เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 294
บทที่ 294 รอดูละครสนุกๆ เถอะ
รถไมบัคสีดำทะยานไปบนถนน มุ่งหน้าไปทาง K กรุ๊ป ภายในรถพื้นที่ไม่กว้างมากนัก หานฉ่ายหลิงจิตใจไม่สงบ สายตาเหลือบไปมองชายหนุ่มที่ขับรถ พูดขึ้นอย่างลังเล——
“อะไรเรียกว่าเจตนาแอบแฝงคะ เฉินซี คุณหมายความว่ายังไงคะ”
เธอไม่คงสงสัยถามเขา ไม่ว่าเรื่องงาน หรือการใช้ชีวิต ในเมื่อสองคนดูเหมือนสนิทกัน แต่แท้จริงจืดจางเหมือนน้ำเปล่า ถึงขั้นพูดได้ว่าไม่มีเยื่อใยต่อกัน ความรู้สึกที่เขามีให้เธอ ลึกลับยากจะคาดเดา มองได้ไกลๆ แต่เข้าใกล้ไม่ได้
ไม่รู้ว่าความห่างเหินนี้ เกิดขึ้นเพราะอะไรกันแน่
เธอจำได้ ห้าปีก่อนระหว่างสองคน ดูเหมือนก็เป็นอย่างนี้ เขาในตอนนั้น แม้จะแต่งงานมีครอบครัว ไม่มีอิสระ แต่ยังห่วงใยเธอจริงๆ
แต่ตอนนี้ เขาอิสระแล้ว ใจกลับปิดกั้น ทำอะไรเปิดเผยได้ แต่ไม่ยอมมาตลอด ให้ความอ้างว้างโดดเดี่ยวห่อหุ้ม และไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ทั้งนั้น
หานฉ่ายหลิงไม่เข้าใจเขามากขึ้นเรื่อยๆ
ลี่เฉินซีที่กำลังขับรถ สีหน้าเคร่งขรึมไม่มีอารมณ์อะไร ในหัวย้อนกลับไปที่โต๊ะอาหารเมื่อครู่ บทสนทนาของหานฉ่ายหลิงกับ เจี่ยงหลิน เธออวยพรซูย้าวจากใจจริงหรือ
ไม่น่าจะใช่
ดังนั้นตอนนี้ เขาจึงตอบเพียงแค่ “คุณรู้สึกอย่างไรล่ะ”
หานฉ่ายหลิงขมวดคิ้ว ”อะไรคือฉันรู้สึกยังไง คุณคิดว่าฉันไม่อยากจับคู่ซูย้าวกับเจี่ยงหลิน หรือคะ ไม่ใช่ซะหน่อย! พวกเขาเหมาะกันมากจริงๆ…”
“อ้อ เหมาะกันหรือ”
สองคำนี้ เมื่อเข้าหูลี่เฉินซี ทำไมฟังแล้วบาดหูเหลือเกิน!
หานฉ่ายหลิงก็สังเกตเห็นเขาขมวดคิ้วแน่น แววตาไม่พอใจ ก็พูดขึ้น “คุณลองคิดดูสิคะ เจี่ยงหลิน คือประธานบริษัท ไม่ว่าจะเป็นแบ็คกราวด์ของตระกูล หรือความสามารถและหน้าตา ก็ไม่เลว คบหากับซูย้าว ไม่เรียกว่ากิ่งทองใบหยกหรือคะ”
หยุดไปครู่หนึ่ง เธอก็เอียงตัวมองเขา เหมือนเดาอะไรบางอย่าง รีบพูด “คุณคิดว่าฉันไม่ได้อวยพรพวกเขาจากใจจริงหรือคะ”
“คุณจะทำหรือ” ลี่เฉินซีใบหน้าตึง สายตายิ่งดูลึกลับ
หานฉ่ายหลิงถาม “ทำไมถึงไม่ล่ะคะ คุณคิดว่าคดีจับตัวเมื่อห้าปีก่อน ฉันยังแค้นซูย้าวหรือคะ”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เธอหันไป อดไม่ได้ที่จะยักไหล่ยิ้ม “ขอร้องล่ะ เรื่องก็ผ่านมาตั้งนานแล้ว ความแค้นใหญ่แค่ไหน เวลาผ่านไปก็คลี่คลาย ต่อให้ตอนนั้นฉันแค้นเธอจริงๆ โดยเฉพาะคิดถึงตอนที่ตัวเองถูก…”
เธอพูดไปเรื่อยๆ ความทรงจำย้อนไปถึงตอนนั้น น้ำเสียงเคร่งขรึมลง ขณะที่สีหน้าก็หม่นหมองลง
ลี่เฉินซีจ้องมองท่าทางของเธอ รีบยกมือขึ้นกุมมือเธอ เสียงอ่อนโยน “มันผ่านไปแล้ว! อย่าคิดมาก!”
