เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 309
บทที่ 309 เขาตายแล้ว
ในห้องพักของโรงแรม หานฉ่ายหลิงกระสับกระส่าย กระวนกระวายราวกับเปลวไฟสุมอยู่ในอก เดินวนไปวนมา
ตามที่ลี่เฉินซีได้ ‘หายตัว’ ไป เวลาก็ผ่านไปแล้วสี่สิบแปดชั่วโมง ทางตำรวจจึงได้ลงมือค้นหา ตอนนี้ยังไม่มีความคืบหน้า
ในเวลานี้ สิ่งที่เธอกังวลที่สุด ไม่ใช่ว่ากลัวตำรวจจะสืบสาวมาถึงเธอ เนื่องจากร่องรอยของการเป็นผู้ต้องสงสัยของเธอได้ถูกลบทำลายไปหมดแล้ว ต่อให้ทางตำรวจจะตรวจสอบเจอ ก็เป็นเพียงแค่การสงสัยเท่านั้น ไม่ได้มีหลักฐานพยานแต่อย่างใด
แต่สิ่งที่เธอกังวลที่สุดก็คือ จะเกิดอันตรายขึ้นกับเขาหรือไม่!
หานฉ่ายหลิงไม่กล้าที่จะคิดต่อไปอีก ความคิดที่วุ่นวายทำให้สมองของเธอเละเป็นโจ๊ก สับสนไปหมด เธอแทบไม่เคยคิดมาก่อนว่า ถ้าหากวันหนึ่งเขาจากไปแล้วไม่กลับมาอีก อย่างนั้น เธอจะทำอย่างไรดี!
ในโลกที่ไม่มีเขาอีกต่อไป ไม่สามารถเห็นเขาได้อีก แม้แต่ความเฉยเมยความเย็นชาของเขาในวันปกติ ก็ไม่สามารถเห็นได้อีก…..
ทันใดนั้น หานฉ่ายหลิงก็รู้สึกหัวใจบีบรัดขึ้น หายใจไม่ออก เธอยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสายตาที่สับสนวุ่นวาย ไร้ทางออก
กัวหลินเดินเข้ามาจากด้านนอก เห็นเธอเป็นแบบนี้ ก็เลยเดินเข้ามาหา แล้วเรียกเสียงเบาๆขึ้น “ประธานหานครับ”
หานฉ่ายหลิงได้ยินเสียงนั้น ก็รีบหันกลับไปทันที “หาเฉินซีเจอหรือยัง”
เมื่อเห็นกัวหลินส่ายหน้า เธอถอยหลังหนึ่งก้าวด้วยความผิดหวัง พยุงโซฟ้าอย่างหมดหนทาง แล้วก็ทรุดลงนั่ง
ถ้าหาก ถ้าหากเธอรู้แต่เนิ่นๆว่าเขาจะเข้ามาพัวพันด้วย เธอไม่มีทางเห็นด้วยกับคำแนะนำนี้ของซูหยวนอย่างแน่นอน!
ต้องการกำจัดซูย้าว มีวิธีตั้งมากมาย ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีนี้
ตั้งแต่ต้นจนจบ คนที่เธอต้องการกำจัดก็มีเพียงซูย้าวคนเดียว คนที่เป็นตัวปัญหาเท่านั้น สำหรับลี่เฉินซี เธอจะสามารถทำร้ายเขาได้อย่างไร
สีหน้าที่เจ็บปวดของหานฉ่ายหลิงนั้นดูย่ำแย่มาก เวลานี้เธอควรจะทำอย่างไรดี และจะเชื่อใครได้อีก…..
เมื่อกัวหลินเห็นเธอเป็นแบบนี้ อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้น แล้วเอนตัวไปนั่งข้างๆเธอ จากนั้นพูดปลอบใจขึ้น “ประธานหานครับ ประธานลี่ท่านเป็นคนดี สวรรค์ต้องคุ้มครองอยู่แล้วครับ ท่านต้องคิดบวกนะครับ!”
“ซูหยวนพูดออกมาจากปากเองว่า บนเรือมีการวางระเบิดไว้ สามสิบชั่วโมงให้หลังก็จะระเบิดขึ้นโดยอัตโนมัติ ตอนนี้ผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว ยังไม่มีข่าวคราว เกรงว่าเขากับผู้หญิงคนนั้น…..”
