เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 321
ตึกสำนักงานของจู้สือกรุ๊ปในเมืองAนั้นเป็นตึกที่พึ่งซื้อมาใหม่ ตั้งอยู่ในย่านธุรกิจแห่งใหม่ รายล้อมไปด้วยตึกที่สร้างใหม่ ดูเรียบง่ายแต่โอ่อ่า อาคารสูงเรียงราย ราวกับทหารยักษ์ในชุดเกราะ ที่คอยปกป้องเส้นชีวิตของธุรกิจทั้งเมือง
ผู้รับผิดชอบของเขตนี้ยังไม่ได้ถูกส่งตัวมา ซูย้าวเลยต้องรับหน้าที่เป็นผู้รับผิดชอบชั่วคราว นอกจากนั้น เดิมทีเธอก็รับผิดชอบแผนกการขายอยู่แล้ว ที่เน้นตลาดการขายภายในประเทศ
พอส่งเด็กทั้งสองคนเสร็จแล้ว เธอก็มาที่บริษัท เพิ่งจะขึ้นไปชั้นบน เลขาเคเวลก็บอกเธอว่า ในห้องทำงานมีคนกำลังรอพอเธออยู่ เธอพยักหน้าตอบเป็นเชิงเข้าใจ แล้วผลักประตูเดินเข้าไป แต่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นลี่เฉินซี
เขาสวมชุดสูทสีอ่อนทั้งตัว เสื้อเชิ๊ตสีเขียวอ่อน และผูกเนกไทไว้หลวมเล็กน้อย กระดุมคอเสื้อถูกปลดออกสองเม็ด เผยให้เห็นถึงกระดูกไหปลาร้าที่เด่นชัด ดูเซ็กซี่ไม่น้อยเลยทีเดียว
ชายหนุ่มยืนพิงโต๊ะทำงานของเธอ มือคีบบุหรี่ แสงแดดสาดส่องเข้ามาทั่วห้องผ่านหน้าต่างทรงสูง ทำให้เขาถูกโอบล้อมไปด้วยประกายแสงบางๆ ดูแพรวพราวจนยากที่จะจ้องมองตรงๆได้
“คุณมาได้ยังไง ?” ซูย้าวเดินเข้าไป แล้ววางกระเป๋าลง พลางถอดเสื้อสูทไปแขวนไว้บนราวแขวน
ที่นี่เป็นบริษัทใหม่ ก่อนหน้านี้เธอออกไปทำงานที่ต่างประเทศมาตลอด ยังไม่เคยมาที่เหมือนกัน วันนี้ที่มา ก็เพิ่งเป็นครั้งที่สองเท่านั้น เลยยังไม่คุ้นเคยเท่าไหร่นัก
พึ่งจะนั่งลงบนเก้าอี้หนัง เลขาก็มาเคาะประตูห้อง ในมือถือกาแฟสองแก้วเข้ามาด้วย พอเสิร์ฟเสร็จก็ออกไปทันที
ลี่เฉินซีมองดูเธอด้วยท่าทีเรียบเฉย ยังคงยืนพิงโต๊ะทำงานของเธอ ยืนมือไปที่ถังขยะที่อยู่ข้างๆ เพื่อดีดขี้เถ้าจากบุหรี่ ริมฝีปากบางเริ่มขยับ แล้วเสียงอันไพเราะก็ถูกเปล่งออกมา “มาเพื่อคุยเรื่องงาน”
“งาน ?” ซูย้าวขมวดคิ้ว มองไปทางเขา “ประธานลี่อยากจะร่วมงานกับพวกเรางั้นเหรอ ? ไม่ทราบว่าโปรเจกต์อะไรเหรอคะ ?”
