เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 292
บทที่ 292 ยอมรับนับถือ
น้ำเสียงของลี่เฉินซีเย็นชาเหมือนที่เคยเป็นมา แต่ก็แฝงด้วยความละเอียดอ่อน ราวกับแววตาลึกซึ้งนี้ สามารถค้นหาความจริงได้
“แต่ฉันไม่สนใจ! ฉันแค่อยากเป็นผู้หญิงของคุณ ไม่สนใจสถานะอะไรทั้งนั้น ยิ่งไม่สนใจคนข้างนอกจะพูดกันยังไง ฉันแค่อยากอยู่กับคุณ!” เธอพูดร้อนรน
ลี่เฉินซีส่ายหน้ายิ้ม “เด็กโง่ ปัญหาไม่ได้อยู่ตรงที่คุณใส่ใจหรือไม่”
เขาจะต้องรับผิดชอบผู้หญิงของตัวเอง ไม่ว่าเมื่อไหร่ ขอแค่ผู้หญิงคนนี้เป็นของเขา เขาก็จะทุ่มเทดูแลจนถึงที่สุด
“เอาล่ะ รีบกลับไปเถอะ!” เขาพูดย้ำ
แต่หานฉ่ายหลิงดึงมือเขาไว้ ไม่ยอมปล่อย ก้มหน้าน้อยใจ “งั้นปัญหาคืออะไรคะ”
“คุณจะค่อยๆ เข้าใจเอง ฉ่ายหลิง ถ้าคุณอยากเป็นผู้หญิงของผม งั้นก็ว่าง่ายคอยอยู่เคียงข้างผมละกัน!”
ดวงตาลี่เฉินซีเหมือนหมึกดำยิ่งลึกขึ้น เหมือนคำสัญญาที่ไม่มีวันเป็นจริง ไม่มีประโยชน์อะไรเลย นอกจากให้เธอเฝ้ารอแล้ว ก็ไม่มีทางเลือกอื่น
หานฉ่ายหลิงมองเขา ในใจทันใดนั้นหนักอึ้ง
จ้องมองเบื้องหลังที่เย็นชาของเขา ในใจรู้ดี เขาไม่ยอมรับเธอทั้งหมดนี้ ก็เพราะซูย้าว
เหมือนมะเร็งร้าย ตัดไม่ได้ ลืมไม่ลง ปัญหาหยั่งลึก จึงเกาะติดในหัวใจของตัวเอง ไม่มีทางยอมรับคนอื่นได้อีก
เช้าวันรุ่งขึ้น ซูย้าวปรากฏตัวที่ ป้าหลินกรุ๊ปอีกครั้ง แต่ต่างจากครั้งที่แล้ว ครั้งนี้เจี่ยงหลิน เชิญเธอด้วยตัวเอง
เธอนั่งลงที่โซฟาในห้องทำงาน เจี่ยงหลิน ถือกาแฟสองถ้วยเข้ามา วางลงตรงหน้าเธอถ้วยหนึ่ง และพูดขึ้น “ลองชิมหน่อยรสชาติเป็นไงบ้างครับ”
ซูย้าวหยิบถ้วยกาแฟขึ้นจิบคำหนึ่ง ก็ชมไม่หยุดปาก “นึกไม่ถึงประธานเจี่ยง จะมีฝีมือดีขนาดนี้ นึกไม่ถึงเลยค่ะ”
“ก่อนเปิดบริษัท ผมเคยทำธุรกิจแฟรนชายส์ร้านกาแฟ ไม่ใช่แค่ชงกาแฟเป็นนะ ยังอบเค้กได้ด้วย ถ้ามีเวลาอยากจะชวนให้คุณซูมาลองชิมหน่อย” เขานั่งตรงข้าม ไขว่ห้างเป็นธรรมชาติ ในมือถือถ้วยกาแฟ
ท่าทางสง่างามผ่อนคลาย สบายๆ ดูมีการศึกษา