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่อยากเชื่อ แต่เกรงว่าเรื่องราวเหล่านี้ได้เกิดขึ้นจริงตั้งแต่เนิ่นๆแล้ว
“กัวหลินนายอาจจะไม่เชื่อในสิ่งที่ฉันพูด ความจริงแล้วฉันรักเขามาก ฉันต้องการอยากจะอยู่กับเขา แต่ดันเป็นเพราะซูย้าวที่เป็นส่วนเกิน ตอนนั้นก็เป็นเช่นนี้ ตอนนี้ก็เช่นกัน!”
เมื่อคิดได้ดังนี้ หานฉ่ายหลิงกัดฟันแรงๆขึ้น เธอต้องการที่จะฉีกซูย้าวออกเป็นหมื่นๆชิ้น แต่ลี่เฉินซีทำไมถึงได้เข้าไปพัวพันได้!
เดิมทีสามารถนั่งสบายๆอยู่ที่บ้านโดยไม่ต้องกังวลว่า ชีวิตนี้ของเธอจะมีผู้หญิงเจ้าปัญหาคนนี้มาปรากฏตัววุ่นวายได้อีก แต่กลับคิดไม่ไม่ถึง วิธีการแบบนี้เป็นการสงเคราะห์พวกเขาสองคนซะงั้น
เธอเอนลงตัวบนโซฟาด้วยความสิ้นหวัง ถอนหายใจอย่างอ่อนแรง เงยหน้ายิ้มอย่างประชดประชัน “
“ช่างเป็นคู่รักกันจริงๆ! ยามมีชีวิตอยู่ แม้นไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ ยามตายก็ขอตายพร้อมกัน…..ช่างทรมานพวกเขาจริงๆเลย!”
กัวหลินถอนหายใจ “อย่างนั้นท่านเคยคิดหรือเปล่าว่า ต่อไปเราจะทำอย่างไรกันต่อดี”
“ต่อไปเหรอ”
เธอพูดย้ำเบาๆ ความคิดที่วุ่นวายทำให้เธอไม่อยากจะคิดอะไรมากมายอีก แต่เมื่อได้ยินกัวหลินพูดเตือนสติขึ้น ทำให้คิดขึ้นได้ และทอดถอนใจอย่างสิ้นหวัง “ต่อไปจะทำอะไรได้อีก ถ้าหากเขาตายแล้ว อย่างนั้น ทุกสิ่งที่ฉันทุ่มเทและพยายามมาทั้งหมด ก็จะต้องสูญเปล่า…..”
การมาฝรั่งเศสในครั้งนี้ ถ้าหากว่าลี่เฉินซีเกิดเรื่องขึ้น แล้วข่าวไปถึงประเทศจีน เรื่องงานศพของเขาทั้งหมดต้องเป็นเจี่ยงเวินอี๋เป็นผู้จัดการอย่างไม่ต้องสงสัย และบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปอาจจะเกิดการปั่นป่วนขึ้นเล็กน้อย แต่ตราบใดที่ยังมีเจี่ยงเวินอี๋อยู่ บริษัทลี่ลื่อไม่มีวันล้มอย่างแน่นอน
หญิงชราคนนั้นยามปกติดูไม่แตกต่างไปจากหญิงชราทั่วๆไป แต่ในความเป็นจริง ตอนสมัยที่ยังเป็นสาวๆ ก็เคยไปข่มขู่เหล่าคนที่อยู่ในแวดวงธุรกิจ เพื่อปกป้องธุรกิจของตระกูลลี่แล้ว เธอสามารถแลกด้วยชีวิต ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลลี่ไม่ได้ขาดทายาทสืบทอดสกุล ไหนจะลี่เจิ้งที่นอนสลบอยู่ ยังมีญาติพี่น้องที่มากมายอีกนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะอย่างไร ก็ไม่มีทางที่จะมาถึงตัวเธอที่ไม่ได้เป็นแม้แต่กระทั่งแฟน มาควบคุมจัดการสืบทอดมรดกของตระกูลลี่ได้
ดังนั้น หานฉ่ายหลิงเข้าใจดี เกือบจะนับจากวินาทีนี้ เธอกับบริษัทลี่ซื่อไม่มีการเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป
ความพยายามและแผนการทั้งหมดของเธอที่ถูกเตรียมไว้ ยังไม่ทันที่จะนำมาใช้ก็ต้องหยุดชะงักลง ช่างเป็นก้าวที่เมื่อเดินผิดพลาดแล้ว ทุกอย่างก็แพ้ลงอย่างราบคาบจริงๆ
“ประธานหานครับ ตอนนี้ยังไม่มีข่าวคราวใดๆ และยังไม่ใช่เวลาที่ท่านจะมาคิดเรื่องที่บั่นทอนจิตใจตัวเอง ท่านต้องคิดว่าต่อไปเราจะทำอย่างไรดี มิเช่นนั้น…..”