“ฉันเคยแค้นเธอ แค้นที่เธอจ้างคนมาลักพาตัวฉัน และยังทำให้ฉันไม่ได้รับความไม่เป็นธรรม สองปีมานี้รับชาร์ลี มาอยู่ด้วย เห็นเขาเติบโตขึ้นทุกวัน ฉันก็ปลดปล่อยตัวเองแล้ว เขาเป็นของขวัญที่สวรรค์มอบให้ เป็นความกรุณาอย่างหนึ่ง ไม่ว่าตอนนั้นจะเจออะไร มันก็ผ่านไปแล้ว ไม่ว่าความแค้นจะใหญ่แค่ไหน ต้องมีวันหนึ่งที่ปล่อยวางได้ ไม่อย่างนั้น หากแก้แค้นต่อกัน เมื่อไหร่ถึงจะสิ้นสุดล่ะคะ”
คำพูดเช่นนี้ แทบจะทำให้
ลี่เฉินซีรู้จักเธอใหม่อีกครั้ง เสี้ยววินาทีที่เอียงหน้ามองเธอ ราวกับหานฉ่ายหลิงในตอนแรก กลับมาอยู่ข้างเขาอีกครั้ง
ถึงกับรู้สึกว่ายากจะเชื่อ
เธอมองเห็นความแปลกใจในสายตาของเขา หานฉ่ายหลิงจับมือเขา เอียงศีรษะสบกับไหล่ของเขาอย่างเป็นธรรมชาติ กระซิบ “ตอนนี้ฉันแค่อยากใช้ชีวิตมีความสุข ดูแล ชาร์ลี ให้ดี หวังว่าเจิ้งเอ๋อจะฟื้นโดยเร็ว อีกอย่าง ถ้าหากเป็นไปได้ อยู่ในความสามารถของฉัน ก็หวังว่าซูย้าวจะมีความสุข”
ความเห็นอกเห็นใจ สงบและเป็นธรรมชาติเพียงใด หานฉ่าหลิงแสดงภาพลักษณ์ของผู้หญิงที่อ่อนโยนมีน้ำใจและมีความรู้ออกมาเต็มที่ สิ่งที่ได้มา ย่อมเป็นความชื่นชมในสายตาของลี่เฉินซี
ใครจะไปรู้ เมื่อหันไป รอยยิ้มที่ริมฝีปากของหานฉ่ายหลิง ร้ายกาจโหดเหี้ยม เหมือนแมงป่องพิษซ่อนในที่มืดตลอดปี แตะเพียงนิดเดียว ก็ปลิดชีพคนได้!
แน่นอนว่าเธอต้องการ ‘จับคู่’ เจี่ยงหลินกับซูย้าว
มีแต่อย่างนี้ ถึงจะแสดงละครได้ดีขึ้น ไม่ใช่หรือ ผู้หญิงคนนั้นใช้เวลาไม่นานก็จะรู้ เจี่ยงหลิน คนนี้ ก็เป็นเผือกร้อนเช่นกัน คือคนที่เธอแหย่ไม่ได้เด็ดขาด!
เมืองA ในประเทศ
ซูย้าวไปทำงานที่ฝรั่งเศส เวลาผ่านไปสัปดาห์กว่าแล้ว ฝากโม่หว่านหว่านดูแลซีซีกับเตียวเตียว แต่เธอต้องทำงาน จึงต้องจ้างพี่เลี้ยงชั่วคราวสองคน
หลินโม่ป่ายช่วยเด็กๆ หาโรงเรียนอนุบาล พาพวกเขาไปดูแล้ว เด็กสองคนพอใจมาก รอเพียงซูย้าวกลับมาค่อยตัดสินใจ
ปล่อยให้เด็กสองคนกับพี่เลี้ยงอยู่ในโรงแรม โม่หว่านหว่านกับหลินโม่ป่ายต่างไปทำงาน ห้องชุดใหญ่โต เด็กสองคนเล่นสนุกในห้อง
ซีซีนั่งเงียบๆ ที่มุมหนึ่ง ในมือถือหนังสือเล่มหนึ่ง กำลังพลิกอ่าน
“ทำไมเธอเอาแต่ดูหนังสือล่ะ” เตียวเตียวเล่นคนเดียวนานมาก รู้สึกไม่สนุก เลยวิ่งมาหาเธอ
ซีซีไม่สนใจเขา ยังคงจดจ่อกับการอ่านหนังสือนิทานในมือ
“เธอพูดไม่ได้จริงๆ หรือ หรือว่าไม่ยอมพูด” เตียวเตียวเอียงหัวมองเธอ
รู้จักกันมาหลายวัน ความสนิทสนมระหว่างเด็กสองคนเร็วมาก แม้ว่าซีซีจะไม่เป็นเพื่อนเล่นกับเขา แต่ก็ชอบมองเตียวเตียวเล่นคนเดียว
อย่างเช่นเตียวเตียวต่อบล็อกไม้เป็นของต่างๆ บ้าน ปราสาท รถยนต์พวกนี้ ซีซีก็ชอบนั่งข้างๆ ไม่พูดไม่จา
“เธอขืนไม่พูดอย่างนี้ เดี๋ยวไปโรงเรียนอนุบาล ต้องมีคนรังแกเธอแน่!” เตียวเตียวเบะปาก หยิบตุ๊กตาโยนใส่เธอ
ซีซีเก็บตุ๊กตาขึ้น ถลึงตาใส่เขา ท่าทางบ่งบอก “นายยุ่งอะไรด้วย”
“เฮ่อ” เตียวเตียวถอนหายใจ ส่ายหัวจนใจ “ช่างเถอะ เอาอย่างนี้! ไปอนุบาลแล้ว ถ้ามีคนรังแกเธอ มาบอกฉันนะ ฉันจะช่วยตีพวกมันเอง!”
