เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 295
บทที่ 295 มีแขกมาหา
รถของเจี่ยงหลิน จอดที่หน้าประตูโรงแรม ลงจากรถเป็นสุภาพบุรุษ เดินอ้อมไปที่นั่งข้างคนขับ ยื่นมือไปบังที่เหนือประตูรถ ป้องกันเธอหัวชนตอนลงจากรถ
ท่าทางละเอียดอ่อน ความเป็นสุภาพบุรุษ ทำให้รู้สึกประทับใจได้ง่าย
“ขอบคุณค่ะ ประธานเจี่ยง” ซูย้าวยิ้มแสดงความขอบคุณ ถือกระเป๋าเตรียมบอกลา
เจี่ยงหลิน พิงตัวกับรถ ควักบุหรี่ออกมาท่าทางสบายๆ ขณะที่จุดบุหรี่ ก็พูดขึ้น “ไม่แปลกใจหรือครับทำไมผมรู้จักพวกเขา”
“พวกเขา” ที่เขาพูดถึงหมายถึงใคร ซูย้าวเข้าใจดี
เธอชะลอฝีเท้า หันมายิ้มอย่างมีมารยาท “ประธานลี่กับคุณหานก็เหมือนกับประธานเจี่ยง ต่างเป็นนักธุรกิจ รู้จักกันก็ไม่แปลกนี่คะ หรือว่าไม่ใช่”
เขาแย้มยิ้ม “ถ้าพวกเราไม่ได้รู้จักกันเพราะเรื่องธุรกิจล่ะครับ”
ซูย้าวเลิกคิ้วนิดหนึ่ง ท่าทางแปลกใจ “เอ๊ะ”
“ที่จริงผมรู้ ความสัมพันธ์ในอดีตและปัจจุบันของคุณกับลี่เฉินซี” ขณะที่พูดก็ดีดขี้บุหรี่
เธอยิ้ม “รู้แล้วยังไงคะ คนที่มีแบ็คกราวด์แบบ ประธานเจี่ยง รู้จักคนมากขึ้นไม่กี่คนก็ไม่เห็นแปลกอะไร หรือว่าฉันควรจะแปลกใจหรือคะ”
คำพูดชมเชยเรียบๆ ความหมายปฏิเสธ พูดอย่างไม่สนใจ ขนาดนี้แล้ว เจี่ยงหลินมองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า ดูเหมือนรู้สึกนอกเหนือจากเปลี่ยนมุมมองใหม่
ถ้าจะพูดให้ตรงขึ้น คือความรู้สึกนั้นที่ผู้ชายมีต่อผู้หญิง
ถ้าจะเทียบกับความเซ็กซี่เย้ายวนของซูหยวน คนที่อยู่ตรงหน้า เป็นผู้หญิงสวยที่หาได้ยาก อาจพูดได้ว่าในทุกด้าน ทำให้ผู้ชายหลงใหล ตั้งแต่หัวจรดเท้า ทำให้รู้สึกหวั่นไหว
“ประธานเจี่ยง ดึกแล้ว คุณกลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ!” ซูย้าวยิ้มอย่างมีมารยาท หมุนตัวจะเดินผละไป
ขณะที่กำลังจะเดินไป ก็มีเสียงของเจี่ยงหลิน ดังขึ้นทางด้านหลัง ——
“คุณต่างกับเธอจริงๆ!”
ประโยคนั้น ทำให้ซูย้าวงงงวย สายตาประหลาดใจนิดหนึ่ง จะหันไปแสดงท่าทางสงสัย กลับเห็น เจี่ยงหลินโยนบุหรี่ในมือทิ้งแล้ว ทำมืออำลาให้เธอ ขึ้นรถจากไป
“เธอหรือ”
คือใครกันนะ
ซูย้าวเหยียดริมฝีปากนิดหนึ่ง ในใจคิดว่าเขาคงจะหมายถึงหานฉ่ายหลิง! ขี้คร้านจะคิดมาก ขึ้นไปชั้นบน เข้าห้องอาบน้ำ
ยุ่งทั้งวัน เหนื่อยมากจริงๆ
ของที่เดินช็อปปิ้งเมื่อวาน วันนี้มาส่งแล้ว ในห้องของวางเต็ม เธออาบน้ำเสร็จ สวมเสื้อคลุมเป่าผม ตรวจสอบของคร่าวๆ ของที่ซื้อมาเยอะมาก พรุ่งนี้ค่อยให้คนส่งไปที่สนามบินละกัน
เพิ่งจะนั่งลงไม่เท่าไหร่ โม่หว่านหว่านก็วีดิโอคอลมาคุย เธอนั่งพิงโซฟา รับสายนั้น
“ซูย้าว เธอจะกลับมาเมื่อไหร่”
พอรับสาย ปลายสายก็มีเสียงของโม่หว่านหว่านดังมาเหมือนเสียงระเบิด ซูย้าวอึ้งนิดหนึ่ง ย้อนถามสีหน้าแปลกใจ “ทำไมล่ะ”
“ฉันถามเธอจะกลับเมื่อไหร่” โม่หว่านหว่านอารมณ์ไม่ค่อยดี พูดได้ว่าร้อนใจมาก
ซูย้าวคิดนิดหนึ่ง “อีกสองสามวันมั้ง! ฉันติดตามเรื่องที่อยู่ในมืออีกหน่อย ก็จะรีบกลับทันที!”
