เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 338
ชอปปิ้งพลาซ่าใจกลางเมือง รายล้อมไปด้วยห้างสรรพสินค้าที่มีจุดเด่นหลากหลายแห่ง บางธุรกิจแฟรนไชส์ของแบรนด์ต่างประเทศ ได้ก่อตั้งอยู่ที่นี่ทั้งหมด
ที่นี่เป็นสวรรค์ของเหล่าคุณผู้หญิงนักชอปเมือง A แล้วก็เป็นโซนใจกลางเมืองที่เจริญรุ่งเรือง ภายใต้สาขาของจู้สือนอกจากผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์กับเกมในอินเตอร์เน็ตแล้ว ที่มากไปกว่านั้น ยังเป็นพวกของใช้ในชีวิตประจำวัน ศูนย์การค้าที่ก่อตั้งอยู่ด้านนี้ก็มีมากมาย
แม้จะบอกว่าเป็นแบรนด์ต่างประเทศ แต่เพิ่งเข้ามาในตลาดภายในประเทศ เพื่อรับกับความต้องการของทุกคน ให้คนมากมายเชื่อมั่นและยอมรับในตัวจู้สือ ซูย้าวจึงให้แผนกประชาสัมพันธ์จัดกิจกรรมกระตุ้นการขายเพิ่มขึ้นอีก
ในเวลาเดียวกันยังเชิญดาราไอดอลชั้นแนวหน้ามากมาย เพื่อมาเป็นตัวแทนโฆษณา กระตุ้นความคิดการอุปโภคบริโภคของผู้คน
กิจกรรมที่ด้านนี้เริ่มขึ้นเป็นวันแรก สถานที่จัดงานมีคนแน่นขนัด สถานการณ์คึกคักเป็นพิเศษ
แฟนคลับของดาราไม่น้อยเลยที่พากันกรูเข้ามา เหมือนกับเปิดคอนเสิร์ตอย่างนั้น คนพรั่งพรู เบียดเสียดยัดเยียดจนทำให้รปภ.ค่อนข้างวุ่นวาย
นอกจากสถานที่จัดงานที่คึกคักแล้ว ผลิตภัณฑ์ก็ได้รับการยอมรับจากคนหนุ่มสาวมากมาย ยังไม่ถึงวัน ผู้จัดการที่ดูแลกิจกรรมก็มารายงานเธอว่า มูลค่ารายได้ตอนนี้เกินเจ็ดหลักแล้ว
กิจกรรมอย่างนี้ต้องดำเนินการต่อไปทั้งหมดเจ็ดวัน ถ้ากิจกรรมจัดเสร็จแล้ว ของใช้ในชีวิตประจำวันภายใต้สาขาของจู้สือพวกนี้ ก็คงได้รับการยอมรับจากทุกคน สำหรับการขายครั้งต่อไป คงช่วยได้มากแล้ว
ซูย้าวเตร็ดเตร่อยู่ที่สถานที่จัดงานสักพัก กำลังมองกลุ่มคนที่ครึกครื้น บรรยากาศอึกทึกครึกโครมเพิ่มมากขึ้น เธอเพียงแค่กำชับว่า “ดูแลดาราที่เชิญมางานแต่ละท่านให้ดี แล้วก็จัดการผู้ชมกลุ่มนี้ในงานให้ดีด้วย อย่าลืมความเป็นระเบียบเรียบร้อยนะ”
อันที่จริงที่นี่ไม่ใช่คอนเสิร์ต ที่จะสามารถเพลิดเพลินกับการฟังเพลงในโอกาสที่จัดขึ้นโดยเฉพาะนี้ได้ ที่นี่เป็นเพียงแค่กิจกรรม ไม่ส่งผลกระทบต่อการค้าขายของร้านค้าอื่นๆจะดีกว่า
ผู้จัดการพยักหน้า “คุณสบายใจได้! ฉันจะระมัดระวังให้ดี!”
จากนั้น เธอก็เดินอยู่รอบๆสถานที่จัดงาน สินค้าที่เคาน์เตอร์โดนคนแย่งกันซื้อไปจนโล่ง พนักงานร้านจึงต้องคอยเติมสินค้าอยู่ตลอด ถึงจะเพียงพอกับปริมาณลูกค้าที่เฮโลกันเข้ามา
ลดราคา 20% ติดต่อกันเจ็ดวัน ราคานี้ ถูกกว่าซื้อเข้ามาจากต่างประเทศซะอีก จึงเป็นธรรมดาที่จะทำให้ผู้คนแย่งกันซื้อ
สถานการณ์ในที่จัดงานค่อนข้างราบรื่น ซูย้าวดูเวลา เกือบจะสี่โมงกว่าแล้ว รออีกเดี๋ยวค่อยไปโรงเรียนอนุบาลก็ยังทันเวลา
กำลังคิดๆ แล้วเดินไปข้างหน้า แต่กลับเห็นเคาน์เตอร์ด้านหน้า แออัดไปด้วยคนหนุ่มสาวมากมาย เหมือนกำลังต่อแถว แล้วก็เหมือนกับกำลังรอคอยอะไร คนไม่น้อยเลยที่บ่นกับระงมด้วยความไม่พอใจ
ซูย้าวจึงเดินเข้าไป เลือกถามหญิงสาวคนหนึ่ง ท่ามกลางคนในนั้น “ขอโทษนะคะขอถามหน่อยนี่พวกคุณ……”
“รอพนักงานร้าน! เธอบอกว่าจะไปหยิบสินค้า แต่ครึ่งชั่วโมงแล้ว ก็ยังไม่เห็นกลับมาเลย!”
