เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 27
บทที่ 27 ดูเรื่องดีๆที่คุณทำซะ
เมื่อข่าวถูกเปิดเผยออกมา ซูย้าวก็ถูกแม่สามีเรียกไปที่บ้านใหญ่
จะเป็นเรื่องอะไร เธอก็ไม่รู้แน่ชัด แต่พอจะเดาได้ว่า น่าจะเกี่ยวข้องกับ ‘ข่าวงานเลี้ยง’ เมื่อคืนนี้
เมื่อมาถึงบ้านใหญ่ เจี่ยงเวินอี๋มีแขกอยู่ชั้นบน แม่บ้านสูงวัยให้เธอรออยู่สักครู่
ซูย้าวนั่งรอบนโซฟาอย่างว่าง่าย แม่บ้านทำถ้วยชาคว่ำลงแตกอย่างไม่ตั้งใจ ทำให้ได้รับบาดแผลบนมือ เธอจึงรีบวิ่งขึ้นไปชั้นบนเพื่อหยิบกล่องยา
หากรู้ล่วงหน้าว่าจะต้องมาได้ยินบทสนทนาที่เธอไม่เต็มใจจะได้ยินที่สุดในชีวิต ซูย้าวคงเลือกที่จะไม่ขึ้นมาชั้นบนเพื่อหยิบกล่องยา
เมื่อผ่านประตูทางเข้าห้องหนังสือ เสียงสนทนาก็ดังออกมาจากด้านใน—–
“ในตอนที่เจิ้งเอ๋อยังเล็ก ฉ่ายหลิงเธอควรใช้เวลาใกล้ชิดกับลูกให้มากขึ้น เดิมทีแล้วความสัมพันธ์ของเธอและเฉินซีเป็นไปได้ด้วยดี รอให้เจิ้งเอ๋อยอมรับเธอก่อน คุณป้าจะรีบตัดสินใจ ให้พวกเขาหย่ากัน!”
น้ำเสียงของเจี่ยงเวินอี๋ดูร้อนรุ่ม เธอกระตือรือร้นราวกับอยากจะให้วันนั้นมาถึงเร็วที่สุด
หานฉ่ายหลิงก็พูดว่า “คุณป้า แบบไม่ได้ ซูย้าวเป็นแม่ที่ให้กำเนิดของเจิ้งเอ๋อ ฉันไม่ต้องการไปเอาอะไรของเธอ…..”
“แม่ผู้ให้กำเนิดแล้วจะทำไมเหรอ เธอรู้ไหม หล่อนท้องได้ยังไง”
“ยังไงเหรอ”
“แน่นอนว่าเฉินซีดื่มไปมาก จึงเข้าใจผิดมองหล่อนเป็นเธอ! ไม่อย่างนั้นเฉินซีจะไปเป็นสามีของหล่อนได้อย่างไรล่ะ เธอไม่เข้าใจความรู้สึกของเฉินซีที่มีต่อเธอ…….”
เสียงของหานฉ่ายหลิงทำอะไรไม่ถูก “ฉันเข้าใจ เฉินซีรักฉัน ฉันก็รักเขา แต่ว่า….”
“ถูกต้องแล้ว รอให้เจิ้งเอ๋อสนิทกับเธอก่อน แล้วจะไล่หล่อนออกไป! ตระกูลลี่ของพวกเรา จะไม่ปล่อยยัย
ใบ้คนนี้ไว้แน่! ให้ต้องอัปยศ!”
ด้านนอก มือของซูย้าวที่จับอยู่บนราวบันไดเปียกโชกไปทั้งมือ เธอดูเหมือนว่าจะได้ยินบทสนทนาที่ไม่ควรจะได้ยิน
ที่แท้ ตอนที่ความสัมพันธ์ของลี่เฉินซีและตัวเองเกิดขึ้นในตอนแรก กลับกลายเป็น…..พาเธอมาแทนที่หานฉ่ายหลิง!
ค่อยๆกลับหลังหัน เธอไม่อยากจะยอมรับ ความจริงก็แค่กลัว กลัวว่าจะได้ยินคำพูดใดๆอีก แสร้งทำเป็นโง่แล้วอยู่อย่างสงบดีกว่า ก็ไม่อยากที่จะไปต่อล้อต่อเถียง
เมื่อเจี่ยงเวินอี๋ลงไปยังชั้นล่าง ก็เป็นเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงต่อมา ช่วงเวลานี้ไม่รู้ว่าที่ในห้องหนังสือสุดท้ายแล้วได้พูดอะไรกับหานฉ่ายหลิงไปอีกบ้าง ซูย้าวไม่อยากจะคิดมาก จึงได้แต่ถ่ายเทความคิดให้ได้มากที่สุด เพื่อทำให้สมองของตัวเองโล่ง
เมื่อเห็นแม่สามีลงมายังชั้นล่าง ซูย้าวก็รีบลุกขึ้นยืน และโค้งคำนับอย่างสุภาพ
ท้ายที่สุดก็พูดไม่ได้ และไม่สามารถทักทายได้ อีกทั้งเจี่ยงเวินอี๋ยังเกลียดภาษามือที่เธอใช้ นับประสาอะไรกับการที่จะให้โอกาสเธอเขียนตัวอักษร ได้แค่เพียงยิ้มและพยักหน้า เพื่อแสดงความสุภาพตามมารยาท
เจี่ยงเวินอี๋นั่งลงด้วยท่าทีเย็นชา วางมาดราวกับนายหญิงผู้ทรงพลัง สายตาจ้องมองไปยังซูย้าวอย่างน่าเกรงขาม และผลักหนังสือพิมพ์และนิตยสารหลายเล่มบนโต๊ะไปอยู่ตรงหน้าเธอ
“เมื่อคืนนี้เพื่อเธอแล้ว เฉินซีได้เหมาโรงแรมซุสทั้งหมด แล้วยังประโคมข่าวใหญ่โต เพื่อฉลองวันเกิดให้กับเธอ!
