เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 284
บทที่ 284 พูดได้ก็ทำได้
“ใช่หรือไม่น๊าที่หลักฐานทั้งหมดที่เจอ นั้นต่างชี้ไปที่ตัวเธออีกครั้งอ่ะ”
ซูย้าวได้ยินเสียงลำพองของหานฉ่ายหลิงผ่านลำโพง และในคำพูดของเธอนั้นมีคำว่า‘อีกครั้ง’ ถูกต้อง เป็นการถูกใส่ร้ายจริงๆ และไม่ได้เป็นครั้งแรกด้วย
ไม่รีรอให้เธอพูด หานฉ่ายหลิงกล่าวขึ้นต่อ “แต่ว่าครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อนๆ ครั้งนี้คนที่ถูกกระทำคือลี่เจิ้ง เป็นลูกในไส้ของเธอ เป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของลี่เฉินซี เขาไม่มีทางปล่อยคนที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยไปอย่างแน่นอน แม้แต่เธอก็ตาม!”
ซูย้าวจับโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเย็นชา แล้วก็กัดริมฝีปากล่างขึ้น
“คงเป็นเรื่องบังเอิญ และคงเป็นชะตาฟ้าลิขิตด้วยแหละ! ทั้งหมดนี้ต้องโทษเธอที่หาเรื่องใส่ตัว ตลอดเวลาห้าปีกว่า ไม่เคยคิดที่จะกลับมา แต่ดันจู่ๆกลับมาเอาตอนนี้ ก็ยิ่งเพิ่มเป็นหลักฐาน ซูย้าว ต่อให้เธอเป็นพ่อแม่บังเกิดเกล้าของเด็ก ก็ไม่ช่วยอะไรแล้ว”
ต่อให้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดมากแค่ไหน ก็ไม่อาจจะฝืนความผิดทางกฎหมายได้
อีกอย่างไม่เจอกันตั้งห้าปี เวลาคงชะล้างความสัมพันธ์ทางสายเลือดที่เข้มข้นให้กลายเป็นเพียงน้ำใส และความเชื่อมั่นไว้วางใจของกันและกัน ก็คงจะสูญหายไปกับกาลเวลาอย่างสิ้นเชิง
หานฉ่ายหลิงเองก็นั่งกระสับกระส่ายนั่ง กลัวว่ายาพิษที่อยู่ในร่างกายของลี่เจิ้น เมื่อทำการทดสอบแล้วจะส่งผลกระทบต่อตัวเอง จึงต้องการที่จะจัดการให้เร็วไว ยิ่งต้องการที่จะจัดการเด็กให้สิ้นซาก เพื่อจะได้ไม่เป็นเสี้ยนหนามในอนาคต แต่คาดไม่ถึงว่า สวรรค์กลับเป็นใจช่วยเธออีกแรง
เพราะเรื่องราวทุกอย่างดันไปเกี่ยวข้องกับจู้สือกรุ๊ป ตั้งแต่การซื้อสารพิษร้ายแรง ไปจนถึงการโอนเงินอย่างปริศนา
และคนในจู้สือกรุ๊ปตั้งแต่ระดับสูงไปจนถึงผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ตั้งแต่สำนักงานใหญ่ไปจนถึงสาขาย่อย ต่อให้ทางตำรวจจะยอมเสียเวลาไปตรวจสอบข้อมูล ก็จะพบแต่เพียงว่า ไม่มีคนใดที่ไปข้องเกี่ยวกับบริษัทลี่ซื่อในเมืองA ที่อยู่ในประเทศจีนนอกจากซูย้าวคนเดียว
และคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการสั่งซื้อ ก็บังเอิญเป็นเธอพอดี
คนที่กลับมาประเทศก็ดันเป็นเธออีก
เมื่อเป็นเช่นนี้จึงไม่ยากที่ทำให้ผู้คนนั้นนำมาเชื่อมโยงปะติดปะต่อกัน ว่าเธอนั้นคือคนที่ทำร้ายลูกเพื่อแลกกับโอกาสการกลับมาประเทศ จากนั้นใช้ลูกเป็นเครื่องมือในการเรียกร้องความรักจากลี่เฉินซี และหวังที่จะค่อยๆพัฒนาความสัมพันธ์ให้ดีขึ้น คลี่คลายความบาดหมาง จนกลับมาคืนดีกันในที่สุด
“ตอนนี้ต่อให้มีหลักฐานมากมายมาแก้ต่าง สำหรับเธอ สำหรับลี่เฉินซี ก็ไม่มีประโยชน์อีกต่อไป เพราะเขาได้มั่นใจไปแล้วว่าเธอคือคนที่ทำร้ายลี่เจิ้ง ซูย้าวเธอคงคิดไม่ถึงสินะ! เพิ่งจะกลับมา แผนการของเธอยังไม่ทันได้เริ่ม ก็กลายเป็นแบบนี้ไปเสียแล้ว!”
ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะเย้ยของหานฉ่ายหลิงที่ดังจากโทรศัพท์ ซูย้าวรู้สึกเหมือนถูกทิ่มแทงอย่างเยือกเย็น ฟังทุกคำที่อีกฝ่ายพูดเธอก็ตกใจจนพูดอะไรไม่ออก
เดิมทีคิดว่าทางตำรวจคงผิดพลาดในการตรวจสอบ คิดว่าที่ลี่เฉินซีฉุนเฉียวเนื่องจากเรื่องของลูกชาย คิดไม่ถึงว่าเรื่องราวทั้งหมดทั้งมวลนี้ ถูกผู้ไม่หวังดีวางแผนไว้หมดแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ต่อให้เธอกระโดดลงแม่น้ำฮวงโหว ก็ชะล้างความผิดออกจากตัวไปไม่ได้!
“ฉันไม่ได้ทำ! ฉันไม่มีทางที่จะทำร้ายเจิ้งเอ๋อ หานฉ่ายหลิง คงเป็นเธอสินะ! เธอเป็นคนวางแผนการทั้งหมดสินะ!” ซูย้าวโต้กลับด้วยสายตาเยือกเย็นที่แฝงไปด้วยความเคียดแค้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
หานฉ่ายหลิงก็ไม่อ้อมค้อม พูดตรงๆออกมา “เป็นฉันแล้วยังไง เธอมีหลักฐานเหรอ คำพูดของเธอยังจะมีคนเชื่ออีกเหรอ”
ชะงักไปสักพักก่อนจะพูดขึ้นอีกว่า “หลายปีมานี้ ที่เธอสามารถอยู่ต่างประเทศได้อย่างราบรื่น ไม่ใช่เพราะหลินโม่ป่ายคอยอยู่ข้างกายเธอหรอกเหรอ ซูย้าว เธอลองเดาดูสิว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นอีก”
จู่ๆหานฉ่ายหลิงเอ่ยถึงชื่อหลินโม่ป่าย จิตใจซูย้าวก็กระสับกระส่ายขึ้น——
“เธอยังจำเรื่องการเสียชีวิตเมื่อห้าปีก่อนของแม่เธอได้ไหม เธอลองคิดดูว่าถ้าหากเกิดมีอีกคนที่มีชะตากรรมเดียวกันกับอันโล๋แล้วจะเป็นอย่างไร”
คำข่มขู่ที่แผ่วเบาเป็นเหมือนเงาที่คอยติดตามตัว หรือบางทีสำหรับคนอื่นแล้ว คำพูดนี้อาจจะไม่มีความหมายอะไร แต่สำหรับซูย้าวแล้ว เหมือนสายฟ้าฟาดตอนกลางวันแสกๆ! เหมือนมีอะไรบางอย่างระเบิดดังใกล้บ้องหู จนดังอื้ออึงสับสนอยู่ในหัวสมอง
การเสียชีวิตของมารดาในตอนนั้น เกี่ยวข้องกับผู้หญิงคนนี้จริงๆ!
แต่ว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เป็นเวลาในการหาคนผิด เธอต้องปกป้องคนรอบข้าง โดยไม่ให้ได้รับความเดือดร้อนเพราะตัวเองอีก จึงตัดสินพูดออกไปว่า “นี่ไม่เกี่ยวกับโม่ป่าย หานฉ่ายหลิง เธออยากทำอะไรก็ให้มาลงที่ฉัน!”