สุขุมนุ่มลึกตามแบบฉบับ และคำพูดเมื่อครู่ ขัดแย้งกับข้อมูลแบ็คกราวด์ที่ซูย้าวสืบค้นมา แบ็คกราวด์ของ เจี่ยงหลิน ก็คือ ตระกูลเจี่ยงในประเทศแม้จะเรียกไม่ได้ว่าเป็นธุรกิจครอบครัวที่แข็งแกร่ง แต่ก็ถือว่าเป็นตระกูลเศรษฐี และ ป้าหลินกรุ๊ปก็เป็นกิจการที่เขาเริ่มจากศูนย์ สร้างมาเองกับมือ
ลูกนอกสมรส และเป็นผู้นำที่สร้างประโยชน์ให้ตระกูล คนสุดท้ายที่หัวเราะได้ อาจจะไม่มีความสามารถหรือไม่
“ประธานเจี่ยง เชิญดิฉันมาวันนี้ คงไม่ใช่แค่ให้ฉันมาชิมกาแฟใช่ไหมคะ” ซูย้าวพูดตรงเข้าประเด็น สายตามองเขาไม่หลบเลี่ยง
เจี่ยงหลิน เม้มริมฝีปากนิดๆ “คุณซู เป็นคนตรงจริงๆ อย่างนั้นผมจะพูดตรงๆ ละกัน คราวที่แล้วปัญหาที่คุณพูดผม ผมคิดดูแล้ว…”
ตั้งใจลากเสียงยาว สายตาเหมือนกับกำลังครุ่นคิด ยังไม่ตัดสินใจ
ซูย้าวก็ไม่รีบ วางกาแฟในแก้วลง “ไม่ทราบว่าประธานเจี่ยง พิจารณาแล้วผลเป็นยังไงคะ”
“คุณซูอยากให้บริษัทของผมรับผิดอย่างไรล่ะครับ”
เป็นคนฉลาดจริงๆ โยนคำถามกลับมาให้เธอ
ซูย้าวยิ้ม นั่งพิงโซฟา “ป้าหลิน มีธุรกิจหลักเป็นสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ประเภทต่างๆ ขายไปตลาดทวีปอเมริกาเป็นหลัก มี จู้สือกรุ๊ป เป็นตัวแทนจำหน่าย ครั้งนี้สินค้าเกิดปัญหาคุณภาพ ทำให้กลุ่มผู้ซื้อไม่พอใจ มีเสียงร้องเรียนแพร่ออกไป กระทบต่อชื่อเสียงของ จู้สือและ ป้าหลินทั้งสองบริษัท”
“แล้วยังไงต่อ” เขาถาม
เธอมองเขา คำพูดคล่องแคล่ว “ดังนั้น เหมือนกับสัญญาที่เซ็นตอนแรก แบ่งกำไรกันห้าสิบห้าสิบ ความรับผิดก็ควรเป็นคนละครึ่ง ผลกระทบ ต่อจู้สือ บริษัทของคุณรับผิดชอบครึ่งหนึ่งค่ะ”
“คนละครึ่งหรือ รับผิดชอบครึ่งหนึ่ง” เจี่ยงหลิน เหมือนได้ฟังเรื่องตลกชวนหัว
เขาลุกขึ้นยืน พึมพำไปมา แล้วพูดอีก “คุณรู้ไหมประโยคนี้คนละห้าสิบ ความรับผิดชอบครึ่งหนึ่งสำหรับบริษัทผม จะเกิดผลกระทบขนาดไหน ผมจะเสียเงินขนาดไหน”