ไม่ได้มีน้ำเสียงกล่าวหาใดๆ แต่ในคำพูดนั้น มีการถากถางอยู่เล็กน้อย
ซูย้าวหลบสายตาลงอย่างรวดเร็ว ในใจรู้สึกขมขื่น เห็นได้ชัดว่าเขาทำทุกอย่างเพื่อชื่อเสียงของตัวเอง จะเรียกว่าทำเพื่อฉลองวันเกิดให้ตัวเธอเองได้อย่างไร
“ดูเหมือนว่า ความสัมพันธ์ช่วงนี้ระหว่างเธอและเฉินซี ดีขึ้นมากหนิ!” เจี่ยงเวินอี๋พูดขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับเหน็บแนมอย่างชัดเจน
ซูย้าวไม่รู้จะทำอย่างไรดี พวกเขามีความเป็นมิตรตรงไหน
แต่ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพียงการแสดง!
“พวกเธอมีความสัมพันธ์ที่ดีกัน นั่นก็เป็นเรื่องดี แล้วยังไงล่ะ พวกเราเป็นผู้หญิง ไม่อาจจะมีอิทธิพลต่อการงานของผู้ชาย ใช่ไหม ซูย้าวเอ๊ย เธอก็เป็นผู้หญิงที่มีความเข้าใจอะไรได้ดี คราวหลังเรื่องที่ต้องออกหน้าแบบนี้ ก็อย่าให้เฉินซีต้องมาทำเพื่อเธออีก!”
ซูย้าวละอาย อีกทั้งยังรู้สึกผิด!
เจี่ยงเวินอี๋รู้ว่าดีว่าลี่เฉินซีทำเพื่ออะไร เมื่อคืนถึงกับต้องระดมคนมา ‘จัดงานเลี้ยงวันเกิดให้กับเธอ’ เมื่อพูดถึงเรื่องนี้อีกครั้ง กลับกลายเป็นเจตนาที่จะพูดถากถาง
แต่เธอจะทำอะไรได้ ไม่ว่าจะขมขื่นสักเพียงใด ทำได้ก็แค่กลืนลงไปอย่างเจ็บปวด
เมื่อออกมาจากบ้านใหญ่ คำพูดประโยคสุดท้ายของเจี่ยงเวินอี๋ยังคงดังกึกก้องอยู่ในหูของซูย้าว ยากที่จะลืม
สิ่งที่เจี่ยงเวินอี๋พูดคือ—–อย่าคิดว่าเมื่อมีลูกแล้วก็จะเป็นคนสูงส่ง และหากจะทำอะไรที่ไร้ประโยชน์ด้วยการเอาลูกมาผูกรั้งเฉินซีไว้ละก็ นั่นย่อมเป็นไปไม่ได้!
เธอจะต้องการใช้ลูกมาผูกมัดลี่เฉินซีตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
ช่างไร้สาระสิ้นดี!
แต่ไม่มีอะไรจะแก้ตัว ได้แต่อดกลั้นเอาไว้แล้วกลืนลงไป
สองวันมานี้ ลี่เฉินซีได้กลับบ้านเลย ราวกับย้อนกลับไปยังช่วงเวลาก่อนหน้านี้ ซูย้าวอยู่ที่บ้านกับลูก ทุกวันคอยเฝ้าดูแลเจิ้งเอ๋อ เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ในเช้าวันที่สาม เธอเพิ่งลงไปชั้นล่างเพื่อเตรียมอาหารเช้า หยิบผ้ากันเปื้อนขึ้นมา ยังไม่ทันที่จะใส่ ประตูก็ถูกกระแทก ‘ปัง’ ส่งเสียงดังสนั่น
เสียงที่ดังมาก ทำให้ซูย้าวตกใจกลัว จากนั้นไม่นาน ก็มองไปยังทางเข้า ลี่เฉินซีที่ไม่ได้กลับบ้านมาสามวัน ได้ปรากฏตัวขึ้นตรงประตู
ใบหน้าที่โดดเด่นเต็มไปด้วยความหม่นหมอง ดวงตาที่มีสีดำขวับจ้องมองมาที่เธอ โดยไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ โครงร่างที่เย็นชาและริมฝีปากอันบางถูกกดเป็นเส้นตรง ดวงตาสีเข้ม เปลวไฟจางๆพลุ่งพล่านอยู่ในความมืด
ทั้งร่างถูกคลุมไปด้วยความเหี้ยมโหด แข็งแกร่ง ทำให้คนรู้สึกกลัวและขนลุก
ในวันปกติของลี่เฉินซี ก็ทำให้ผู้คนต่างรู้สึกถึงความหม่นหมอง แต่เขาในตอนนี้ ยิ่งดูหม่นหมอง แต่เขาเวลานี้ยิ่งหดหู่และน่ากลัวมากขึ้น ทำให้ตื่นตระหนกอย่างอธิบายไม่ได้ จนไม่กล้าจะหายใจ!