เรื่องชดเชยของ ป้าหลินกรุ๊ป เธอเคยคิดแล้ว ต่อให้ทำไม่สำเร็จ ความรับผิดชอบไม่ได้อยู่ที่เธอ เพียงแต่ช่วย คาร์ที่ไม่สามารถปลีกตัวมาที่นี่ได้ก็เท่านั้น เพียงแต่เรื่องนี้ ทำให้เธอคิดหาวิธีดีๆ ที่จะออกจาก จู้สือได้
“สองสามวันหรือ” โม่หว่านหว่านเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง คิดๆ แล้ว พูดขึ้น “โอเค! สองสามวันนะ เธอรีบกลับมาเร็วๆ!”
ซูย้าวขมวดคิ้ว คิดอะไรขึ้นมาได้ รีบถาม “เกิดอะไรขึ้นกันแน่ หรือว่าซีซีไม่สบาย หรือว่า..”
โม่หว่านหว่านรีบส่ายหน้า “ซีซีไม่เป็นอะไร เด็กที่เธอเก็บมานั่นแหละ! ซนมาก! เด็กเปรตซนจริงๆ!”
หยุดไปครู่หนึ่ง โม่หว่านหว่านก็เริ่มเข้าโหมดจู้จี้ บ่นเป็นหมีกินผึ้ง “ฉันรู้แล้วทำไมครอบครัวอุปถัมภ์เยอะแยะถึงไม่อยากได้ เด็กนี่ ถ้าฉันเป็นแม่ คงโยนมันทิ้งไปนานแล้ว! ทรมานคนเก่งเหลือเกิน!”
“ฉันเพิ่งเก็บกวาดห้องเสร็จ ไม่เท่าไหร่ ก็ถูกเจ้าเด็กนี่ทำเละอีก! แล้วยังมีเครื่องสำอางเยอะแยะอีก ถูกมันทำเละหมด! ของเล่นพวกนั้น ก็พังเสียหายหมด ที่เธอเก็บมาน่ะ ไม่ใช่เด็ก แต่เป็นหัวหน้าทีมรื้อถอน!”
“ฮัสกี้ยังร้ายสู้มันไม่ได้! สำคัญที่ฮัสกี้เป็นหมา ยังเข้าใจได้ แต่นี่เป็นคนนะ! มีใครเป็นอย่างนี้! เด็กซนน่าปวดหัว เธอรีบกลับมาไล่มันไป! เด็กบ้าอะไร!”
ไม่บ่อยที่โม่หว่านหว่านจะอารมณ์อย่างนี้ ซูย้าวมองเธอที่หงุดหงิดอารมณ์เสียในจอ ฟังคำพูดบ่นเป็นหมีกินผึ้ง ราวกับคิดถึงเตียวเตียวเด็กคนนี้ ตอนซุกซน คงจะ…
ทำให้คนอื่นยากที่จะรับได้!
ในเมื่อเด็กห้าขวบ เป็นช่วงอายุที่ซนที่สุด
“เตียวเตียวซนขนาดนี้เชียวหรือ” ซูย้าวแทบจะไม่กล้าคิด
โม่หว่านหว่านสูดลมหายใจลึก พยายามสงบสติอารมณ์ “ช่างเถอะ ฉันเห็นแก่ที่มันเป็นเด็ก เมื่อก่อนเจอเรื่องน่าสงสารอย่างนั้น ฉันยอมแล้ว แต่ว่า เด็กคนนี้เธอเป็นคนเก็บมา เธอดูแลเอง! ฉันไม่สน!”
