เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 34
บทที่ 34 บุพเพสันนิวาส
หลังจากเจิ้งเอ๋อโดนอุ้มไป ซูย้าวก็กระวนกระวายตลอดทั้งวัน เหมือนกับชิ้นส่วนถูกตัดของไป
เหมือนตายไปสามวัน ในที่สุด เธอได้ใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลเพื่อยืนยันการหายจากโรคภูมิแพ้ เธออดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างโล่งอก
พอได้รับก็อยากจะเอาไปให้ลี่เฉินซีดูทันที แต่เธอก็แค่เดินวนไปมารอบประตูโรงพยาบาล
เขาเกลียดเธอขนาดไหน ตัวเธอเองรู้ดี
ยังมีที่เขาเคยโหดร้ายกับเธอ…..ทุกคำที่เขาพูด ทั้งหมดนั้นมันวนเวียนอยู่ในหัวของซูย้าว นิ้วเรียวที่จับกระเป๋าอยู่ ก็จับแน่นยิ่งขึ้น
ตกเย็น ยากนักที่ลี่เฉินซีจะกลับบ้าน ซูย้าวตั้งใจเอาเผือกออกมา ทำสาคูเป็นอาหารมื้อดึก
เธอจำได้ว่า เขาชอบของหวานพวกนี้ ชอบมาตั้งแต่เด็ก
ซูย้าวถือชามสาคูแล้วเคาะประตูอย่างมีความสุข แต่เคาะไปหลายครั้งก็ไม่มีเสียงตอบรับ แต่ก็ได้ยินเสียงน้ำดังออกมาจากด้านใน
เธอค่อยๆ เปิดประตูห้องหนังสือออกอย่างเบามือ คิดว่าจะวางขนมไว้ให้ก่อน รอให้เขากินแล้วอารมณ์ดีขึ้นหน่อย แล้วค่อยพูดถึงเรื่องที่ตัวเองหายดีแล้วจะรับลูกกลับมา
หน้าต่างของห้องหนังสือเปิดอยู่ ลมกลางคืนพัดมาเบาๆ แต่ก็พัดเอกสารบนโต๊ะหนังสือปลิวรก ซูย้าวก้มตัวลงไปเก็บ แล้วค่อยๆ จัดให้เป็นระเบียบ แต่นิ้วก็เผลอไปโดนคีย์บอร์ดอย่างไม่ตั้งใจ ทำให้หน้าจอที่ดำมืดเปลี่ยนเป็นสว่างขึ้นมาทันที
หน้าจอหยุดอยู่ที่หน้า Facebook ลี่เฉินซีไม่เคยเล่นอะไรพวกนี้ และมันก็ไม่ใช่หน้าเฟสของเขา
มันเป็นของหานฉ่ายหลิง
เขาเปิดดูอัลบั้มภาพ ลี่เฉินซีกำลังโอบเธอแล้วยิ้มอยู่ใต้ต้นไม้ ทั้งสองคนใส่ชุดคู่สีขาว ดูเป็นธรรมชาติมาก ใบหน้าเต็มไปด้วยความสุขและสนุกสนาน เป็นคู่ที่ดูสมบูรณ์แบบมาก……
รูปนี้น่าจะผ่านมาหลายปีแล้ว ดูได้จากเวลาที่โพสต์ ผ่านมาตั้งนานแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลบ มันหมายความว่าอะไร?
ซูย้าวทำตาตก แล้วหายใจเข้าลึก แต่ในใจก็เจ็บแปล๊บๆ
“เธอกำลังดูอะไร?”
