เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 296
บทที่ 296 ฉันไว้หน้าเธอมากพอแล้ว
ห้องชุดโรงแรมหรูหรา ซูย้าวยืนเอียงตัวพิงประตูห้องสบายๆ สายตาเย็นชามองหญิงสาวในห้อง ริมฝีปากแดงอ่อนขยับนิดหนึ่ง ดวงตาคู่งามเย็นชา บรรยากาศเย็นเยือก
“แต่ฉันคิดว่า ยัยใบ้ตอนนั้น ก็ดีออก!”
เมื่อได้ยินคำพูดอีกฝ่าย ซูย้าวยิ้มบางๆ บ่งบอกความหมายของการเสียดสี “น่าเสียดายสวรรค์ไม่ให้เธอสมใจ จริงมั้ย”
เมื่อเห็นดวงตาล้ำลึกของหญิงสาว ซูย้าวพูดขึ้นอีก “ไม่ได้เจอกันเกือบห้าปีแล้วใช่มั้ย! ซูหยวน”
ซูหยวนพยักหน้านิดๆ แต่งตัวสวยงามใบหน้าเรียกได้ว่าแต่งหน้าจัด ริมฝีปากแดงสด สายตาที่มองเธอ มีความแค้นที่ขมขื่นอยู่ลึกๆ “เธอควรจะเรียกฉันพี่สาวหน่อยมั้ย”
“พี่สาวหรือ” ซูย้าวพูดซ้ำเบาๆ แต่ฟังแล้วเหมือนเสียดสีมาก ยังคงกดความแค้นเต็มอกไว้ พูดแค่เพียง “อยากให้คนอื่นเรียกเธอ “พี่สาว” เธอก็ต้องทำทุกอย่างที่พี่สาวควรทำ แต่น่าเสียดาย เท่าที่ฉันจำได้ เธอไม่เคยทำอะไรอย่างนั้น!”
ความหมายนอกเหนือคำพูด ประโยค “พี่สาว” ต่อให้เธอเรียกแล้ว กลัวว่าซูหยวนจะแบกรับไม่ไหว!
ซูหยวนคิ้วขมวดแน่น สีหน้าเกลียดชัง “ไม่ว่าจะเป็นยัยใบ้ตอนแรก หรือตอนนี้ ซูย้าว เธอยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน น่ารังเกียจเหมือนเดิม!”
“คงจะใช่มั้ง!” ซูย้าวยักไหล่ไม่แคร์ เดินไปที่โซฟา นั่งลงท่าทางงามสง่า
เพราะเธอเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ กลิ่นหอมอ่อนๆ ของครีมอาบน้ำ ผมยาวแผ่สยาย ผิวขาวเนียนเหมือนหิมะ ขาเรียวยาวยิ่งเย้ายวน นั่งตรงนั้น ท่าทางมีเสน่ห์ น่าหลงใหลเกินต้านทาน
ถ้าคนที่อยู่ตรงหน้าเป็นผู้ชาย ไม่ว่าใคร ต่อให้เป็นลี่เฉินซี เธอไม่มีทางทำอย่างนี้
แต่เมื่อเป็นซูหยวน ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
“แต่ว่า คืนนี้ เธอมาหาฉัน มีธุระใช่มั้ย!” ซูย้าวพูดตรงๆ ไม่คิดจะอ้อมค้อมให้มากความ
ในเมื่อ เธอกับซูหยวนที่เรียกว่าพี่น้องนั้น แต่ความแค้นตลอดหลายปีมานี้ เผามิตรภาพความเป็นพี่น้องที่บอบบาง ไหม้เป็นจุณไปนานแล้ว
ตอนนี้ที่เหลืออยู่ มีเพียงควบคุมตัวเองไม่ให้แค้นอีกฝ่าย พยายามไม่สนใจ!
ซูหยวนยืนตรงนั้น มองเธอสายตาเย็นชา กับการแสดงสีหน้าเชิดอยู่เหนือกว่าของซูย้าว เธอไม่พอใจมาก
เธอกัดฟัน พูดไม่สบอารมณ์ “เธอพูดน้ำเสียงอย่างนี้กับฉันได้ยังไง! ซูย้าว อย่าคิดว่าเธอพูดได้แล้ว ก็จะทำอะไรก็ได้! ไม่ใช่ผู้ชายทุกคนเหมือนหลินโม่ป่ายหรอกนะ ถูกเธอปั่นหัวง่ายๆ คอยฟังคำสั่งเธอ!”