“อุ๊ย ฉันล่ะชอบนิสัยตรงๆแบบนี้ของเธอจังเลย!”
หานฉ่ายหลิงหัวเราะอย่างเยือกเย็น มีความเจ้าเล่ห์อย่างไม่เสแสร้ง เมื่อซูย้าวฟังแล้วจึงเม้มริมฝีปากแน่น แล้วกัดฟันพูด “หานฉ่ายหลิง เธอจงตั้งใจฟังไว้ให้ดี เรื่องราวเมื่อห้าปีก่อน ฉันจะปล่อยไปก่อน แต่ถ้าตอนนี้เธอลงมือกับคนรอบข้างฉันอีก ไม่ว่าจะเป็นโม่ป่าย หว่านหว่าน หรือว่าลูกๆของฉัน ถ้าหากเกิดขึ้นอีกครั้ง ฉันจะไม่ปล่อยเธอไว้แน่!”
นี่ไม่ใช่คำขู่ และก็ไม่ใช่คำเตือน
ซูย้าวพูดออกมาได้ ก็สามารถทำได้
คนบางคนไม่เคยรู้เลยว่า เมื่อคนดีหมดความอดทนเมื่อใดแล้วฉีกถอดหน้ากากออก คนบางคนอาจจะไม่มีโอกาสคุกเข่าอ้อนวอนขอความเมตตาเลยด้วยซ้ำ!!
สำหรับหานฉ่ายหลิงที่ไม่รู้สึกรู้สากับคำข่มขู่ เธอไม่สนใจด้วยซ้ำ พูดออกมาเพียงว่า “อย่างนั้นก็ลองดูสิจ๊ะ!”
“ได้ อย่างนั้นก็ลองดู!”
ซูย้าวรีบวางโทรศัพท์ทันที รู้สึกถึงคลื่นแห่งความอาฆาตที่เย็นยะเยือกมองไม่เห็นพุ่งออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ แล้วลอยผ่านขึ้นมากระจายไปสู่ทั่วร่างกาย
ห้าปีก่อน เธอถูกปรักปรำใส่ร้าย จนต้องสูญเสียสิทธิ์ในการเลี้ยงดูลูก มารดาก็มาเสียชีวิตกลางคันด้วย‘อุบัติเหตุทางรถยนต์’ ซึ่งเธอเองก็คาใจมาตลอด เพียงแต่ขาดหลักฐานเท่านั้น และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ต้องการกลับประเทศมาเพื่อทำการตรวจสอบ
แต่ว่าจากการสนทนาเมื่อสักครู่ ดูแล้วเรื่องราวทั้งหมดคงหนีไม่พ้นหานฉ่ายหลิง ผู้หญิงคนนี้ยังใช้วิธีแบบเดิมๆ และยังข่มขู่ว่าจะทำร้ายคนข้างกายของเธอ โถๆๆหานฉ่ายหลิง ซูย้าวคนนี้จะทำให้เธอรู้จักว่าอะไรคือการหาเหาใส่หัวหรือการรนหาที่ตาย แล้วอะไรที่เรียกว่ากรรมตามสนอง!
วันรุ่งขึ้น โม่หว่านหว่านปรึกษากับเธอเรื่องที่จะส่งซีซีเข้าโรงเรียนอนุบาล ซูย้าวกลับเหม่อลอย จากนั้นมองดูนาฬิกา แล้วพูดเพียงว่ารอให้ตัวเองกลับจากฝรั่งเศสแล้วค่อยคุยกันอีกที ให้ซีซีคุ้นเคยกับชีวิตในประเทศก่อน จากนั้นค่อยส่งเข้าเรียนชั้นอนุบาล
แล้ววานให้โม่หว่านหว่านกับหลินโม่ป่ายช่วยดูแลเด็กน้อยทั้งสองคน ในช่วงบ่ายนั้นเธอก็ได้จัดเตรียมข้าวของเล็กน้อยแล้วเดินทางไปที่สนามบิน
อาศัยในช่วงที่ตำรวจยังไม่ได้สงสัยเธอและตรวจสอบเธออย่างจริงจัง การเคลื่อนไหวของเธอนั้นยังคงเป็นอิสระ ดังนั้นการงานของเธอจึงยังคงขาดไม่ได้
และซูย้าวยังมีอีกหนึ่งจุดประสงค์
การเป็นผู้ต้องสงสัยของเธอ นั้นเกี่ยวข้องกับจู้สือกรุ๊ป ในเมื่อเธอไม่เคยคิดและไม่เคยทำเรื่องที่ทำร้ายเจิ้งเอ๋อ อย่างนั้นจู้สือกรุ๊ปคืออะไร
เป็นเพียงความบังเอิญ หรือว่า…..