จู่ๆ เสียงเข้มเย็นชาก็ดังขึ้น ลี่เฉินซีนุ่งผ้าขนหนูแค่ผืนเดียวเดินออกมาจากด้านใน แล้วมองผู้หญิงที่อยู่ตรงโต๊ะอย่างเย็นชา
ซูย้าวตกใจ เท้าลื่น ขณะที่จะล้มลม ชายหนุ่มขายาวก็ก้าวเท้ายาวเข้ามา แล้วใช้มือรีบคว้าเธอไว้ ขณะที่จับแขนบางๆ ของเธอ ทั้งสองก็หมุนตัว ร่างเล็กๆ นุ่มๆ ของเธอถูกเขาล็อกไว้ในอ้อมแขน
ทั้งสองเนื้อแนบกัน เขาเปลือยท่อนบน ยังคงมีเม็ดน้ำเปียกๆ อยู่ เธอสัมผัสได้ถึงกล้ามเนื้อที่แข็งแรงของเขาได้อย่างชัดเจน ลมหายใจของเขา เส้นกล้ามเนื้อที่ชัดเจนของเขาดูเซ็กซี่ ทำให้จู่ๆ ซูย้าวก็ใจเต้น ใบหน้าก็เริ่มมีสีแดงระเรื่อ
ดวงตาสีเข้มของชายหนุ่มเหมือนถูกละอองน้ำนึ่ง ราวกับสัมผัสของหมอก ยากที่จะคาดเดาและลึกล้ำ มองไปที่เธออย่างตั้งใจ
ซูย้าวกลืนน้ำลาย และหลบสายตา หัวใจซนๆ ราวกับกวางน้อย เต้นระรัว
ลี่เฉินซีมองไปที่คอมพิวเตอร์ มองไปที่หน้าเว็บกับรูปภาพที่ตนลืมปิด ใบหน้าที่หล่อเหลาขุ่นมัวในทันที
รังสีของความเย็นชาและความโหดร้ายถูกแพร่ออกมาจากร่างสูง เขาใช้มือข้างนึงบีบคางเธอไว้ ถึงจะไม่แรง แต่มันก็พอที่จะเชิดหน้าเธอขึ้น บังคับให้ซูย้าวสบตากับตน ริมฝีปากบางค่อยๆ ขยับ “ใครใช้ให้เธอแตะคอมของฉัน? ”
ซูย้าวนิ่งอยู่ครู่ เธอให้มือข้างนึงหยิบล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า แล้วพิมพ์อย่างรวดเร็ว “ไม่ระวังไปโดน”
“ไม่ระวัง? ” ลี่เฉินซีเหมือนกับว่าสัมผัสได้ถึงทำพูดตลกๆ เสียงทุ้มดังขึ้นซ้ำๆ ยากที่จะแยกความรู้สึกออก
เธอเม้มปากแน่น เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาที่เย็นชาของชายผู้นั้น ใจก็สั่นระรัว
“ขอโทษ”
เธอพิมพ์ไปอีกประโยค
สิ่งที่กลัวที่สุดคือทำให้เขาโกรธ ไม่งั้นผลลัพธ์ ซูย้าวคงจะทนไม่ไหว!
สายตาของลี่เฉินซีขุ่นมัว หลังจากมองเธออยู่ครู่ เขาก็ปล่อยมือ ขณะเดียวกันก็มีคำพูดเย็นชาสองคำดังออกมา—
“ออกไป! “
ซูย้าวไม่กล้าโอ้เอ้ หลังจากดึงสติได้ ก็รีบหันหลังแล้วเดินออกจากห้องหนังสือไป
จ้องมองไปที่แผ่นหลังของผู้หญิงที่รีบร้อนออกไป ในหัวก็มีภาพเมื่อครู่ที่เธอหน้าแดง กับท่าทางกระอักกระอ่วน ลี่เฉินซีขมวดคิ้ว แล้วยกชามขนมที่เธอวางไว้บนโต๊ะขึ้นมา ชิมคำเล็กๆ ชาตินี้……
ทันใดนั้น ใบหน้าอันหล่อเหลาของลี่เฉินซีก็เปลี่ยนไป นัยน์ตาของเขาลึกล้ำ และยากที่จะคาดเดาได้
ณ ห้องข้างๆ เมื่อประตูปิดลง ซูย้าวก็จับไปที่หน้าที่แดงก่ำจนร้อน แล้วพิงไปที่ประตู ตื่นเต้นเกินกว่าจะควบคุมตัวเองได้
แต่พอใจเย็นลง ก็นึกถึงภาพในคอมพิวเตอร์ของเขาขึ้นมาอีก ในใจก็ขมขื่น
ทันใดนั้น ก็ลืมใบแพทย์ที่อยู่ในกระเป๋าไปเลย
เช้าวันถัดมา ลี่เฉินซีเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงมาข้างล่าง เสื้อเชิ้ตที่รีดจนเรียบ และใช้มือข้างนึงพาดสูทไว้ ราวกับฝ่าบาทที่พิถีพิถันในรายละเอียด
ขณะที่เดินมาถึงห้องอาหาร สายตาเย็นชาก็จ้องมองไปยังผู้หญิงที่อยู่ในห้องครัวกับแม่นม แผ่นหลังของร่างบาง ความงามและนุ่มนวลของสตรีจากเมืองเจียงหนาน ก้มหน้าเล็กน้อย ผมดำขลับของเธอก็หล่นออกมาจากข้างหลังหู อย่างไม่รู้ตัว
เขาหวนนึกถึงในความทรงจำของเขา กี่ร้อยกี่พันรอบ ก็ไม่เคยเห็นภาพไหนที่เหมือนอย่างเธอเลย
แต่รสชาติของขนมถ้วยนั้นที่เขากินเมื่อคืน หรือว่าต่อมรับรสเขามีปัญหาเหรอ? !