“โปรเจกต์เกม” เขาตอบรวดเร็วและชัดเจน
แต่สายตาของซูย้าวกลับชะงักไปครู่หนึ่ง “เท่าที่ฉันรู้มา บริษัทในเครือของประธานลี่ ดูเหมือนจะไม่เคยมีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมเกมเลยนะคะ”
“นั่นมันเมื่อก่อน”
เขายิ้มบางๆ บี้บุหรี่ให้ดับบนที่เขี่ยบุหรี่ แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ตรงหน้าหน้า ยกขาขึ้นมาไขว่ห้างด้วยท่าทางสง่างาม ดวงตาสีเข้มมองไปทางหน้าต่างทรงสูง มองดูแสดงแดดอันเจิดจ้านั่น แล้วหรี่ตาลง
“สินค้าอิเล็กทรอนิกส์กำลังมาแรงในตอนนี้ โดยเฉพาะเกมมือถือ ฉันเพิ่งจะซื้อกิจการของบริษัทหนึ่งมา และกำลังจะเพิ่มเงินทุนเข้าไป หาพันธมิตรสักเจ้า ร่วมกันพัฒนา แล้วแบ่งกำไรกัน” เขากล่าว
เฉินซีค่อนข้างจะสนใจข้อเสนอนี้ เลยอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ถ้าเป็นโปรเจกต์เกม จู้สือกรุ๊ปทำด้านนี้มาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ก็ถือได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญแล้ว อีกอย่างก็มีประสบการณ์มากมาย บริษัทในเครือหลายแห่ง ก็เริ่มเข้าสู่ตลาดมาหลายปีแล้ว แนวโน้มในภายภาคหน้านั้นไปได้สวยเลยทีเดียว”
ถึงเธอจะไม่พูด ความสามารถด้านโปรเจกต์เกมของจู้สือนั้น ก็เป็นที่ประจักษ์อยู่แล้ว นี่ก็ถือเป็นเหตุผลที่ทำให้ลี่เฉินซีมาเจรจากับเธอในเรื่องนี้
เขาคลี่ยิ้มบางๆ “ดังนั้น ฉันก็เลยมาคุยกับประธานซูไง ว่าอยากจะร่วมงานกันหรือเปล่า ? ถือว่าเป็นการช่วยอะไรฉันสักอย่างด้วย”
ประโยคหลังนั้น เสี้ยววินาทีที่ออกมาจากเขา ก็ทำให้ซูย้าวชะงักไปทันที
ต้องรู้ว่า ในแวดวงนี้ หากติดข้างลี่เฉินซีสักครั้ง กับเขาติดค้างคุณสักครั้งนั้น ถือเป็นสิ่งที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
มีคนมากมายเท่าไหร่ ที่ทั้งใฝ่ฝันและเค้นสมองหาทางกันแทบตาย เพื่อที่จะหาโอกาส “ช่วยเหลือ” ประธานลี่สักครั้ง
แต่ว่าพอประโยคนั้นมาเข้าหูของซูย้าวแล้ว ถึงแม้เธอจะตื่นตกใจ แต่กลับไม่มีทางที่จะหวั่นไหว และดวงตายังฉายแววเฉยชาออกมาเล็กน้อยด้วยซ้ำ “เกรงว่าฉันคงจะทำให้ประธานลี่ต้องผิดหวังซะแล้ว !”
“ประโยคนั้นหมายความว่ายังไง ?” เขาถามกลับไป
เธอนั่งพิงพนักเก้าอี้ เสียงที่เปล่งออกมายังคงนุ่มนวลดังเดิม ริมฝีปากคลี่ยิ้มบางๆ เพียงแต่น้ำเสียงเย็นชาเล็กน้อย และถึงขั้นแข็งกร้าวอยู่บ้าง
“เพราะที่จู้สือบุกตลาดภายในประเทศในครั้งนี้ ไม่ได้มีแผนในด้านนี้ หากประธานลี่มีความต้องการที่จะร่วมงานกับจู้สือล่ะก็ ฉันสามารถเป็นสะพานเชื่อมให้คุณไปถึงท่านประธานได้ แล้วดูว่าเขาจะสนใจไหม !”
ลี่เฉินซีมองดูเธอ “เธอกำลังปฏิเสธฉันเหรอ ?”
เธอพยักหน้า “ใช่ค่ะ ฉันขอปฏิเสธ”
“……”
ลี่เฉินซีถูกเธอทำให้หมดคำพูดไปในทันที
มองดูหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า เธอจะรู้หรือไม่ว่าที่จู่ๆเขาก็กลับประเทศมาแล้วซื้อกิจการบริษัทเกมทันทีนั้นเพื่อตั้งใจจะทำอะไรกันแน่ !”