เมื่อได้ฟังเขาพูด ซูย้าวเลิกคิ้ว ริมฝีปากคล้ายจะยิ้ม “ความสูญเสียและผลกระทบ ไม่ใช่แค่บริษัทของคุณนี่คะ กับจู้สือ ก็เหมือนกัน อีกอย่างถ้าหาต้นเหตุแล้ว สาเหตุครั้งนี้ ก็เริ่มมาจากบริษัทคุณ! พวกเราไม่ได้ขอเลิกสัญญา และยังไม่ให้ ประธานเจี่ยง รับผิดชอบค่าปรับผิดสัญญามหาศาลด้วย ก็เห็นแก่มิตรภาพหลายปีของสองบริษัทแล้ว จริงไหมคะ”
“อ้อ” เจี่ยงหลิน หัวเราะ ไม่พอใจแต่ยิ้มออกมา “ดูท่า ผมควรจะขอบคุณคุณซูสินะ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ต้องขอบคุณหัวหน้าของฉัน หรือไม่ก็เกอโบร์นิ”
เกอโบร์นิ หรือก็คือคาร์ เป็นรองประธานบริษัทที่รับผิดชอบความร่วมมือกับ ป้าหลินกรุ๊ปมาตลอด
เจี่ยงหลิน มองเธอ ใบหน้าโกรธนิดๆ สีหน้ายุ่งยากใจ
ซูย้าวเห็นเป็นเช่นนี้ ดูเหมือนวันนี้เขาคงยังไม่ให้คำตอบ ก็หยิบกระเป๋าลุกขึ้น “ประธานเจี่ยง ทำธุรกิจมานาน คงจะเข้าใจอะไรเรียกว่าน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า ตอนมีเงิน ทุกคนร่วมกันได้เงิน เกิดเรื่องแล้ว ต้องร่วมกันรับผิดชอบ จะให้ จู้สือรับผิดชอบฝ่ายเดียวคงไม่ได้หรอกค่ะ!”
เธอยิ้มบางๆ อ่อนโยน ไม่เสียมารยาทแต่น้อย หมุนตัวจะเดินออกไป
ด้านหลังก็มีเสียงของ เจี่ยงหลินดังขึ้นอีกครั้ง——
“คุณซู ทำงานตรงไปตรงมา ทำตามระเบียบไม่ยอมถอยสักนิด สมกับที่พูดกันว่าความสามารถสตรีไม่ด้อยกว่าบุรุษ นับถือจริงๆ!”
เธอชะงักฝีเท้า หันมายิ้มอ่อนโยนมากขึ้น พูดเพียงแต่ “ไม่กล้าค่ะ ดิฉันเพียงแต่ทำงานตามคำสั่งเท่านั้น!”
“พูดได้ดีเพียงแต่ทำตามคำสั่ง!” เจี่ยงหลิน เดินเข้ามา มองหญิงสาวอ่อนหวาน สายตาเคร่งขรึม “นายจ้างที่ทำให้ คุณซูทำงานตามคำสั่งได้ เป็นเรื่องที่น่ายินดี ไม่รู้ว่า จู้สือ ให้เงินเดือนคุณเท่าไหร่ ไม่ลองเสนอมาล่ะครับ ย้ายมาทำงานกับผม”
คำพูดของเขาเบาๆ รอยยิ้มบางๆ บนใบหน้า ซูย้าวเห็นชัดเจน เขาไม่ได้กำลังล้อเล่น
“ประธานเจี่ยง พูดตลกเก่งจังค่ะ!” เธอกลอกตา ตั้งใจเปลี่ยนเรื่อง
เจี่ยงหลิน กลับพูดแก้ไขให้ถูกต้อง “ผมไม่ได้ล้อเล่น ผมจริงจัง คุณบอกเงื่อนไขหรือเงินเดือนมาได้เลย ไม่ว่าเท่าไหร่ ผมรับได้!”