“…”
“อีกเรื่อง เธอรีบกลับมา ซีซีจะต้องเข้าอนุบาลแล้ว!”
“โอเค”
โม่หว่านหว่านบ่นกับเธออีกหลายเรื่อง ซูย้าวพยายามตั้งใจฟัง แทบทุกเรื่องเกี่ยวกับเตียวเตียว
เฮ่อ เป็นเด็กที่ทำให้วางใจไม่ได้เลย…
ยังสนทนากันไม่จบ จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ซูย้าวคิดว่าเป็นรูมเซอร์วิส หรือมาส่งกาแฟทำนองนั้น
ประตูเปิดออก เสี้ยววินาทีที่เห็นคนที่อยู่ข้างนอก ซูย้าวตกตะลึง
อากาศแข็งตัวในพริบตา บรรยากาศเงียบกริบ ทำให้โม่หว่านหว่านที่อยู่ห่างออกไปอีกซีกหนึ่งของโลกก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ รีบถาม “ย้าวย้าว เกิดอะไรขึ้น ใครมา ใครเหรอ”
ฝ่ายนั้นยิงคำถามเยอะแยะ ซูย้าวรู้สึกตัว แต่ไม่ว่างคุยต่อ ได้แต่พูดว่า “หว่านหว่าน ฉันมีธุระนิดหน่อย เดี๋ยวค่อยติดต่อเธอไปนะ”
จากนั้น ก็วางสาย
โม่หว่านหว่านยังหงุดหงิด มองมือถือที่กลับไปหน้าจอหลัก สีหน้าอึ้ง ยังไม่ทันโทรกลับไป หรือส่งข้อความถาม ก็มีเสียงดังสนั่นขึ้น เหมือนของบางอย่างตกแตก
ตอนนั้นเอง เธอขมวดคิ้วแน่น รีบโยนมือถือทิ้ง ลุกขึ้นบ่นอย่างโมโห “เตียวเตียว จอมสร้างปัญหา ทำอะไรอีกล่ะ”
สาวเท้าไปทางห้องนอน พอผลักประตู ก็เห็นเตียวเตียวนั่งบนพื้นส่ายหน้า พยายามอธิบาย “ไม่ใช่ผม! ผมไม่ได้ทำอะไรเลย!”
โม่หว่านหว่านกวาดตามองในห้อง ซีซีนั่งบนเตียงอ่านนิทานจริงจัง เหมือนเด็กฉลาด
แล้วมองไปที่พื้น ของเล่นเกลื่อนกลาด กระจัดกระจายเต็มพื้น ส่วนเสียงดังเมื่อครู่ ก็คือแจกันตกลงมาจากโต๊ะ แม้ว่าจะไม่แตก แต่ดอกไม้สดกระจายเต็มพื้น และยังมีน้ำเจิ่งนอง จนพรมเปียก
โม่หว่านหว่านหน้าดำหน้าแดง จ้องมองเตียวเตียว “ไม่ใช่แกทำ แล้วผีที่ไหนทำ”
“แต่ว่า…”
เตียวเตียวหันไปมองซีซีบนเตียงอีกครั้ง อีกฝ่ายเงียบเฉย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นรอบตัว เขาถอนหายใจไม่รู้จะทำอย่างไร หดคออย่างเร็ว
โม่หว่านหว่านจ้องมองเด็กเปรตตรงหน้า เดือดเป็นฟืนเป็นไฟ หัวเริ่มปวดแทบระเบิด
เตียวเตียวถูกเธอโยนไปข้างหนึ่ง ให้เขายืนนิ่งๆ ข้างหนึ่ง ครุ่นคิดความผิดของตัวเอง
ขุ่นเคืองใจหันกลับไปมอง ซีซีที่นั่งบนเตียง กลับแลบลิ้นใส่เขา ท่าทางล้อเล่น น่ารักเหมือนตุ๊กตา
ขณะที่ฝรั่งเศส ซูย้าวมองแขกที่มาเยือน สีหน้าตะลึงแล้ว สายตาก็ค่อยๆ สงบ เอียงตัวให้อีกฝ่ายเข้ามาในห้อง
เมื่อประตูปิดลง ก็เห็นอีกฝ่ายยืนสบายๆ ตรงนั้น หันมามองเธอ พูดขึ้น “ไม่เจอกันหลายปี นึกไม่ถึงยัยใบ้ จะพูดได้แล้ว