เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 328
กลางคืน หลังจากทานข้าวแล้ว ซูย้าวก็เลือกช่องการ์ตูน แล้วเข้าไปล้างผลไม้ในครัว จากนั้นก็มานั่งดูการ์ตูนกับเด็กทั้งสองคน
เตียวเตียวหยิบภาพวาดใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋า แล้วยื่นไปให้เธอ “คุณป้า นี่เป็นรูปที่ผมวาดครับ”
ซูย้าวประหลาดใจเล็กน้อย แล้วรีบรับมา
ภาพวาดใช้ปากกาสีน้ำวาด เด็กอายุห้าขวบ สิ่งที่วาดออกมานั้นแทบจะเป็นการลากเส้นทั้งหมด แต่ก็ดูออกว่า เตียวเตียวนั้นเป็นคนละเอียดมาก แต่ละเส้นวาดออกมาอย่างประณีต
เขาวาดหญิงสาววัยเยาว์คนหนึ่ง จูงมือของเด็กสองคน
ซูย้าวยิ้มออกมาทันที “เตียวเตียววาดคุณป้ากับซีซีเหรอ ?”
เด็กน้อยรีบพยักหน้าทันที “ใช่ครับ ในนั้นยังมีผมด้วย !”
ดูออกเลยว่า ตอนนี้เตียวเตียวอารมณ์ดีมาก
เธออุ้มเด็กน้อยขึ้นมา แล้วพูดเสียงเบาว่า “ภาพนี้วาดได้ดีมากเลยนะ เอาแบบนี้ พรุ่งนี้ป้าไปซื้อกรอบรูปมา แล้วแขวนมันเอาไว้ ดีไหมคะ ?”
“ดีครับ !” เตียวเตียวเกาะอยู่บนอกของเธออย่างดีใจ แล้วพูดอีกว่า “คุณป้า คุณป้ารู้ไหมครับ ? นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ไปโรงเรียนอนุบาล……”
ในเสี้ยววินาทีที่คำพูดนี้หลุดออกมาจากปากของเด็กน้อย หัวใจของซูย้าวก็ปวดร้าวขึ้นมาทันที ห้าขวบแล้ว แต่กลับเป็นครั้งแรกที่ได้ไปโรงเรียนอนุบาล……
“คุณป้า คุณดีกับผมมากจริงๆ !”
เตียวเตียวกะพริบตาปริบๆ บนใบหน้าที่ใสสะอาด กลับมองเห็นความซับซ้อนที่ไม่เหมาะกับช่วงอายุ
ในใจของซูย้าวรู้สึกไม่ดีเป็นอย่างมาก เลยกอดเขาเอาไว้แน่น “เด็กโง่ คำพูดพวกนี้ต่อไปอย่าพูดออกมาอีกนะ คุณป้าเคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอ ? ต่อไปเธอก็เป็นลูกของป้า อย่าเอาแต่คิดว่าฉันจะดีหรือไม่ดีกับเธอ สิ่งที่เธอต้องคิด ก็คือตั้งใจเรียนในทุกๆวัน แล้วเติบโตอย่างมีความสุข”
เตียวเตียวพยักหน้าราวกับโขลกกระเทียม “ผมจะจำเอาไว้ครับ !”
ซีซีนั่งอยู่ข้างๆ เคี้ยวแอปเปิลด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ แถมยังเบ้ปากน้อยๆ ท่าทางดูไม่สบอารมณ์มาก
ซูย้าวหันกลับไป “แล้วซีซีวาดอะไรเหรอคะ ? ให้คุณแม่ดูหน่อยสิคะ ได้ไหม ?”