ก่อนหน้านี้เขาใจร้อนเกินไป แทบจะถูกความโกรธที่มีทำให้ขาดความยั้งคิด ตอนไปที่ปารีส ก็เลยแย่งออร์เดอร์ใหญ่ไปจากเธอ พอกลับมาในประเทศแล้ว จู่ๆก็พบเจอกับอุปสรรคในทันที เจ้านายของเธอจะไม่มีความเห็นเลยหรือ ?
เขาเป็นห่วงว่าเธออาจจะถูกกดดันและบีบบังคับจากจู้สือ ถือว่าเป็นการชดเชย เพื่อให้เธอได้กำไรก้อนใหญ่ และหาโอกาสชดเชยค่าเสียหายของบริษัท แต่คิดไม่ถึงว่าเธอกลับ…..
ไม่รับน้ำใจ !
ใช่ ไม่รับน้ำใจ !
ลี่เฉินซีนิ่งเงียบอยู่นาน อาจเป็นเพราะตัวเองรีบร้อนเกินไป เพิ่งจะแย่งธุรกิจจากเธอมา เกรงว่าเธอคงกำลังอยู่ในช่วงโมโหอยู่ พอลองชั่งใจดูอีกครั้ง เขาก็พูดขึ้นอีกว่า “งั้นจู้สือมีแผนอะไรกับตลาดภายในประเทศบ้าง ?”
แต่ซูย้าวกลับยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา แล้วเปิดเผยสิ่งที่เขาคิดกำลังออกมา “ทำไมเหรอคะ ? นี่ประธานลี่กำลังหาทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ร่วมงานกับจู้สืออยู่งั้นเหรอ ?”
วิสัยทัศน์อันล้ำลึกของเขานั้นช่างน่าเกรงขาม “ถ้าฉันตอบว่าใช่ล่ะ ? แล้วเธอจะทำยังไง ?”
“ไม่ทำยังไงหรอกค่ะ แค่อยากจะบอกประธานลี่ไว้ว่า ล้มเลิกความคิดนั้นซะเถอะ ! จู้สือภายในประเทศนั้น ไม่มีทางร่วมมือกับประธานลี่หรอกค่ะ”
ซูย้าวตัดสินใจเอาไว้แล้ว ว่าช่วงที่เธอเป็นผู้รับผิดชอบ เธอจะไม่ร่วมมีอกับลี่เฉินซีเด็ดขาด ยิ่งไม่มีทางยอมให้จู้สือกับบริษัทลี่ซื่อมีความเกี่ยวข้องกันทางธุรกิจเด็ดขาด
เธอไม่ได้ทำเพื่อระบายความโกรธ
แต่เป็นการทำเพื่อปกป้อง
เพียงแต่เหตุผลที่แน่ชัดนั้น เธอยังไม่สามารถอธิบายออกมาได้
“ทำไมถึงไม่ร่วมงามกับฉัน ? บริษัทของฉันมีข้อบกพร่องตรงไหนกัน ?” ลี่เฉินซีขมวดคิ้ว ไม่มีใครเคยพูดมาก่อนว่าจะไม่ยอมร่วมงานกับบริษัทลี่ซื่อ ซูย้าวนั้นเป็นผู้บุกเบิกหลายสิ่งหลายอย่างจริงๆ
เธอมองเขาด้วยสายตาอ่อนโยน แล้วยิ้มออกมา “ไม่ทราบว่าที่ประธานลี่ทำแบบนี้ มีแผนอะไรกันแน่ ? คุณอยากร่วมงานกับฉันงั้นเหรอ ? หรือว่าอยากร่วมงานกับจู้สือ ? อยากชดเชยสิ่งที่เกิดคิดที่ปารีสงั้นเหรอ ?”
“ซูย้าว ตั้งแต่เสียงของเธอหายดีแล้ว เธอก็ปากเก่งขึ้นเยอะเลยนะ ปีกกล้าขาแข็งจริงนะ !”