ดูเอาเถอะ ยากที่ ‘พี่น้อง’ จะได้เจอกัน ซูหยวนควบคุมอารมณ์ไม่ได้ อย่างนี้ จะเรียกว่าความผูกพันพี่น้องได้อย่างไร
เธอขมวดคิ้ว “ทำไมดึงหัวข้อมาเรื่องนี้ล่ะ ซูหยวน มีเรื่องอะไรก็พูดมาเถอะ ถ้าไม่มี ฉันมีเรื่องหนึ่งพอดี อยากจะพูดกับเธอ——”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าซูหยวนอึ้ง “เธอหาฉันหรือ”
“อึม พอดีเธอมาวันนี้ ฉันจะไม่ได้ไม่ต้องเสียเวลาเรื่องไม่จำเป็น” ซูย้าวลุกขึ้น หยิบเอกสารปึกหนึ่ง จากกระเป๋าข้างๆ วางลงบนโต๊ะ
สายตาซูหยวนจับจ้องที่เอกสารนั้น
ได้ยินซูย้าวพูด “เปิดดูสิ!”
เธอขมวดคิ้วแปลกใจ ไม่รู้ว่าซูย้าวคิดจะมาไม้ไหน ยั้งความอยากรู้ในใจไม่ได้ เดินไปหยิบเอกสารปึกนั้น
ขณะที่พลิกดู สีหน้าก็ตกตะลึง
ชั่วครู่ เอกสารนั้นก็ถูกซูหยวนโยนใส่ซูย้าวทันที เธอเอียงตัวนิดหนึ่ง เอกสารจึงไม่ถูกตัว แต่หล่นลงที่โซฟา
“ซูย้าว เธอให้ฉันสละสิทธิ์รับมรดกของตระกูลซูทั้งหมดหรือ เธอดีดลูกคิดวางแผนได้ดีมาก! ตอนนั้นทำให้ลุงเซียวติดคุก แล้วยังใส่ร้ายแม่ฉัน ตอนนี้แม้แต่ฉันก็มีแผน ฝันไปเถอะ!”
ฟังเสียงคำรามเคียดแค้นของซูหยวน ซูย้าวนั่งนิ่งที่เดิม สีหน้าเย็นชา ไม่เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
สายตานิ่งสงบไม่หวั่นไหว ค่อยๆ หันไปทางใบหน้าโกรธจัดของหญิงสาว เก็บเอกสารที่กระจัดกระจายช้าๆ จัดให้เป็นระเบียบพลางพูด “ตอนนั้นไม่ว่าลุงเซียว หรือแม่ของเธอ พวกเขาหาเรื่องใส่ตัวเอง ฉันก็แค่ให้หลักฐานความผิดที่เกี่ยวข้องเท่านั้น…”
คำพูดของเธอลากยาวนิดหนึ่ง เงยหน้าขึ้น สายตาเย็นชาโหดเหี้ยม ความสงบนิ่งก่อนหน้านี้ หายไปสิ้น
“ส่วนเธอ ถ้าฉันมีแผนจะคิดบัญชีเธอ คงไม่ทำตรงๆ อย่างนี้หรอก!”
ซูหยวนกลับหัวเราะเย็นชา “เธอให้ฉันสละสิทธิ์รับมรดกตระกูลซู เพ้อฝันเป็นไปไม่ได้!”
“ให้เธอสละสิทธิ์ในทรัพย์สินที่จะต้องได้ ก็จริง พูดขึ้นกะทันหัน ไม่มีทางที่ใครจะเห็นด้วย” ซูย้าวพูดเรียบๆ
ซูหยวนจ้องมองไม่พอใจ “อย่างนั้น เธอหยิบไอ้นี่ออกมา หมายความว่าไงกันแน่”
“ซูหยวน เห็นแก่ที่เราเป็นพี่น้องกัน ถือว่าเราโตมาด้วยกัน ฉันจะไว้หน้าเธอละกัน!” เธอพูด
ใช่แล้ว ซูย้าวกับซูหยวน เติบโตมาด้วยกันจริง
ทว่า แค่ตอนก่อนพ่อตายเท่านั้น ห้าขวบกลับมาตระกูลซู แปดขวบพ่อตาย เพียงเวลาสั้นๆ สี่ปี เธอมีความสุขกับการเป็นคุณหนูรองตระกูลซู พ่อรักทะนุถนอม แม่เลี้ยงซัวฉ่ายลี่กล้าไม่พอใจแต่ไม่กล้าพูดอะไร สีปีนั้น สำหรับเธอแล้ว เป็นความทรงจำที่สวยงามที่สุด
แต่หลังจากพ่อเสียไปกะทันหัน ชีวิตเธอในตระกูลซู เรียกได้ว่าฟ้ากับเหว
จากเด็กแข็งแรง กลายเป็นคนใบ้พูดไม่ได้
จากคุณหนูตระกูลซู เป็นแม้แต่คนรับใช้ยังสู้ไม่ได้ เหมือนกับสัตว์เลี้ยงในบ้าน หมาตัวหนึ่ง
เติบโตอย่างไร ทนอย่างไรมาถึงวันนี้ เธอไม่อยากคิดถึงแล้ว ตอนนี้เวลานี้ มองดูซูหยวนคลั่ง ในใจของเธอ นับได้ว่านิ่งสงบ เพราะผู้หญิงคนนี้ พูดได้ว่า ไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรมาก
“ไว้หน้าฉันหรือ ซูย้าว เธอมันหน้าไม่อาย!”