“ซีซีวาดตัวประหลาดตัวหนึ่ง ! ขนาดคุณครูยังดูไม่ออกเลยว่าเป็นตัวอะไร !” เตียวเตียวพูดอยู่ข้างๆ
“งั้นเหรอ ?” ซูย้าวรู้สึกสงสัยเล็กน้อย
ซีซีเชิดหน้าขึ้น ท่าทางหยิ่งผยองเป็นอย่างมาก
ท่าทางแบบนั้น ราวกับจะบอกว่าคนทั้งโลกต่างหลงมัวเมา มีแต่เธอที่สร่างเมาอยู่ผู้เดียว
ซูย้าวรู้สึกตลกท่าทางของเด็กน้อยมาก แล้วก็เห็นภาพวาดที่เตียวเตียวหยิบออกมาจากกระเป๋า แล้วก็เป็นอย่างที่ว่าจริงๆ ซีซีวาดรูปสิ่งมีชีวิตตัวหนึ่ง เหมือนจะเป็นสุนัข แต่ก็เหมือนแมว แถมตัวใหญ่มาก จนเหมือนกับเสือ ดูเหมือนตัวประหลาดจริงๆ……
ขณะกำลังคุยกับพวกเด็กๆอย่างออกรส ด้านนอกก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
เธอชะงักไปครู่หนึ่ง เวลาแบบนี้ จะเป็นใครกันนะ ?
ปล่อยให้เด็กทั้งสองคนดูการ์ตูนกันต่อไป แล้วตัวเธอก็ลุกขึ้นเดินออกไป
พอเปิดประตู ก็เจอกับลี่เฉินซี
ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลายืนอยู่นอกประตู รูปร่างสูงโปร่ง ภายใต้แสงไฟสีนวลของทางเดิน ยิ่งทำให้ดูสะดุดตามากขึ้น แสงไฟรอบตัวตกกระทบบนใบหน้าเขา เสริมให้เงาของสันจมูกสูงขึ้น แววตาที่สะท้อนแสงก็ยิ่งดูลุ่มลึกกว่าเดิม
พอเธอเห็นว่าเป็นเขา ก็เบี่ยงตัวเพื่อเป็นการเชื้อเชิญให้เขาเข้าไปด้านใน
ลี่เฉินซีเองก็ไม่ได้ปฏิเสธ ก้าวเดินเข้าไปในห้องทันที
สิ่งแรกที่เห็นก็คือเด็กสองคนที่กำลังนั่งดูการ์ตูนอยู่บนโซฟาอย่างออกรส ใบหน้าเย็นชาของเขา ก็เริ่มปรากฏรอยยิ้มอ่อนโยนขึ้นมา ขณะที่เดินเข้าไป ก็พูดขึ้นว่า “พวกเธอสองคนกำลังดูการ์ตูนกันอยู่เหรอ ?”
เตียวเตียวนั้นเป็นมิตรมาก “คุณคือคุณลุงคนนั้น !”
เขายิ้ม แล้วยื่นมือข้างหนึ่งไปลูบหัวเด็กน้อย “เธอจำฉันได้ด้วยเหรอ ?”
“ครับ แล้วพี่ชายคนนั้นล่ะครับ ?” เตียวเตียวหมายถึงลี่เจิ้ง
แต่พอพูดขึ้นมาตอนนี้ ในใจของลี่เฉินซี ก็อดไม่ได้ที่จะเกิดความสับสนขึ้นมาชั่วครู่ แต่ก็หายไปอย่างรวดเร็ว แล้วรีบพูดว่า “พี่ชายไม่สบาย ตอนนี้เลยอยู่ในระหว่างพักผ่อน”
“พี่ชายไม่สบายเหรอ ? เป็นอะไรมากไหมครับ ? ผมอยากเจอพี่ชายอีก……”
ถึงแม้เตียวเตียวจะเพิ่งเคยเจอลี่เจิ้งแค่ครั้งเดียว แต่กลับรู้สึกถูกชะตามาก ขนาดลี่เฉินซีเองก็ยังสัมผัสได้ ว่าลี่เจิ้งที่ปกติจะมีนิสัยสันโดษ แต่กลับสนใจเด็กคนหนึ่งที่อายุน้อยกว่าตัวเองหลายปีแบบนั้นได้
ต้องรู้ว่า ลี่เจิ้งสมัยก่อนนั้น ขนาดชาร์ลีเองเขายังไม่ค่อยจะสนใจเลย
ที่กลับกันก็คือชาร์ลี ที่คอยเอาแต่ไล่ตามตูดของลี่เจิ้งทุกวัน แล้วตะโกนเรียกพี่ชายไม่หยุด แต่นั่นกลับยิ่งทำให้ลี่เจิ้งรู้สึกต่อต้านกว่าเดิม
“รอให้พี่ชายหายป่วยก่อน เดี๋ยวลุงจะพาเธอไปเจอเขา” ลี่เฉินซีนั่งลง
เขาเพิ่งจะนั่งลง ซีซีก็ลุกขึ้นทันที มือน้อยๆยื่นไปคว้าเตียวเตียว เป็นสัญญาณว่าจะกลับห้อง
เตียวเตียวไม่อาจปฏิเสธได้ ก็เลยทำได้แค่ต้องบอกลาลี่เฉินซี แล้วเดินไปกับซีซี
มองดูเด็กสองคนเดินกลับห้องไป ลี่เฉินซีที่นั่งอยู่ตรงนั้นก็รู้สึกหดหู่เล็กน้อย มองดูซูย้าวที่กำลังเดินเข้ามาแล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่าซีซีจะไม่ค่อยชอบฉัน……”
“ฉันบอกแล้วไง เธอก็เป็นแบบนี้แหละ เย็นชากับคนแปลกหน้ามาก” ซูย้าวกดหยุดการ์ตูนที่กำลังเล่นอยู่บนทีวี แล้วเดินเข้าไปในครัวเพื่อตักน้ำให้เขา แล้วพูดต่อว่า “รอให้สนิทกันอีกสักหน่อยก็จะดีขึ้นเอง ค่อยๆเป็นค่อยๆไปเถอะ !”
ลี่เฉินซีเองก็พูดขึ้น “นั่นสิ รีบร้อนไม่ได้หรอก”
“แต่ว่า ที่คุณมาเอาเวลาป่านนี้ ก็เพื่อจะมาทำความสนิทสนมกับลูกสาวเหรอ ?” เธอถาม
เขายิ้มแล้วส่ายหน้า “ไม่ใช่ ฉันมาดูเธอน่ะ”
“ฉัน ?” ยิ่งทำให้เธอแปลกใจเข้าไปใหญ่
“ช่วงบ่ายตอนอยู่ที่โรงเรียนอนุบาล เธอเป็นอะไรไปกันแน่ ?” ลี่เฉินซีมองดูเธอ ด้วยแววตาที่เฉียบแหลม
ซูย้าวชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยักไหล่แล้วหัวเราะออกมา “ฉันเป็นอะไรที่ไหนกัน ?”
ลี่เฉินซีมองดูเธอ เม้มริมฝีปากบาง สายตาที่มืดมนนำมาซึ่งความเฉียบแหลมอันเยือกเย็นที่ไม่อาจหลอกลวงได้ เสียงที่ออกมาจากปากนั้นทุ้มต่ำเล็กน้อย “ถนัดเรื่องการสังเกตสีหน้าคนอื่น แต่กลับไม่ถนัดเรื่องการซ่อนความรู้สึกของตัวเอง พูดมาเถอะ ! เธอหลอกฉันไม่ได้หรอก”
“หลอกอะไรกัน ? คุณอยากจะพูดอะไรกันแน่ ?” เธอดูประหลาดใจราวกับว่าเธอไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรอยู่
ลี่เฉินซีลุกขึ้นยืน แล้วเดินไปจับมือของเธอ ดวงตาสีเข้มจ้องเธอเขม็ง “ช่วงบ่าย ดูเหมือนเธอเพิ่งจะเคยเจอชาร์ลีครั้งแรกสินะ ?”
ลางสังหรณ์บอกเขาว่า ท่าทีที่ซูย้าวมีต่อชาร์ลีในตอนนั้น จะต้องไม่ธรรมดาแน่ !
ไม่มีการเสแสร้งใดๆทั้งสิ้น มันเป็นการอยากใกล้ชิดกับเด็กคนนั้นตามสัญชาตญาณ ไม่ใช่แบบเจตนาร้าย ตรงกันข้ามกลับค่อนข้าง……
แต่ค่อนข้างอะไรนั้น เขาเองก็คิดไม่ออกเหมือนกัน ก็แค่รู้สึกว่ามันไม่ปกติ
“ถ้าใช่แล้วทำไม ?” ซูย้าวรีบซ่อนความสับสนที่อยู่ในใจ จนดูเหมือนกลับมาเป็นปกติได้ในชั่วพริบตา “ฉันไม่ได้ทำอะไรเด็กคนนั้นสักหน่อย อีกอย่างเขาก็อายุแค่ห้าขวบ คุณคิดว่าฉันจะทำร้ายเด็กอายุห้าขวบงั้นเหรอ ?”
เขาขมวดคิ้วทันที “ฉันไม่ได้บอกว่าเธอจะทำร้ายเขา เพียงแค่……”
“เพียงแค่อะไร ?” ซูย้าวแสร้งถาม แล้วพูดต่ออีกว่า “ฉันรู้แล้ว คุณอยากจะถามว่าทำไมจู่ๆฉันถึงอยากกอดเด็กคนนั้นสินะ ?”
มองดูคิ้วที่ขมวดกันแน่นของลี่เฉินซี เธอก็ก้าวถอยหลังไปหลายก้าว จากนั้นก็พูดเสียงต่ำว่า “คุณรู้ไหมว่าทำไมจู่ๆฉันถึงจะรับเลี้ยงเตียวเตียว ?”
เขามองดูเธอ แล้วเหมือนจะได้คำตอบจากแววตาของเธอ
จากนั้น ซูย้าวพูดด้วยเสียงต่ำว่า “เพราะว่าพอเห็นเด็กคนนั้น ฉันก็คิดถึงเจิ้งเอ๋อ ตอนที่เขาห้าขวบ ฉันนยังอยู่ที่ต่างประเทศ ในฐานะคนเป็นแม่ ไม่ได้อยู่ข้างกายลูกตอนเขากำลังเติบโต นี่เป็นความรู้สึกผิดที่จะติดอยู่ในใจฉันไปตลอดชีวิต !”
ตอนที่หัวข้อสนทนาพูดถึงเจิ้งเอ๋อนั้น ลี่เฉินซีก็เงียบลงทันที
เธอรู้สึกผิดต่อเจิ้งเอ๋อ
แล้ว เขาจะไม่รู้สึกผิดเลยหรือ ?
ว่ากันว่าวิธีที่จะรักเด็กคนหนึ่งให้ดีที่สุด ก็คือรักแม่ของลูกให้ดีที่สุด มีเพียงการได้ใช้ชีวิตในครอบครัวที่อบอุ่นสวยงามเท่านั้น ถึงจะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเด็กที่สุด
ถึงแม้ว่าในโลกของผู้ใหญ่ จะไม่สามารถปรับเปลี่ยนทิศทางไปเพราะว่าเด็กคนหนึ่งเท่านั้น พื้นฐานของชีวิตสมรส ก็ไม่ใช่แค่การมีลูกคนสองคนแล้วจะมั่นคง แต่ในฐานะคนเป็นผู้ใหญ่ กล้ามีลูกก็ต้องกล้าเลี้ยงดู ถ้ากล้ามีลูกแล้ว ก็ต้องกล้ารับผิดชอบและเผชิญหน้า !
หากไม่สามารถมอบครอบครัวที่ดีงามให้เด็กๆได้ ก็อย่านำชีวิตนั้นมาสู่โลกใบนี้เลย
ลี่เฉินซีมองดูเธอ แล้วยิ้มอย่างขมขื่น “ถ้าสุดท้ายผลตรวจสอบออกมาแล้ว หากเธอไม่ได้เป็นคนทำร้ายเจิ้งเอ๋อ ทำให้เขาเกิดอุบัติเหตุ ถ้าอย่างนั้น ฉันก็คงรู้สึกผิดต่อเจิ้งเอ๋อและเธอ”
“ตอนนั้นที่หย่ากัน ขอโทษนะ”
ซูย้าวรู้สึกเหมือนเลือดที่ไหลเวียนอยู่ทั่วร่างถูกแช่แข็ง ข้อต่อทุกส่วนขึ้นสนิม และไร้การตอบสนองไปครู่ใหญ่