ซีซีมองเขา ใบหน้าบ่งบอกว่าไม่เชื่อเขา
“จริงๆ นะ! ฉันปกป้องเธอได้!” เตียวเตียวกอดอกรับประกัน
แต่ในเสี้ยววินาทีต่อมา ก็แสดงออกอย่างซุกซนอีก “ก็ใครใช้ให้เธอน่าสงสารล่ะ ไม่พูดไม่จา เหมือนคนใบ้ ช่าง…”
“เธอสิคนใบ้!”
คำพูดที่ดังขึ้นกะทันหัน ทำให้เตียวเตียวตกตะลึง
เขากะพริบตาโตดำขลับปริบๆ จ้องมองซีซีตกใจสงสัย “เธอ…เธอพูดได้หรือ”
“ฉันพูดได้ ก็แค่ไม่อยากพูด!” ซีซีผลักเขารำคาญ ลุกขึ้นปีนขึ้นเตียงอย่างรวดเร็ว
เตียวเตียวนั่งบนพื้นพรมยังตกตะลึง เขาเคยรับปากกับซูย้าว จะหาวิธีทำให้ซีซีพูด แต่ตอนนั้นเขาแค่พูดเล่นๆ เด็กจะมีความอดทนสักเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ดูแล้ว เขาทำสำเร็จแล้ว!
ครู่หนึ่ง เตียวเตียวรีบลุกขึ้นค้นหาของ ในห้องหาไม่เจอ จะวิ่งออกไปข้างนอก แต่ซีซีขวางไว้ “เธอหาอะไร”
“มือถือ! ฉันจะบันทึกที่เธอพูด เป็นหลักฐานให้คุณน้า!” เขาพูด
ซีซียกมือขึ้นเคาะหัวของเขา “ไม่ได้!”
เตียวเตียวลูบหัวไม่รู้จะทำอย่างไร “เธอตีคนด้วย!”
“เรื่องนี้จะบอกแม่ไม่ได้!” เธอพูด
เตียวเตียวไม่เข้าใจ มีคำถามผุดขึ้นเต็มหน้า “ทำไมล่ะ”
“เพราะ…”
ซีซีอยากจะบอกเหตุผล แต่เมื่อความคิดในหัวเจอเข้ากับหัวข้อนี้ จิตใต้สำนึกก็นึกอะไรขึ้นมาได้ ใบหน้าซีดเผือดทันที หวาดกลัวหลบขึ้นไปบนเตียง หดตัวใต้ผ้าห่ม แม้แต่หัวก็มุดเข้าไป
เตียวเตียวตะลึง ค่อยๆ เลิกผ้าห่มขึ้น “เธอเป็นอะไร เพราะอะไรหรือ”
“ฉันไม่บอก! ไม่ต้องถามแล้ว! เรื่องนี้ห้ามบอกแม่เด็ดขาด!” ซีซีดื้อดึงมาก มองเตียวเตียว เธอยังขู่อีก “ถ้าเธอปากมาก ฉันจะบอกแม่เธอรังแกฉัน ให้แม่โยนเธอออกไป! เป็นเด็กเร่ร่อน! เก็บขยะ กินขยะ!”
“…”
เตียวเตียวพูดไม่ออก ถอนหายใจจนปัญญา บ่นพึมพำ “เธอร้ายจริงๆ ตามใจ โอเคยัง!”