ซูหยวนคั่งแค้น ตอนนี้อยากจะพุ่งเข้าไป ฉีกซูย้าวเป็นชิ้นๆ โกรธจนตัวสั่น กัดฟันกรอด “เธอคิดว่าเป็นลูกคนเดียวของตระกูลซูหรือไง ฉันก็เป็น! ต่อให้วันหนึ่ง ตระกูลซูเหลือแค่บ้านหลังเดียว ฉันก็ไม่มีวันให้เธอ!”
เธอยิ้มยักไหล่อีกครั้ง พูดเสียงเย็น “ลืมหรือไง ฉันยังเป็นพี่เธอ! ตอนนี้พ่อแม่ไม่อยู่ ตามกฎหมาย พี่สาวคนโตรับมรดกได้ มากกว่าเธอไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่!”
ฟังเธอคลุ้มคลั่ง ซูย้าวเงียบอยู่นาน ในที่สุดรอเธอหยุดพูด ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น สายตาเย็นชาหรี่ตานิดหนึ่ง “พี่สาวคนโตหรือ ลูกตระกูลซูหรือ ซูหยวน เธอใช่จริงๆ หรือ”
“เธอ…”
ทันใดนั้น ซูหยวนตะลึง ความโกรธเมื่อครู่และความมั่นใจเต็มที่ หายไปหมดในทันที สายตาจับจ้องมองเธอ
สงบสติอยู่นาน เธอถึงค่อยควบคุมความลุกลี้ลุกลนในใจลึกๆ ได้ แต่อาการร้อนตัวก็ยังหลุดออกมาปิดไม่มิด ยังคงแกล้งทำเป็นนิ่งสุขุมพูดขึ้น ”เธอพูดบ้าอะไร ฉันไม่ใช่พี่เธอจะเป็นใคร”
“ถ้าเธอเป็นลูกพ่อ ก็ต้องเป็นพี่สาวฉัน พ่อเดียวกันคนละแม่ แต่ถ้าพ่อแท้ๆ ของเธอ ไม่ใช่พ่อล่ะก็ งั้นเธอจะเป็นพี่สาวใครล่ะ”
ซูย้าวพูดเรียบๆ ทุกคำมีความหมาย กระแทกโสตประสาทของซูหยวน ทำให้ความคิดของเธอที่เดิมฟุ้งซ่านอยู่แล้ว แทบสติแตกกระเจิงในพริบตา
เธอคาดไม่ถึง ความลับที่รู้กันแค่เธอกับซัวฉ่ายลี่ ซูย้าว…รู้ได้อย่างไร
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ซูย้าวชำเลืองมองเอกสาร พูดต่อ “ให้เธอสละสิทธิ์รับมรดก ไม่เรียกว่าไว้หน้า หรือว่าจะให้ฉันประกาศเรื่องนี้ให้ชาวบ้านรับรู้ ภาพลักษณ์เธอเสียหาย แถมไม่ใช่แม้กระทั่งลูกนอกสมรสงั้นหรือ”
ซูหยวนถึงกับหายใจติดขัด
ความคิดฟุ้งซ่าน ความลับที่เธอปกปิดมานานปี หรือว่า…
มองซูหยวนสายตาเย็นชาอีกครั้ง ซูย้าวเดาได้ว่าเธอจะพูดอะไร รีบพูด “ในเมื่อฉันรู้ ในมือย่อมมีหลักฐาน ถ้าเธอคิดจะฟ้องศาลล่ะก็ ฉันยินดี”
ในเมื่อสุดท้ายแล้ว คนที่ขายหน้าไม่ใช่ตัวเอง
ซูหยวนยืนอึ้งไม่รู้จะทำอย่างไร “เธอ…”
เธอประมาทซูย้าวเกินไป นึกไม่ถึงเธอจะใช้วิธีนี้
มองเธอ ซูย้าวสูดลมหายใจลึก ทนไม่ได้ที่จะใจอ่อน พูดเสริม “ตอนนี้ตระกูลซู ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ทรัพย์สมบัติเหลือไม่มาก ก็แค่บ้านไม่กี่หลัง เธอสละสิทธิ์เถอะ ไม่ถือว่าขาดทุนอะไร”
ต่อให้เหลือแค่นิดเดียว แต่ก็เป็นเลือดเนื้อของพ่อ หามาด้วยความลำบาก เธอไม่อยากยกให้ใครก็ตามที่ไม่เกี่ยวข้องทางสายเลือดกับพ่อ