอย่างมั่นใจ เพียงแค่เธอพยักหน้าตกลง เขาก็สามารถขอเธอแต่งงานได้เลย หรือจะให้ทำอะไรที่มากกว่านี้เขาก็จะทำ
เพียงแต่ซูย้าวไม่ได้ต้องการทำให้เป็นเรื่องใหญ่
เธอเองก็พึ่งกลับมา ยังมีหลายเรื่องที่ต้องสะสาง แต่ไม่ใช่เรื่องความรักบ้าบออะไรนี่
“เรื่องตกลงนั้นช่างเถอะ สถานะของประธานเพ้ย ฉันไม่กล้าอาจเอื้อม” ซูย้าวพูดตำหนิตัวเอง เพื่อไม่ให้เพ้ยส้าวหลี่เสียหน้า
เพ้ยส้าวหลี่ก็พอจะดูออกจากการหลบสายตาของเธอ และรู้ว่าเธอหมายถึงอะไร เลยไม่ตอแยเธอต่อ “ก็ได้!ยังมีเวลาอีกเยอะ”
เรื่องนี้ควรจะจบลงแค่นี้ แต่หานฉ่ายหลิงกลับไม่ยอม แล้วจงใจพูดขึ้น “คุณซูไม่ว่ายังไงก็เป็นอดีตภรรยาเฉินซี คำว่าไม่กล้าอาจเอื้อมสี่คำนี้ ตอนห้าปีก่อนทำไมไม่เห็นใช้กับเฉินซี หรือว่าตอนนี้ถึงกล้าเอามาใช้กับประธานเพ้ยแล้วเหรอ?”
คำพูดทั้งหมดนี้ ล้วนแต่เหน็บแนมสถานะต่ำต้อยของซูย้าว ตอนนั้นไม่คู่ควรกับลี่เฉินซี ตอนนี้ก็ไม่คู่ควรกับเพ้ยส้าวหลี่
สำหรับครั้งนี้ ซูย้าวเพียงแค่ยิ้ม แต่ไม่ได้พูดอะไร
แล้วก็ทำเป็นเมินใส่หล่อนทันที
ลี่เฉินซีตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้ ก็มีเพียงลูกตาที่ขยับไปมา แต่ใบหน้าก็ยังคงนิ่งเหมือนเดิม และไม่พูดอะไรออกมาเหมือนกัน
เธอหยิบเอาแก้วไวน์จากพนักงานที่เดินผ่านมา แล้วหันไปมองเวที แล้วพูดขึ้น “งานประมูลเริ่มแล้ว พวกเราไปกันเถอะ!”
เพ้ยส้าวหลี่พยักหน้า แล้วทั้งสองก็เดินไปทางห้องโถงใหญ่
หานฉ่ายหลิงมีสีหน้าไม่ค่อยพอใจ ยัยคนนี้คิดว่าเสียงตัวเองกลับมาแล้ว ก็จะไม่มีใครสู้ได้เหรอ?ก็แค่แม่หม้ายคนหนึ่ง สถานะชั้นต่ำ!
ในขณะที่แขกเข้าไปนั่งประจำที่ แล้วก็บังเอิญมากที่ลี่เฉินซีกับหานฉ่ายหลิงเองก็นั่งข้างๆ บนเวทีก็กำลังทำการประมูล แขกมากมายกำลังเสนอราคา
ซูย้าวหันไปมองของที่กำลังประมูล กลับไม่ได้รู้สึกสนใจ เพียงแค่ก้มลงจิบแก้วไวน์ ก็พลันได้ยินเสียงของหานฉ่ายหลิงดังขึ้น—–
“ไม่เจอกันนานไม่นึกเลยว่า วันนี้จะได้มาเจอคุณซูที่นี่”
ครั้งนี้ ซูย้าวหันไปสนใจเธอแล้ว
ถ้าจะเอาแต่เมินอย่างเดียวก็ดูจะเสียมารยาท
“แค่บังเอิญน่ะ!พอดีฉันเห็นว่าที่มีงาน เลยอยากมาหาอะไรสนุกๆ ทำ” เธอตอบอย่างถ่อมตน
หานฉ่ายหลิงกลับไม่สนใจ รีบกุมมือลี่เฉินซี แล้วก็พูดขึ้น “เฉินซี ต่อไปถ้ามีงานอะไร พวกเราก็บอกคุณซูไว้ล่วงหน้าเถอะ!ไม่ว่ายังไง เห็นแก่ความสัมพันธ์เก่า ก็ควรจะให้ความสำคัญบ้าง ถูกมั้ย!”
ลี่เฉินซีก็ยังทำหน้านิ่งไม่ตอบอะไร ส่วนเพ้ยส้าวหลี่เองก็เห็นแก่หน้าของซูย้าว ก็เลยไม่สนใจ
ไม่มีใครพูดอะไร จึงทำให้หานฉ่ายหลิงเริ่มรู้สึกอึดอัด
เลยแอบสบถคนเดียว แล้วหันไปจ้องเขม่นซูย้าว ด้วยความโกรธแค้น
แต่เธอไม่มีทางรู้เลยว่า เหตุการณ์ต่อไป จะทำให้เธออับอายขนาดไหน และจะกลายเป็นฝันร้ายของเธอเลยก็ว่าได้
และตามการดำเนินงานการประมูลของนั้น ก็ได้มาถึงช่วงที่ลึกลับที่สุด และก็เป็นของที่เลอค่าที่สุดในการประมูลครั้งนี้ ตามที่พิธีกรได้กล่าว นางแบบก็ได้เดินเข้ามาใกล้ เพื่อให้แขกทุกคนในงานได้เห็นของในผ้าคลุมสีแดงชิ้นนี้ ทุกคนต่างร้องฮือฮาออกมาพร้อมกัน
หานฉ่ายหลิงเองก็ตกตะลึงของในมือนางแบบชิ้นนี้ด้วยเหมือนกัน
นั่นเป็นของที่ผู้หญิงหลายคนอยากได้และชอบมาก จนทำให้พวกหล่อนไม่สามารถปฏิเสธความอยากได้ของชิ้นนี้ได้เลย
เธอหันไปมองแวบหนึ่ง แล้วก็รีบหันมากระซิบลี่เฉินซีที่อยู่ข้างๆ ทันที “เฉินซี พวกเราประมูลมาเถอะนะ