กัวหลินครุ่นคิด สีหน้าตึงเครียดขึ้น “มิเช่นนั้น แผนการที่ท่านวางมาตั้งหลายปี ยังมีอนาคตของคุณชายน้อยชาร์ลีอีก จะพังทลายลงนะครับ!”
หานฉ่ายหลิงในเวลานี้ที่อยู่ในอาการสับสน เมื่อเอ่ยถึงชาร์ลีสองคำ เธอไม่แม้แต่จะคิด ก็พูดขึ้นด้วยความหงุดหงิด “อย่าพูดถึงเด็กคนนั้น!”
กัวหลินตกใจ “แต่ว่าคุณชายน้อย…..”
“คำพูดของฉัน นายฟังไม่เข้าใจหรือไง” หานฉ่ายหลิงกวาดสายตาไปทางกัวหลินอย่างไม่สบอารมณ์ ใบหน้าบึ้งตึงเยือกเย็นอย่างเห็นได้ชัด
กัวหลินได้แต่พยักหน้า ไม่กล้าพูดอะไรอีก ลุกขึ้นแล้วก็เดินออกไป
หานฉ่ายหลิงนั่งอยู่ในนั้นคนเดียว สองมือกุมขมับ บอกกับคนอื่นว่าเธอวางแผนการทุกอย่างเพื่ออนาคตของชาร์ลี จะดีกว่าถ้าบอกว่าเธอทำทุกอย่างเพื่ออนาคตของตัวเอง!
เมื่อคิดถึงความพยายามทั้งหมดในหลายปีมานี้อาจจะต้องสูญเปล่า หัวใจของหานฉ่ายหลิงก็อดไม่ได้ที่จะสั่นเทาขึ้น อธิบายไม่ถูกว่ารสชาตินั้นเป็นแบบใด…..
บนท้องทะเลอันไร้ขอบเขต เรือประมงลำเล็กลอยลำโคลงเคลง หลังจากผ่านค่ำคืนมรสุมที่ลมพายุกระโชกฝนตกกระหน่ำ อดทนจนไปถึงรุ่งสางด้วยความยากเข็ญ ในที่สุดลมฝนก็หยุดลงเสียที
ดูเหมือนคลื่นทะเลเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพอากาศที่ปลอดโปร่ง และก็ค่อยๆสงบลง รอดผ่านคืนนี้มาด้วยความลำเค็ญ ลี่เฉินซีจึงเดินออกมาจากห้องโดยสารเรือ แล้วมองออกไปด้านนอก เห็นผิวน้ำทะเลที่เงียบสงบ เมื่อมองออกไปไกลสุดลูกหูลูกตา ก็ไม่เห็นเรือแล่นผ่านมาสักลำ ช่างโดดเดี่ยวหัวเดียวกระเทียมลีบจริงๆ ไม่มีแม้แต่วิธีขอความช่วยเหลือ
ยังโชคดีที่เขายังมีไฟแช็กอันหนึ่ง แต่ว่าบนเรือลำนี้ดูเหมือนจะไม่มีอะไรที่จะสามารถจุดไฟได้เลย คงไม่สามารถเอาเรือลำนี้มาเผาหรอกกระมัง!
เป็นความคิดที่ไร้สาระมาก
ช่างเถอะ
เขาส่ายหัวไปมา แล้วเดินกลับไปที่ห้องโดยสารเรืออีกครั้ง ซูย้าวกำลังนอนหลับขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม ร่างน้อยเอวบาง ผอมและอ่อนแอ
ลี่เฉินซีเดินเข้าไปใกล้ นั่งอยู่ข้างๆเธอ จ้องมองใบหน้าขาวเนียนของหญิงสาวที่หลับสนิท ผิวพรรณขาวราวกับหิมะ ขาวมากๆ……
เขาตกใจขึ้น ใช้มือแตะที่หน้าผาก ใช่จริงๆด้วย มีไข้เล็กน้อย!
คงเป็นเพราะฝนตกหนักเมื่อคืน เดิมทีร่างของเธอก็อ่อนแอ และยังมีอาการเจ็บกระเพาะอีก ไม่รู้ว่าตอนนี้ดีขึ้นบ้างหรือยัง ที่นี่ไม่มียา ไม่มีอาหาร ต้องการให้หายดี ไม่ง่ายเลย!
เขาเขย่าแขนเธอเบาๆ “ซูย้าว ตื่นเถอะ ไม่ต้องนอนแล้ว!”
ไม่ว่าเขาจะเขย่าแรงแค่ไหน เธอก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง
รูม่านตาลี่เฉินซีหดลงอย่างรวดเร็ว ตกใจขึ้น จึงเพิ่มแรงมือในการเขย่า “ซูย้าว คุณฟื้นสิ!”
ในที่สุด ท่ามกลางการเขย่าอย่างสุดพลังของเขา ทำให้เธอค่อยๆลืมตาขึ้น ดวงตาอ่อนล้า ลมหายใจแผ่วเบาพูดขึ้น “คุณทำอะไรของคุณอีก”
เมื่อเห็นเธอตื่นขึ้น เขาก็ถอนหายใจโล่งอก ซูย้าวเห็นชายหนุ่มที่มีหยดเหงื่อไหลออกมาเต็มหน้าผาก ริมฝีปากอ่อนแรงขยับขึ้น “ฉันเหนื่อยมาก อย่าหาเรื่องทะเลาะได้ไหม ให้ฉันได้พักผ่อนสักครู่…..”
“ไม่ได้! นอนไม่ได้!” ลี่เฉินซีจับไหล่ของเธอไว้แน่น “ถ้าหากคุณนอนต่อ อาจจะไม่สามารถตื่นขึ้นมาได้อีก!”
เธอกลับยกริมฝีปากขึ้นและยิ้มจางๆ พร้อมอธิบายขึ้นด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “ไม่เป็นไร ฉันไม่เป็นอะไรง่ายๆ ขอนอนพักอีกสักแป๊บ!”
ซูย้าวนั้นเหนื่อยจริงๆ รู้สึกว่าแทบจะลืมตาไม่ขึ้น แล้วซบอยู่ที่ไหล่ของเขาอีกครั้ง ปิดตาลงแล้วก็นอนหลับไป
ลี่เฉินซีลนลานเขย่าไหล่ของเธออย่างแรง “ซูย้าว คุณฟื้นสิ ห้ามนอน!”
แม้ว่าที่นี่จะไม่ใช่ภูเขาหิมะที่กว้างใหญ่เย็นยะเยือก แต่ทั้งคู่ไม่ได้ทานอาหารมาหลายวัน แม้แต่น้ำจืดธรรมดาที่สุดก็ยังไม่ดื่มสักอึก ลอยลำอยู่กลางทะเลอย่างต่อเนื่อง ร่างกายจึงอ่อนเพลีย อีกทั้งยังผ่านลมพายุกระโชกฝนตกกระหน่ำเมื่อคืน อาจจะตายได้ทุกเมื่อทุกเวลา
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ลี่เฉินซีก็ยิ่งเขย่าร่างของเธอแรงๆ “ซูย้าว ผมห้ามคุณนอนนะ ตื่นสิตื่น!”
ตอนนั้นเธอจากไปไม่ลา ทิ้งเขากับลูกชายไว้สองคน ตอนนี้กลับมาแล้ว หรือว่าจะทิ้งเขาไปก่อนอีก เขาไม่ยอม ไม่มีทางยอมอย่างแน่นอน!