เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 349
ที่หน้าประตูโรงพยาบาลถูกครอบครัวคนป่วยกับนักข่าวรุมล้อมอย่าแน่น ทุกคนพร้อมใจกันเฝ้า ซูย้าวกับหลินโม่ป่าย เข้าไปในโรงพยาบาลได้อย่างยากลำบากโดยการคุ้มกันของ รปภ.
แต่ด้านนอก ครอบครัวของตระกูลเถียนและญาติๆ กางป้ายใหญ่ออก ยังพิมพ์รูปของหลินโม่ป่ายกับซูย้าวลงไปด้วย ขยายให้สุด กางอยู่ตรงนั้น มีการเขียนคำที่น่าเกลียดและดูถูกทุกชนิด ทันใดนั้นทั้งสองก็ตกเป็นเป้าหมาย ถ้าไม่ลงโทษอย่างหนัก มันก็จะเป็นแบบนี้ไปอีกนาน
ในความเป็นจริง ด้านกฎหมายได้จัดการคดีตามขั้นตอนปกติแล้ว ครอบครัวและญาติๆเหล่านี้ ก็แค่ดึงดูดความสนใจ จงใจจะทำให้เป็นเรื่องใหญ่
ไม่รู้จุดประสงค์ที่แท้จริง แต่ก็พอจะเดาออกว่า ไม่ใช่เหตุผลส่วนตัวอย่างแน่นอน
สำหรับเรื่องที่ผู้จัดการเถียนป่วยกะทันหัน ถึงแม้จะมีความแค้นเคืองมากขนาดไหน ก็ไม่น่าจะทำเช่นนี้ นี่เป็นการทำร้ายร่างกาย และมีการหมิ่นประมาทอีกมากมาย
ผู้ช่วยเสี่ยวหลี่ติดต่อซูย้าว ถามว่าจะดำเนินคดีกับบุคคลเหล่านี้ไหม เธอกับหลินเวยจะได้ดำเนินการทันที
แต่ความหมายของซูย้าวชัดเจนมาก เธออยากให้โอกาสกับสมาชิกในครอบครัวเหล่านี้อีกครั้ง ไม่อยากทำให้เป็นเรื่องใหญ่
ทั้งสองคนไปเยี่ยมผู้จัดการเถียนที่อาการโคม่า ในห้องICU การอยู่ในอาการโคม่านานๆ ถือว่าสภาพค่อนข้างคงที่ แต่จะฟื้นเมื่อไหร่นั้นยังไม่สามารถรู้ได้
“สมาชิกในครอบครัวเหล่านี้ต้องจงใจแน่ๆ ถ้าไม่ใช้เพราะคุณหมอหลินทำการผ่าตัดให้ผู้จัดการเถียน เขาก็ไม่น่าจะไม่ไหวแล้ว ไม่น่าจะอยู่ได้ถึงตอนนี้” พยาบาลขุ่นเคือง กำลังเรียกร้องความยุติธรรมให้หลินโม่ป่าย
เล่ากันว่า หลินโม่ป่ายจะไม่รู้ได้อย่างไร แค่อีกฝ่ายมีการเตรียมมาก่อน เห็นได้ชัดว่ามีการเตรียมมาก่อน เหตุการณ์ครั้งนี้ ทั้งหมดนี้ถือได้ว่าเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เกรงว่าคลื่นลูกใหญ่ น่าจะยังอยู่ข้างหลัง
กว่าทั้งสองจะออกมาจากโรงพยาบาลได้ กลับไปถึงที่โรงแรม ก็เที่ยงแล้ว
เด็กๆยังอยู่ที่โรงเรียน จึงไม่กังวล แต่หลินโม่ป่ายเป็นห่วงซูย้าวเล็กน้อย ดูเธอกังวล ถามด้วยความเป็นห่วง “ทานอะไรหน่อยไหม”
เธอส่ายหัว เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ จะมีความอยากอาหารได้อย่างไร แค่อยากจะคลี่คลายสถานการณ์โดยเร็วที่สุด จัดการตรงหน้าให้เรียบร้อยก่อนจะดีที่สุด
เขากล่าว “จุดประสงค์ของคนพวกนี้ง่ายมาก เห็นได้ชัดว่าเป้าหมายคือฉัน คุณไม่ต้องกังวล ฉันจะจัดการมันเอง”
“จะพูดเช่นนี้ก็ไม่ถูก หลายปีมานี้ ฉันก็มีศัตรูมากมาย” ซูย้าวรู้ดี แม้ตัวเองจะไม่ได้กลับประเทศมาหลายปี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่มีศัตรูเลย