การตกลงที่เป็นธรรม และค่าตอบแทนสูง ทำให้ซูย้าวอดที่จะสงสัยไม่ได้
เธอถาม “ดิฉันกับ ประธานเจี่ยง เจอกันแค่สองครั้ง คุยกันไม่ถึงสองชั่วโมง คุณให้เกียรติฉันมากไปหรือเปล่าคะ หรือคุณชอบทำอะไรไม่รอบคอบคะ”
เจี่ยงหลิน อดที่จะเผยอมุมปาก ยิ้มออกมาไม่ได้ “เพราะเป็นคุณไงครับ ต่อให้ไม่รอบคอบ ผมก็เต็มใจ!”
“…”
ประโยคนี้ ยิ่งเพิ่มความสงสัยในใจลึกๆ ของซูย้าว
จำได้ตอนที่ยังไม่ได้เจอ เจี่ยงหลิน เลขาเคยเล่า ระหว่างเธอกับ ประธานเจี่ยง คนนี้ มีความข้องเกี่ยวเล็กๆ ที่บอกที่มาไม่ได้ ตอนนี้เธอยังคิดว่าเข้าใจผิดแล้ว แต่ตอนนี้ดูแล้ว เธอจะคิดง่ายเกินไปแล้ว
“ ประธานเจี่ยง ให้ความเมตตา ทำให้ฉันประหลาดใจมาก แต่ฉันทำงานที่จู้สือ เคยชินแล้ว ไม่คิดจะย้ายงานค่ะ ต้องขอโทษจริงๆ!” เธอตอบอย่างสุขุม ปฏิเสธข้อเสนอไปตรงๆ
สายตาของเจี่ยงหลิน ที่มองเธอยิ่งลึกซึ้ง ยิ่งซับซ้อน “บริษัทที่ทำให้คุณซูเป็นอย่างนี้ เต็มใจทุ่มเททำงานเพื่อบริษัทและนายจ้าง น่าอิจฉาจริงๆ”
ซูย้าวหลบตานิดหนึ่ง ไม่อยากจะสนทนาหัวข้อนี้ต่อไป
เธออยากจะกล่าวลา แต่ เจี่ยงหลิน ดูเวลาก่อน พูดขึ้น “เวลามื้อเที่ยงพอดี ถ้าผมเชิญคุณซูกินข้าวสักมื้อ จะให้เกียรติผมได้ไหมครับ”
เจี่ยงหลิน คนนี้ ดูเผินๆ ให้ความรู้สึกลึกลับยากที่จะคาดเดา แต่เมื่อสัมผัสแล้ว รู้สึกว่าเขาชอบแกล้งทำเป็นอ่อนแอเพื่อทำให้อีกฝ่ายประมาท ใช้รูปลักษณ์ภายนอกที่เป็นภาพลวง หลอกลวงทุกคน ปิดบังความลับที่ซ่อนในใจ
แวบหนึ่ง ซูย้าวคล้ายกับคิดอะไรได้
บางทีผู้ชายคนนี้ อาจทำให้เธอมีวิธีเหมาะสมที่สุด ออกจาก จู้สือกรุ๊ป
เมื่อได้รับเทียบเชิญ เธอไม่ปฏิเสธ ตอบรับอย่างเปิดเผย ไปกินข้าวกับ เจี่ยงหลินที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
เพิ่งจะนั่งลง พนักงานยังไม่ทันเอาเมนูมาให้ ประตูร้านอาหารก็เปิดอีกครั้ง ลี่เฉินซีกับหานฉ่ายหลิงก็มาที่นี่ ในเวลาแทบจะพร้อมกัน
เจี่ยงหลิน มองเห็นเขา ก็ยกมือทักทาย “บังเอิญจังครับ ประธานลี่ ไม่เจอกันตั้งนาน!”
ลี่เฉินซีเมื่อได้ยินเสียง สายตาก็มองไปตามเสียงนั้น
อารมณ์บนใบหน้าเย็นชาไม่เปลี่ยนแปลง ต่างจากเขาที่นิ่งเฉย หานฉ่ายหลิงเห็นซูย้าวอยู่ไม่ไกล ก็เชิดริมฝีปากแดงสดแสนเย็นชา