ชั่วเวลาหนึ่ง ซูย้าวก็ลืมที่จะโต้ตอบ ได้แต่ตัวแข็งทื่อยืนอยู่ที่เดิม สายตาจ้องมองเขาไม่หยุด
พี่เลี้ยงเด็กที่อยู่ในครัวได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว ก็คิดว่ามีอะไรบางอย่าง จึงรีบเดินไปพลางและพูดว่า “คุณนาย เป็นอะไร…..”
ทันทีที่พี่เลี้ยงเดินไปยังประตูห้องครัว ก็ได้มองเห็นลี่เฉินซีอยู่ตรงทางเข้า หยุดฝีท้าวลง ก็ต้องพลิกลิ้นอย่างกะทันหัน เปลี่ยนคำพูดแล้วพูดว่า “คุณลี่กลับมาแล้ว!”
“ไปทำธุระของเธอเถอะ!”
ลี่เฉินซีตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา จากนั้นก็จ้องมองไปที่ซูย้าว ก้าวเท้าออกไปข้างหน้า
เขาเดินตรงไปหาซูย้าว ฝีเท้าของเขาก้าวอย่างเชื่องช้า รองเท้าแฮนด์เมดสุดหรูเหยียบลงบนพื้น เกิดเสียงดัง ที่น่าขนลุก
เพียงแค่เห็นก็รู้สึกกลัว
ซูย้าวได้แต่หาคำเหล่านี้มาเพื่ออธิบาย เธออดไม่ได้ ที่จะก้าวถอยหลัง พยายามหลบหนีออกมาอย่างช้าๆ
แต่ลี่เฉินซีก้าวขายาวขึ้น และเดินเข้าไปสองสามก้าวก็ถึงตรงหน้าเธอ ยืนนิ่งด้วยสายตาที่หม่นหมอง มองกดมายังเธออย่างดุดัน
ซูย้าวหลบสายตาทันที ไม่ต้องการที่จะสบตาเขา
ลี่เฉินซีจ้องมองเธออยู่ครู่หนึ่ง ก็ยื่นมือออกไปอย่างไม่ต้องพยายาม บีบแก้มของเธอ ดึงตัวเธออย่างแรงให้มาอยู่ตรงหน้าตนเอง ดวงตาดูดุร้าย “ดูเหมือนว่า ผมจะประเมินคุณต่ำเกินไปแล้ว!”
เธอสะดุ้ง หมายความว่าอย่างไรกัน
“อย่าไปมองการที่พูดไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าจะมีแผนการลับที่ชั่วร้าย!” ลี่เฉินซีจ้องมองเธอ จ้องมองอย่างดุร้ายราวกับแสงเลเซอร์ ที่ทิ่มแทงเธอจนทะลุ
ดวงตาของซูย้าวดูตกใจ ยกมือขึ้นเพื่อขัดขืน แต่กลับถูกเขาหนีบไว้อีกครั้ง เธอไม่สามารถจะหลบหนีได้ ยิ่งรู้สึกงุนงง ขมวดคิ้วแน่น สายตาเต็มไปด้วยความสับสน
ลี่เฉินซีก็มองเห็นความหมายในดวงตาของเธอ รอยยิ้มที่เย็นชา มีแรงกระแทกเข้ามาอย่างแรง จนเธอต้องถอยกลับอย่างกะทันหัน
เมื่อซูย้าวทรงตัวได้แล้ว ลี่เฉินซีก็ได้หยิบข่าวเช้าฉบับหนึ่งจากโต๊ะกาแฟ และทุบลงไปบนศีรษะและใบหน้าของเธอ
“ดูซะ ดูเรื่องดีๆที่คุณทำไว!”
หนังสือพิมพ์กระจัดกระจายไปทั่วพื้น ซูย้าวโน้มตัวลงด้วยความสงสัย และหยิบขึ้นมาหนึ่งฉบับ ดูพาดหัวข่าวที่ตีพิมพ์ในหน้าแรก ในหัวของเธอก็ว่างเปล่า และตกใจในวินาทีต่อมา!