เธอหวังว่าเป็นตัวเองที่คิดมากไป เป็นแค่เพียงความบังเอิญเท่านั้น แต่จะให้เพิกเฉยไม่ได้ ในเมื่อเรื่องนี้ทำร้ายถึงเจิ้งเอ๋อ จึงเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของเธอที่ต้องทำการตรวจสอบให้ถึงที่สุด และกระชากหน้ากากของผู้ร้ายตัวจริง
ขณะที่นั่งรอเที่ยวบินอยู่นั้น ก็ได้รับสายโทรศัพท์จากคริสติน หลายปีมานี้ทั้งคู่มีการติดต่อทางด้านธุรกิจตลอด เป็นธรรมดาที่จะกลายมาเป็นเพื่อนกัน
คริสตินรอเธออยู่ที่ลักเซมเบิร์ก ยังพูดขึ้นอีกว่า “การสัมมนาครั้งนี้ ฉันได้เชิญประธานลี่มาด้วย! กลัวว่าเขาจะไม่มา ฉันก็เลยเอ่ยชื่อของเธอ จากนั้นเลขาของเขาก็รีบตอบตกลงทันที พวกคุณมาเที่ยวบินเดียวกันหรือเปล่า”
“เอ่อ…..”
เมื่อเอ่ยถึงลี่เฉินซี หัวใจซูย้าวก็บีบรัดขึ้น แล้วก็หวนคิดถึงการเจอหน้าแล้วทะเลาะกันเมื่อคืน จากนั้นยกริมฝีปากยิ้มเศร้าขึ้น “ไม่ค่ะ ฉันไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับตารางประจำวันของเขา”
คิดว่าเขาในตอนนี้ก็คงไม่อยากจะเจอกับตัวเองสักเท่าไหร่หรอก!
แต่ว่าเป็นเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน การตกเป็นผู้ต้องสงสัยในตอนนี้ เธอเองก็ยังไม่สามารถที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ได้ ถ้าเจอกันอีก ก็มีแต่จะอึดอัดใจ ไม่เจอกันจะดีกว่า
โดยที่ไม่รู้ว่าในเวลานี้ที่ลานจอดเครื่องบินส่วนตัว มีเครื่องบินลำหนึ่งกำลังค่อยๆพุ่งทะยานขึ้น หานฉ่ายหลิงมองดูชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ แล้วยิ้มขึ้นเบาๆ “พักนี้คุณทำงานหนักมากเลยนะ การไปปารีสครั้งนี้ ถือว่าเป็นการไปพักผ่อนในตัวด้วยแล้วกัน อย่าไปคิดเรื่องที่กวนใจ ดีไหม”
ลี่เฉินซีมองเธอเบาๆ มุมปากยิ้มขึ้นจางๆ แล้วก็พยักหน้า ถือเป็นการตอบรับ
เขาไปปารีส เธอไปลักเซมเบิร์ก อยู่ฝรั่งเศสเหมือนกัน แต่เหมือนอยู่ไกลกันคนละโยชน์
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ริมฝีปากหานฉ่ายหลิงยกโค้งขึ้น ถ้าหากไม่ใช่เป็นเพราะเตรียมการไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ครั้งนี้ก็คงถูกผู้หญิงคนนั้นชุปมือเปิบอีก โชคดีที่เธอได้เตรียมการไว้ล่วงหน้า