ตอนอยู่ต่างประเทศ ตอนที่เธอเป็นนายหน้าค้าหุ้น เพื่อหารายได้ บีบบริษัทขนาดเล็กและขนาดกลางจำนวนมากล้มอย่างง่ายดาย แม้เธอจะสามารถเลือกลงมือกับพวกคนรวย หรือพวกที่มีประวัติไม่ชัดเจน แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีคนที่แค้นเธอ บังเอิญผู้จัดการเถียนป่วยกะทันหัน ก็เลยถือโอกาสลงมือ ก็ไม่รู้ได้
หลินโม่ป่ายกล่าว “ไม่ต้องกังวล ฉันจะส่งคนไปตรวจสอบให้ชัดเจน”
ต้องตรวจสอบให้ชัดเจนอยู่แล้ว มิฉะนั้น จะไม่รู้ว่าใครคิดจะทำร้าย เจอปัญหาอย่างไม่รู้ตัว พวกเขาก็จะไม่สบายใจ
ทั้งสองคนกำลังคุยกัน โม่หว่านหว่านก็มา
เธอก็เพิ่งเห็นข่าว ถึงได้รู้ว่าหลินโม่ป่ายกับซูย้าวเกิดเรื่องพร้อมกัน รีบลางานที่บริษัท แล้วกลับมาที่โรงแรม
กลับมาถึง ก็เห็นรอยช้ำบนหน้าของหลินโม่ป่าย โกรธทันที “โอ้พระเจ้า พวกเขาทำร้ายคนด้วยเหรอ นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
โม่หว่านหว่านรีบมองไปที่ซูย้าว ตรวจเช้กร่างกายของเธอ “รปภ.ที่โรงพยาบาลป๋อเหรินตายกันหมดแล้วเหรอ มองพวกคุณโดยตีโดนรุมล้อมเหรอ ไอ้พวกสมองเสื่อม”
“คุณใจเย็นๆก่อน ฉันไม่เป็นไร” หลินโม่ป่ายกล่าว “เรื่องมันเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะใจร้อนขนาดนี้ พุ่งเข้ามาทันที……..”
“ทำไมคุณพูดง่ายจัง โชคดีที่แค่วิ่งเข้ามาต่อยคุณ ถ้าถือมีดวิ่งเข้ามา แทงคุณ ตอนนี้คุณก็น่าจะนอนอยู่บนเตียงแล้วมั่ง” โม่หว่านหว่านพูดเสียงดัง แล้วรีบไปหยิบกล่องพยาบาลมา
นั่งลง แล้วเริ่มทายาแผลบนหน้าของหลินโม่ป่าย “ฉันอยู่ที่บริษัท ทันทีที่เห็นข่าวเกี่ยวกับพวกคุณ กำลังถูกถ่ายทอดสด เห็นแล้วรู้สึกโกรธมาก”
“ฉันไม่เป็นไร” หลินโม่ป่ายยิ้ม ยกมือขึ้นแตะรอยช้ำบนใบหน้า รู้สึกเจ็บเล็กน้อย
หลังจากทำแผลเสร็จ โม่หว่านหว่านนั่งลง พยายามใจเย็นลงแล้วมองทั้งสองคน “เอิ่ม นี่มันเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้คุณทั้งสองถูกวิพากษ์วิจารณ์บนอินเทอร์เน็ตอย่างเลวร้าย ต่อว่าต่างๆนานา………”
ซูย้าวไม่ต้องคิดก็เดาออก บนอินเทอร์เน็ตคงยกมาเป็นกองทัพ แล้วยังมีพวกที่ไม่รู้อะไรก็เออออตามคนอื่น จะต้องใช้คำที่น่าเกลียดที่สุด ว่ามาถึงบนหัวของทั้งสองคน หลายปีก่อน เธอก็เคยเป็นข่าว แค่คิดไม่ถึง ออกห่างจากคนคนนั้นแล้ว ก็ขึ้นหน้าหนึ่งอีกครั้ง
หลินโม่ป่ายนั่งอยู่บนโซฟา มีอารมณ์ที่อ่อนแรงบนใบหน้าขาวของเขา พูดเบาๆว่า “ผู้จัดการร้านค้าคนหนึ่งของซูย้าว โรคกำเริบและเป็นลมอย่างกะทันหัน เมื่อส่งมาตรวจที่โรงพยาบาล พบว่ามีเนื้องอกในสมองกดทับเส้นประสาท อาการโคม่ารุนแรง ต้องผ่าตัดอย่างเร่งด่วน”
โม่หว่านหว่านได้ยิน จึงพูดว่า “ถ้าผ่าตัด ก็ไม่น่าจะเป็นหน้าที่ของคุณนะ คุณยังไม่ได้รับมอบหมายให้ไปทำงานที่โรงพยาบาลป๋อเหรินเลย โรงพยาบาลป๋อเหรินที่มีเกียรติ ศัลยแพทย์ยังมีไม่มาก”