ซูย้าวคิดๆ จึงหมุนตัวส่งเลขาไปดู ถ้าไม่มีเรื่องอะไรก็ดี แล้วจัดการพนักงานร้านคนอื่นมาต้อนรับลูกค้าพวกนี้
เลขาไปไม่กี่นาที ตอนที่กลับมา สีหน้าก็เคร่งขรึมเล็กน้อย เดินเข้ามาใกล้ๆ พูดเบาๆที่ข้างหูของซูย้าว
พูดจบ ซูย้าวมองไปที่ผู้จัดการที่รับผิดชอบทั้งศูนย์การค้านี้ พูดเรียบๆ “ผู้จัดการเถียน พนักงานที่รับผิดชอบเคาน์เตอร์นี้ เป็นลูกสาวของคุณเหรอ?”
“เอ่อ……ครับ!” ผู้จัดการราวกับนึกอะไรได้ ท่าทางลนลานขึ้นมาทันที รีบเดินเข้ามา “ประธานซูครับ คุณฟังผมอธิบาย……”
ซูย้าวไม่ได้สนใจเขา เดินขึ้นไปบนอาคารทันที
ห้องทำงานผู้จัดการด้านบน ซูย้าวยืนอยู่ด้านข้างของห้องทำงาน หยิบเอกสารกองหนึ่งบนโต๊ะขึ้นมา เป็นเอกสารของพนักงานที่เคาน์เตอร์แต่ละคนของกิจกรรมครั้งนี้ เธอพลิกเปิดดูตามต้องการ แล้วหยุดอยู่ที่หน้าของหญิงสาวที่ชื่อเถียนลี่ลี่
ผู้จัดการยืนอยู่ด้านข้าง ด้วยความประหม่าไม่รู้จะทำอย่างไรดี
ซูย้าวให้เลขาไปตามเถียนลี่ลี่มาที่ห้องทำงาน เลขาจึงออกไปก่อน
ในห้องทำงาน จึงเหลือเพียงสองคน ผู้จัดการเอ่ยปากด้วยความกระวนกระวาย “ประธานซูครับ ขอโทษจริงๆครับ ลูกสาวของผมเพิ่งจะเรียนจบ ผมจึงอยากให้เธอมาช่วยหน่อย ไม่คิดว่า เด็กคนนี้จะไม่รู้จักหน้าที่ ไม่รู้ว่าไปไหนแล้ว!”
“เวลาทำงาน ไม่ตั้งใจทำงาน ออกไปโดยไม่ขออนุญาต คุณรู้ไหมว่าต้องมีความรับผิดชอบ?”
ซูย้าวมองผู้จัดการอย่างเย็นชา
จริงๆ ตั้งแต่เธอมารับผิดชอบแผนกการตลาด ภายใต้ศูนย์การค้า เรื่องอย่างนี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก แต่ละครั้งก็มีการลงโทษจะได้เข็ดหลาบไม่ทำอีก ถ้าหากว่าหนักหนา จะไล่ออกทันที
นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
เธอเองไม่ได้โมโหสักเท่าไหร่ น้ำเสียงปกติ เพียงแค่เข้มงวดเล็กน้อย
“ขอโทษจริงๆครับ เป็นความผิดของผมเอง! ผมไม่ได้สั่งสอนลูกสาวให้ดี เป็นความรับผิดชอบของผมเองครับ!”
กลับกันผู้จัดการเถียนคนนี้ ท่าทางสำนึกผิดจริงๆ
ตัวเขาเองก็อายุห้าสิบกว่าแล้ว ซูย้าวก็ไม่อยากจะทำให้เขาลำบากเกินไป แค่พูดไปเล็กน้อย “ครั้งนี้ช่างเถอะค่ะ อย่าให้เกิดขึ้นอีกนะ!”
“ขอบคุณมากครับประธานซู!” ผู้จัดการเถียนขอบคุณหลายต่อหลายครั้ง กลับทำให้ซูย้าวค่อนข้างทำตัวไม่ถูกเลย
เธอวางเอกสารลง ดูเวลา ใกล้ถึงเวลาที่เด็กๆจะเลิกเรียนแล้ว จึงกำชับเล็กน้อย แล้วยืดตัวเดินออกไปข้างนอก
เพิ่งผลักประตูห้องทำงานออกไป แต่กลับเห็นหลินโม่ป่ายเดินผ่านมาพอดี
ทั้งสองต่างชะงักงัน หลินโม่ป่ายหยุดฝีเท้าลง มองเธอ “ทำไมเธอมาอยู่ที่นี่?”
ซูย้าวตอบ “ประโยคนี้ฉันควรจะถามนายหรือเปล่า?”
เธอจำได้ว่าหลังจากเขากลับมาในประเทศก็โดนมหาวิทยาลัยแพทย์เชิญไปเป็นศาสตราจารย์ด้านการแพทย์ เพื่อสอนนักศึกษาโดยเฉพาะ ตารางงานแน่นทุกวัน ทำไมถึงมีเวลาว่างมาที่นี่ได้ล่ะ?
“ที่นี่มีเพื่อนฉันคนหนึ่ง ให้ฉันมาช่วยเหลือเขาหน่อย” หลินโม่ป่ายยิ้มบางๆมองเธอ กังวลว่าเธอจะคิดมาก จึงพูดเพิ่มเติม “แค่เรื่องเล็กน้อย เกี่ยวกับนักเรียนคนหนึ่งของฉัน”
ซูย้าวพูด “ดูไม่ออกเลย เพิ่งจะเป็นอาจารย์ได้ไม่กี่วัน ก็เริ่มเป็นอาจารย์ที่ทุ่มเทแล้ว เริ่มช่วยเหลือนักเรียนซะแล้ว!”
“เรื่องเล็กน้อยเอง!” บนใบหน้าขาวละเอียดของเขามีรอยยิ้มบางๆ “เธอเสร็จธุระที่ด้านนี้หรือยัง? ถ้าเสร็จแล้ว เราไปรับซีซีกับ……”
เขายังพูดไม่ทันจบ เลขาก็พาเถียนลี่ลี่ออกมาจากในลิฟต์ เห็นทั้งสองคน เถียนลี่ลี่หน้าตาลำบากใจ อยากจะขอโทษ แต่กลับรู้สึกเคอะเขิน
“ช่างเถอะ พ่อเธออยู่ในห้องทำงานน่ะ!” ซูย้าวพูด
เถียนลี่ลี่ก้มหน้า รีบเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว
ลิฟต์หยุดอยู่ที่ชั้นนี้พอดี ซูย้าวกับหลินโม่ป่ายจึงเดินเข้าไป ในวินาทีนั้นที่ลิฟต์กำลังจะปิด เสียงแหลมๆของผู้หญิงก็ดังขึ้นมา
“พ่อ!”
เสียงตื่นตกใจอย่างถึงที่สุด ราวกับเกิดอะไรขึ้น
ซูย้าวสีหน้าหวาดหวั่น สบตากับเลขา พวกเขาทยอยออกจากลิฟต์ ตอนที่กลับไปห้องทำงานอีกครั้ง กลับเห็นผู้จัดการเถียนนอนอยู่บนพื้น หน้าเขียว เถียนลี่ลี่เขย่าแขนของพ่อเธออยู่ข้างๆ “พ่อ พ่อเป็นอะไรไป? พ่อลืมตาขึ้นมา อย่าทำให้หนูตกใจสิ!”
ซูย้าวตะลึงงัน เมื่อครู่ผู้จัดการเถียนยังดีๆอยู่เลย ไม่ได้ถึงกับมีชีวิตชีวากระโดดโลดเต้น แต่ก็ดูปกติอย่างแน่นอน ชั่วพริบตา ทำไมถึง……
แค่เห็นสถานการณ์อย่างนี้ หลินโม่ป่ายเนื่องด้วยอาชีพของตนเอง จึงรีบก้าวเข้าไปทันที ตรวจสอบอาการผิดปกติในร่างกายก่อน แกะกระดุมสูทกับเนกไท ดึงเสื้อเชิ้ตออก ปั๊มหัวใจพร้อมกับสั่งคนข้างๆ “รีบโทรเรียกรถพยาบาล! เร็ว!”
เนื่องจากจู่ๆพ่อก็เป็นอย่างนี้เถียนลี่ลี่จึงตื่นตระหนกตกใจไปหมด ลืมแล้วว่าควรทำเช่นไร เป็น ซูย้าวที่ได้สติกลับมาทันเวลา หยิบมือถือขึ้นมาโทรเรียกรถพยาบาล
จากนั้น เธอจึงกำชับเลขา “คุณไปแจ้งผู้ช่วยผู้จัดการ ตอนนี้เธอต้องเป็นคนดูแลกิจกรรมที่ด้านล่างคนเดียวทั้งหมด”
“ได้ค่ะ!”
เพราะอยู่ใจกลางเมือง ที่ตั้งสะดวกสบาย ไม่กี่นาทีรถพยาบาลก็มาถึงแล้ว ทุกคนพาผู้จัดการเถียนออกจากประตูหลังของห้างสรรพสินค้ายกขึ้นไปในรถพยาบาล หลินโม่ป่ายในฐานะที่เป็นหมอ จึงตามไปข้างกาย จะได้ช่วยชีวิตได้ตลอดเวลา
บางทีอาจจะเนื่องจากสัญชาตญาณเป็นเหตุ ซูย้าวเอาแต่รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น
หลังจากที่รถพยาบาลออกไป เธอก็ขับรถไปที่โรงพยาบาลทันที