ซูย้าวยกโจ๊กที่เพิ่งจะต้มเสร็จออกมา แล้ววางลงบนโต๊ะ ขัดความคิดของลี่เฉินซี
เธอเดินเข้าไปใกล้เขา จากนั้นก็หยิบใบรับรองแพทย์ขึ้นมา ขณะยื่นให้เขา ก็ทำตาเป็นประกาย ดูเหมือนจะซ่อนความหวังไว้มากเกินไป
มือเรียวของชายหนุ่มรับมันไว้ มองใบรับรองแพทย์อย่างผ่านๆ แล้วโยนลงบนโต๊ะ จากนั้นเสียงทุ้มก็พูดอย่างอีกชาเหมือนเดิม “ทำไมเหรอ?”
เธอใช้นิ้วชี้ไปที่ส่วนสุดท้ายของใบรับรองแพทย์ ตรงคำที่บอกว่าหายดีแล้ว
ลี่เฉินซีเงยหน้ามอง “เธออยากจะบอกว่าเธอหายดีแล้ว ใช่มั้ย?”
ซูย้าวพยักหน้ารัวๆ
“แล้วยังไง?” อารมณ์ของเขาปกติอย่างเห็นได้ชัด ในสายตาที่เย็นชา ยังคงเงียบงัน
เธอเม้มปาก แล้วก้มหน้าลงอย่างไม่รู้ตัว เธอค่อยๆ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างระแวงแล้วพิมพ์ลงไป “ฉันอยาก……รับเจิ้งเอ๋อกลับมา”
ขณะที่รอเขาตอบ เพียงสั้นๆ ไม่กี่วินาที แต่มันนานราวกับผ่านไปศตวรรษนึง เธอไม่ต้องการที่จะพลาดทุกการแสดงออกบนใบหน้าของเขา ดวงตาของซูย้าวใสแป๋วราวกับสระน้ำ จ้องมองเขาอย่างตื่นเต้น
ขณะรอ ลี่เฉินซีก็ขมวดคิ้วอย่างหมดความอดทน เขาลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วหยิบสูทขึ้นมา ใส่พลางเดินยังประตูหน้า
“พูดอีกทีสิ!”
คำพูดที่เย็นชาไม่กี่คำ เป็นคำตอบสุดท้ายที่เขาให้ เฉยชา และเย็นชา
ทำให้ใจเธอเต้น แล้วหล่นกระแทกพื้นอย่างแรง
ที่จริงลี่เฉินซีจะออกจากบ้าน แต่เมื่อเดินถึงหน้าประตู เงาของร่างบางก็ชะงัก
เสียงพูดพล่ามดังเข้าหูของซูย้าว เสียงเล็กๆ ที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น ทำให้เธอถึงกับประหลาดใจ และเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ก็เห็นหานฉ่ายหลิงอุ้มลูกชายที่พรากจากเธอไปหลายวัน เดินเข้ามาในบ้าน
เจิ้งเอ๋อเกาะอยู่ในอ้อมแขนหานฉ่ายหลิง มือซนๆ กำลังเล่นผมยาวๆ ของเธอ ม้วนๆ เป็นวงกลมๆ
หานฉ่ายหลิงก็ไม่ได้โกรธอะไร แค่อุ้มเขาไว้เฉยๆ แล้วอมยิ้ม มาหยุดลงตรงหน้าซูย้าว แล้วยื่นเด็กน้อยให้เธออุ้ม “มาเจิ้งเอ๋อมาให้แม่อุ้ม ดีมั้ย?”
ซูย้าวอุ้มลูกไว้ แล้วมองไปที่หานฉ่ายหลิงด้วยสีหน้าที่ยุ่งเหยิง พูดอะไรไม่ออก
อีกฝ่ายอมยิ้ม แล้วพูดอธิบาย “ตอนฉันไปเยี่ยมคุณน้า ฉันก็เห็นเจิ้งเอ๋อ เลยช่วยอุ้มกลับมาคืนคุณซูน่ะ!”
อึ้งไปสักครู่ จากนั้นก็มองไปที่นัยน์ตาของซูย้าว แล้วหานฉ่ายหลิงก็พูดขึ้นอีก “ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดไปใช่มั้ยเหนี่ย?”