ลี่เฉินซีไม่อาจปฏิเสธได้ว่า คำพูดประโยคนั้นของเธอ อธิบายทุกอย่างที่อยู่ในใจของเขาได้อย่างชัดเจน ผู้หญิงคนนี้ ทำให้ขนาดตัวเขาเองก็ยังรู้สึกปวดหัวขึ้นมาเลย
จู่ๆก็มาหาเพื่อเจรจาเรื่องร่วมงานกันอะไรนั่น แถมยังไม่ได้พบกับผลลัพธ์ที่น่าพอใจ
เห็นได้ถึงอารมณ์โกรธจางๆที่เกิดขึ้นตรงหว่างคิ้วเขา ซูย้าวอดใจไม่ไหว เลยเผลอหัวเราะออกมา ขณะเดียวกันก็เท้าแขนกับโต๊ะทำงาน แล้วพูดอธิบาย “คุณอย่าโมโหไปเลย ฉันไม่ได้มีความหมายอื่น ฟังฉันพูดนะ อย่าร่วมงานกับจู้สือเลย ไม่เพียงแค่สำหรับตัวคุณ แต่ยังดีสำหรับบริษัทลี่ซื่อด้วย”
พอจบประโยคนั้น แววตาที่ลี่เฉินซีมองเธอก็ยิ่งซับซ้อนกว่าเดิม “ฉันสามารถเข้าใจไปว่าเธอกำลังเป็นห่วงบริษัทลี่ซื่อได้ไหม ?”
หลังจากที่เธอกลับประเทศมาแล้ว และลี่เฉินซีบอกให้เธอออกจากจู้สือในเสี้ยววินาทีนั้นเป็นต้นมา เธอก็รู้แล้วว่า เขารู้ถึงสิ่งที่อยู่เบื้องหลังจู้สือทั้งหมดแล้ว
พูดได้เลยว่า ถ้าแค่ร่วมงานกัน การทำธุรกิจกับจู้สือนั้น ถือว่าดี สามารถทำเงินได้และสามารถทำกำไรได้ มีพื้นที่ให้พัฒนาไปข้างหน้าได้ และสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มจากกำไรที่ได้
แต่ว่า หากเกี่ยวข้องกับเรื่องอื่นๆ หรือกรณีที่เกี่ยวข้องกับด้านอื่นๆ แบบนั้นสำหรับบริษัทลี่ซื่อแล้ว ถือว่าอันตรายเกินไป
ไม่ใช่ทุกบริษัทที่สามารถทำแบบบริษัทลี่ซื่อได้ ธุรกิจครอบครัว ดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส และเดินหน้าอย่างมั่นคง
เหมือนกับด้านหยินและหยางของสรรพสิ่ง ที่ที่มีสีขาว ก็ย่อมมีสีดำ ที่ที่มีแสงสว่าง ก็ย่อมมีความมืดอยู่ในเงาของซอกมุม
ถ้าหากบริษัทลี่ซื่อเป็นท้องฟ้าที่มีแสงสว่าง ถ้าอย่างนั้นจู้สือ ก็คือสิ่งที่อยู่ตรงกันข้าม
“ฉันเป็นห่วงบริษัทลี่ซื่อน่ะสิ !” เธอยอมรับตรงๆ ไม่ได้มีความหน้าซื่อใจคดเลยแม้แต่น้อย
แววตาของลี่เฉินซีสั่นไหว แต่คำพูดประโยคยังไม่ทันออกจากปาก ก็ถูกคำพูดของซูย้าวทำให้ชะงักไปเสียก่อน
เธอพูดว่า “เพื่อลูกชาย เจิ้งเอ๋อต้องมีวันฟื้นขึ้นมาแน่ ฉันเชื่อว่าสักวันเขาจะต้องสืบทอดตำแหน่งของคุณ และบริหารทั่วทั้งบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปแทนคุณแน่ ในฐานะคนเป็นแม่แล้ว ฉันมีหน้าที่รับผิดชอบแทนเขา ปกป้องบริษัทไว้ให้ดี ไม่ใช่เหรอ ?”
“……”
ลี่เฉินซีมองดูเธอ เขาคิดว่าที่เธอทำทั้งหมดก็เพื่อตัวเองเสียอีก ! คิดไม่ถึง ว่าจะดึงลูกชายเข้ามาอีกแล้ว……