“ปัญหาก็อยู่ตรงนี้ล่ะ สถานการณ์ของผู้จัดการเถียนตกอยู่ในอันตราย การผ่าตัดมีระดับความยากสูงมาก ไม่มีหมอคนไหนยอมรับเคสนี้ โดยทั่วไปในสถานการณ์นี้ จะแจ้งครอบครัวคนป่วยให้ประคองการรักษาต่อเนื่อง ประคองได้กี่วันก็ว่ากันไป”
หลินโม่ป่ายขมวดคิ้ว ใจเย็นลงและคิดไตร่ตรอง ถ้าตั้งแต่ต้น เรื่องทั้งหมดจงใจโยงให้พวกเขาสองคนเข้ามาเกี่ยวข้อง เหมือนคนบางคนจงใจวางหมาก ดึงพวกเขาเข้ามาในเกม
“แต่ลูกสาวของผู้จัดการเถียน ยืนยันว่าตอนเกิดเหตุมีเพียงซูย้าวกับผู้จัดการเถียนสองคนอยู่ในสำนักงาน เพราะซูย้าว ทำให้ผู้จัดการเถียนกลายเป็นแบบนี้ ได้ยินว่าการผ่าตัดสามารถช่วยชีวิตของคุณพ่อเธอได้ จึงตัดสินใจขอผ่าตัดทันที แต่ในโรงพยาบาลไม่มีใครกล้ารับเคสนี้ ผู้อำนวยการจึงมาถามฉันเป็นการส่วนตัว”
เขาพูดถึงตรงนี้ โม่หว่านหว่านก็พูดขึ้นทันที “ถามคุณ คุณก็เลยรับเลย โม่ป่าย คุณก็น่าจะรู้ตั้งแต่แรกแล้ว นี่เป็นเผือกร้อนที่ลวกมือ รับมือยาก คนอื่นๆหลบไปหมด ทำไมคุณถึงยังดันตัวเองเข้าไป”
คิดอย่างรอบคอบ ก็เหมือนที่โม่หว่านหว่านพูดจริงๆ มันเป็นเผือกร้อนที่ลวกมือจริงๆ
“นอกจากผู้อำนวยการ ยังมีเถียนลี่ลี่ลูกสาวของผู้จัดการเถียน เธอก็ขอร้องให้ฉันเป็นคนผ่าตัด ช่วยชีวิตของพ่อเธอ ฉันเป็นหมอ ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมาก………..”
โม่หว่านหว่านมองเขา ดูเหมือนรู้สึกแปลกๆ จึงพูดล้อเล่นไปว่า “ไม่จริงมั่ง แค่เพราะคุณเป็นหมอเหรอ เช่นนั้นคนป่วยมากมาย ถ้าทุกคนมาขอร้องคุณ คุณก็จะผ่าตัดให้ทันทีโดยไม่สนใจอะไรเลยเหรอ”
“…………..”
หลินโม่ป่ายโดยเธอต้อนจนมุมไม่รู้จะพูดอย่างไรต่อ เงียบไปสักครู่ ก็กลับคืนรูปที่ไม่แยแสของเขา “ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุทางการแพทย์หรือไม่ยังคงต้องรอตรวจสอบ สำนักความมั่นคงฯก็กำลังสอบสวนอยู่ บันทึกการช่วยเหลือก็ยังอยู่ อีกไม่นานก็จะรู้ผลเร็วๆนี้”
โม่หว่านหว่านกลับบอกว่า “เกรงว่าจะไม่ง่ายขนาดนั้นสิ แม้ฉันจะไม่ใช่หมอ แต่การตัดสินอุบัติเหตุทางการแพทย์โดยทั่วไป ต้องเป็นตอนที่ผู้ป่วยเสียชีวิตแล้ว แต่ผู้จัดการเถียนยังไม่เสียชีวิต พวกเขาก็ป่าวประกาศว่าเป็นเพราะอุบัติเหตุทางการแพทย์แล้ว ยังจงใจใส่ร้ายคุณกับซูย้าว ดูเหมือนว่าจะถูกจัดขึ้นอย่างจงใจ”
เมื่อพูดเช่นนี้ ซูย้าวก็ลองคิดดู ก็เป็นเช่นนั้นจริง
เรื่องนี้ บังเอิญเกิดขึ้นในเวลาที่หลินโม่ป่ายกำลังจะขึ้นรับตำแหน่งของกรุ๊ปหลินพอดี เหมือนจงใจพุ่งเป้ามาที่เขาเลย
“ไม่ว่าจะอย่างไร ไม่สามารถปล่อยให้เรื่องนี้ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อโม่ป่ายได้ ฉันขอไปปรึกษากับหลินเวยก่อน ดูว่าควรทำอย่างไร” ซูย้าวลุกขึ้น เรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว ก็ต้องเผชิญกับมัน การหลีกเลี่ยงไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา