เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 362
ที่จับประตูของระเบียงโดนดึงออก ชายหนุ่มที่ใส่สูทสวมรองเท้าหนังแต่งตัวเรียบร้อย ก้าวเท้าเดินเข้ามา บุคลิกดูเคร่งขรึมน่ากลัว รูปลักษณ์ที่ค่อนข้างดี ดวงตาสีดำที่เย็นยะเยือกแฝงไว้ด้วยลำแสงร้ายกาจ สวยตาที่เย็นชากวาดมองดูผู้คนทีหนึ่ง แล้วในที่สุดก็มาหยุดลงที่ตัวเด็กทั้งสองคน
ร่างกายที่สูงใหญ่ค่อย ๆ ย่อตัวลงไป ความเย็นชาบนใบหน้าถูกความอ่อนโยนเข้ามาแทนที่ แล้วจ้องมองลูกรักทั้งสอง และพูดเสียงเบาว่า “หนูคือซีซีใช่ไหม? ยังจำฉันได้ไหม?”
ซีซีกะพริบตาดวงโตที่สวยงามอยู่ ดวงตาที่ใสแจ๋วกำลังวิเคราะห์เขาอยู่ พอผ่านไปครู่หนึ่งแล้ว ร่างเล็ก ๆ ก็ถอยไปชิดข้าง ๆ เล็กน้อย แล้วก็เอามือจับแขนเล็ก ๆ ของเตียวเตียวไว้อย่างอัตโนมัติ
ลี่เฉินซีมองไปที่เตียวเตียว แล้วฝ่ามือใหญ่ก็ขยี้ลงบนหัวของเด็กเบา ๆ “เตียวเตียว!”
“คุณอา?” เตียวเตียวอึ้งไปเล็กน้อย บนใบหน้าที่อ่อนเยาว์นั้นไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรสักเท่าไหร่
พอปลอบโยนเด็กทั้งสองคนเสร็จ ลี่เฉินซีก็ยืนตัวตรงขึ้น พอเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งก็กลายเป็นคนที่โหดเหี้ยมมากขึ้นมาอีกครั้ง “เมื่อกี้ใครพูดว่าลูกของผมเป็นลูกนอกคอก?”
ผู้ปกครองที่อยู่ในสถานการณ์นี้ ต่างก็โดนพลังของชายหนุ่มทำให้ตกตะลึงไป จนกลั้นหายใจไปทันที แม้แต่จะหายใจแรงก็ยังไม่กล้า
คนที่สามารถเข้ามาเรียนที่โรงเรียนอนุบาลแห่งนี้ได้ ส่วนใหญ่ต่างก็เป็นคนที่อยู่ในวงการนี้ พ่อแม่ส่วนใหญ่ต่างก็เป็นนักธุรกิจ ซึ่งก็ไม่มีทางที่จะไม่รู้จักลี่เฉินซี เบื้องหลังของบริษัทลี่ซื่อ ใครจะกล้าไปยั่วยุกัน?
มองดูผู้ปกครองแต่ละคนที่อยู่ ๆ ก็กลายเป็นเหมือนกับคนใบ้ไปแล้ว โม่หว่านหว่านที่อยู่ข้าง ๆ จึงรีบพูดเสริมขึ้นว่า “เขาและเธอ เมื่อกี้ต่างก็พูด!”
คนที่โดนชี้ตัวออกมาทั้งสองคนนั้นต่างก็ตกตะลึงไป แล้วเสแสร้งยิ้มขึ้นและประจบประแจงอัตโนมัติขึ้นว่า “ที่พวกเราพูดนั่นมันแค่พูดล้อเล่นเท่านั้น เพราะโมโหมากเกินไปชั่วขณะ ถึงได้พูดไปเรื่อย ไม่ได้ตั้งใจพูดจริง ๆ หรอก!”
“เป็นการเข้าใจผิดกันทั้งนั้น เด็ก ๆ ทะเลาะเบาะแว้งกันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว? ในฐานะที่พวกเราเป็นผู้ใหญ่ อย่าเข้าไปยุ่งวุ่นวายด้วยเลย!”
ท่าทางดูตกอกตกใจของทั้งสองคน เหมือนอย่างกับว่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก เทียบกับท่าทางที่จองหองอวดเก่งเมื่อกี้แล้ว เหมือนเปลี่ยนไปสามร้อยหกสิบองศาเลย
และอย่างรวดเร็ว พ่อคนหนึ่งก็พูดขึ้นว่า “แต่คิดไม่ถึงเลยว่า เด็กทั้งสองคนนี้จะเป็น……ลูกของประธานลี่ไปได้?”
“ทำไมก่อนหน้านี้ถึงไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยล่ะ? พวกเราจำได้แค่ว่าคุณมีลูกชายคนหนึ่ง น่าจะอายุเจ็ดแปดขวบแล้วมั้ง!”
พ่อแม่หลายคนถามขึ้นอย่างแปลกใจ แล้วก็ก้มหน้าลงไปมองเตียวเตียวและซีซี ถ้าเทียบกันอย่างละเอียดแล้ว ก็มีส่วนคล้ายกับลี่เฉินซีหลายส่วนอยู่เหมือนกันจริง ๆ
ดวงตาของลี่เฉินซีขรึมลง สำหรับความสงสัยของคนพวกนี้ เขาเองไม่ได้อยากจะอธิบายอะไรซะเท่าไหร่ เพียงแต่แค่หันสายตาไปทางคุณครูอนุบาล “คุณเป็นคุณครูที่รับผิดชอบใช่ไหมครับ?”
คุณครูอึ้งไปเล็กน้อย พอตั้งสติกลับมาได้ก็รีบพยักหน้าทันที
ลี่เฉินซีไม่ได้รีบร้อนเปิดปากพูด แต่กลับส่งสายตาให้กับหวางอี้ที่อยู่ข้าง ๆ ทีหนึ่ง พอหวางอี้รู้ตัว ก็รีบพูดกับโม่หว่านหว่านขึ้นว่า “คุณโม่ ทางนี้มอบให้เป็นหน้าที่ของประธานลี่ของเราดีกว่าครับ! คุณและเด็ก ๆ ออกไปรอข้างนอกก่อนดีกว่า ได้ไหมครับ?”
โม่หว่านหว่านรู้ว่าเขาคงจะพูดคุยอะไรบางอย่างกับคุณครู ก็เลยไม่ได้อยากจะก่อกวน จึงพยักหน้า แล้วก็พาเด็ก ๆ ทั้งสองคนออกไปจากตึกสำนักงาน
แล้วในขณะเดียวกัน ผู้ปกครองคนอื่น ๆ ก็ได้ส่งลูกของตัวเองออกไป เหลือแต่ผู้ใหญ่ทิ้งไว้ในห้องพักครู
“คุณครูครับ พูดอย่างไม่ปิดบังเลย ลี่เจินเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของผม ผมกับแม่ของแกหย่ากันไปเมื่อหลายปีก่อน เพราะฉะนั้นลูกก็เลยโตขึ้นที่เมืองนอก และเพิ่งกลับประเทศมา มาอยู่ข้างกายผม” ลี่เฉินซีเปิดปากพูดขึ้น ดวงตาที่ลึกซึ้งแผ่ขยายความกว้างใหญ่ที่ไร้ขอบเขตออกมา
คุณครูอนุบาล และผู้ปกครองทั้งหมดที่อยู่ที่นี่อยู่ ๆ ก็นึกขึ้นมาได้ว่า เมื่อหลายปีก่อน เคยมีข่าวที่เกี่ยวกับการหย่าร้างของลี่เชินซี แถมยังโดนสำนักข่าวหนังสือพิมพ์ใหญ่ ๆ หลายสำนักเอาไปนำเสนอ แล้วก็เคยกลายเป็นประเด็นข่าวร้อนด้วย
เพราะว่าการหย่าร้าง จึงทำให้สองพ่อลูกห่างเหินกัน เพราะฉะนั้นลี่เจิน หรือก็คือซีซีเพื่อนตัวเล็กถึงได้ไม่ค่อยจะสนใจลี่เฉินซีซะเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นทุกครั้งที่มารับลูก ถ้าไม่ใช่ซูย้าว ก็จะเป็นพี่เลี้ยง ก็เลยไม่เคยเห็นพ่อโผล่หน้าออกมาก่อน……
“ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง!” คุณครูพยักหน้า แสดงให้เห็นว่าเข้าใจสถานการณ์แล้ว
ลี่เฉินซีเองก็หมุนตัวกลับไปด้วย สายตาที่มองไปที่พวกผู้ปกครองนั้น มีความเย็นชาแล้วก็แฝงไปด้วยความขุ่นเคือง ราวกับเสือดาวที่จ้องจะล่าเหยื่ออยู่นิ่ง ๆ ลำแสงนกนักล่าเย็นยะเยือกค่อย ๆ หนักหน่วงขึ้นมา
“สิ่งที่ควรจะอธิบาย ผมก็ได้อธิบายไปหมดแล้ว คิดว่าทุกท่านน่าจะเข้าใจดีแล้วนะครับ?”
คนทั้งหมดต่างก็อึ้งไป หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งแล้วก็รีบพยักหน้าติด ๆ กันทันที “เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว……”
“ในเมื่อเข้าใจแล้ว ถ้างั้น เมื่อกี้คือใคร ที่กำลังพูดว่าลูกสาวของผมเป็นลูกนอกคอก?”
คำพูดของลี่เฉินซีพูดชัดถ้อยชัดคำ น้ำเสียงไม่สูงและไม่ต่ำเกินไป และฟังไม่ออกถึงความรู้สึกโกรธใด ๆ แต่ว่าคำพูดทุกคำกลับฟังดูโหดเหี้ยม เข้ากับลำแสงเย็นยะเยือกที่ซ่อนอยู่ในดวงตาลึกของเขาได้ ซึ่งทำให้รู้สึกกลัวจนตัวสั่นทั้ง ๆ ที่ไม่ได้หนาว!
“พวกเรา……”
ผู้ปกครองทั้งหลายจ้องกันไปจ้องกันมาไม่รู้จะทำยังไงดี โดยเฉพาะเพราะสองคนนั้นที่ด่าอย่างอวดดีเมื่อกี้ ตอนนี้กลับเป็นเหมือนมะเขือเทศที่โดนลูกเห็บตกใส่อย่างหนัก จนห่อเหยี่ยวไปหมด
พอคิดแล้วคิดอีก ในที่สุดคนพวกนี้ก็คิดหาข้ออ้างที่ดีออกมาไม่ได้ จึงได้แต่พูดว่า “ก็ตอนนั้นไม่เข้าใจสถานการณ์ พอเห็นว่าลูก ๆ โดนทำร้าย ก็เลยควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ไปชั่วขณะหนึ่ง ประธานลี่ คุณเป็นคนใหญ่คนโตก็อย่าถือสากับคนเล็ก ๆ อย่างพวกเราเลย ถือซะว่าช่างมันไปเถอะ!”
“เป็นการเผลอหลุดปากพูดไปทั้งนั้น!”
มีคนสายตาว่อกแว่กทีหนึ่ง แล้วอยู่ ๆ ก็เหมือนว่านึกอะไรขึ้นได้ แล้วหัวข้อการสนทนาก็เปลี่ยนไปทันที “ใช่ เผลอหลุดปากไปทั้งนั้น พวกเราไม่ได้หมายถึงลูกสาวของคุณเลย พวกเราหมายถึงเจ้าเด็กนอกคอกคนนั้นต่างหาก!”
“ใช่ ๆ! เจ้าเด็กนอกคอกนั่นเหมือนอย่างกับลิง! วัน ๆ เอาแต่ดื้อเอาแต่ซุกซน จนทำให้พวกคุณครูต้องปวดหัวกันไปหมด!”
“เด็กแบบนี้ ให้มาห้อมล้อมอยู่รอบ ๆ คุณหนูน้อยทั้งวัน คุณคงต้องระวังหน่อยแล้วมั้ง! จะให้เด็กป่าเถื่อนแบบนี้มาทำให้ลูกบ้านตัวเองกลายเป็นคนไม่ดีไปไม่ได้นะ!”
“ก็ใช่นะซิ คุณครูเองก็กลุ้มใจมาก ถูกต้องไหม?”
ผู้ปกครองหลายคนต่างก็ส่งสายตาที่คาดหวังไปทางคุณครู คุณครูเองก็เข้าใจความคิดของพวกผู้ปกครอง และไม่อยากให้พวกเขาต้องลำบากใจมาก ก็เลยยิ้มแหะ ๆ แล้วพูดต่อว่า “เตียวเตียวคนนี้ เป็นเด็กที่ซุกซนไปบ้าง แต่ว่าก็เป็นเด็กผู้ชาย ส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนี้ จึงพูดได้แต่เพียงว่าเด็กคนนี้ ซุกซนมากกว่าเด็กผู้ชายคนอื่น ๆ ก็เท่านั้น!”
ในตอนที่เด็กทั้งสองคนมาเข้าเรียนนั้น ซูย้าวเคยพูดแนะนำประวัติเบื้องหลังของเตียวเตียวกับฝ่ายอนุบาลเป็นการส่วนตัวแล้ว เพราะฉะนั้นคุณครูก็รู้ว่าเตียวเตียวนั้นถูกเก็บมาเลี้ยงชั่วคราว แล้วตอนที่พูดคุยกับผู้ปกครองโดยที่ไม่ได้ตั้งใจนั้น ก็โดนเด็ก ๆ คนอื่นมาได้ยินเข้า จากนั้น ก็แพร่ไปถึงหูของผู้ปกครองคนอื่น ๆ……
พอผ่านไปไม่นาน เรื่องที่เตียวเตียวเป็นเด็กเถื่อน คนก็รู้กันไปทั่วทั้งหมด
ปฏิกิริยาของพวกผู้ปกครองเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ก่อนหน้านี้ต่อต้านเด็กเตียวเตียวและซีซีทั้งสองคน แต่ตอนนี้กลับมาต่อต้านเตียวเตียวแค่คนเดียว แถมยังพูดอย่างพร้อมเพรียงกันเอาเรื่องที่ตีกันครั้งนี้ โยนใส่ตัวเตียวเตียวเพียงคนเดียวด้วย
“ปกติแล้วเด็กซีซีนั่น เรียบร้อยเชื่อฟังมากแค่ไหน ไม่มีทางที่จะมาตีคนอื่นแน่! ต้องเป็นเตียวเตียวคนนี้แน่ เขาเป็นคนคอยบงการสั่งให้ทำแน่!”
“อายุแค่นี้ก็ร้ายกาจขนาดนี้แล้ว โตขึ้นไปนี่จะขนาดไหน เด็กแบบนี้ จะต้องรีบ ๆ ไล่ออกไปดีกว่า!”
“มีเด็กแบบนี้อยู่ในโรงเรียน พวกเราที่เป็นผู้ปกครอง จะมาวางใจได้ยังไง?”
คนนี้พูดคำหนึ่งคนนั้นพูดคำหนึ่ง ท่าทีของคนทั้งหมดแทบจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน แค่ผ่านไปไม่นาน ในใจของพวกเขา เตียวเตียวก็ได้กลายเป็นคนชั่วร้ายตัวเล็กที่โหดร้ายอย่างมากแล้ว จนแทบอยากจะลงโทษให้ตายไปทันทีเลย ถึงจะทำให้คนพวกนี้สบายใจได้
เสียงที่วุ่นวายยังคงดังเซ็งแซ่อยู่ข้างหู หัวคิ้วที่ขมวดเข้าด้วยกันของลี่เฉินซีขมวดอยู่ด้วยกันแน่นขึ้น เส้นเอ็นบนหน้าผากที่หงุดหงิดค่อย ๆ เด่นชัดขึ้น สายตาที่เย็นชามองไปที่คนทั้งหลาย “พวกคุณพูดกันพอหรือยัง?”
ผู้คนทั้งหลายอึ้งไปทันที แล้วสายตาก็มองไปที่เขาอย่างพร้อมเพรียง
และรวมทั้งคุณครูอนุบาลด้วย
“พวกเด็ก ๆ แค่อายุกันเท่าไหร่เอง แค่สี่ห้าขวบ เขาว่ากันว่าพ่อแม่เป็นครูคนแรกของลูก แล้วดูคำพูดและการกระทำของพวกคุณแต่ละคนซิ เป็นแบบนี้แล้วยังจะเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็ก ๆ ได้ยังไง?”
คำพูดพวกนี้ ตอนแรกลี่เฉินซีไม่ได้อยากจะพูดหรอก
ที่เขามาวันนี้ ก็แค่อยากจะมารับลูกสาว แล้วก็ดูเด็กทั้งสองคนสักหน่อย ในเมื่อเรื่องที่ซูย้าวโดนกักตัวไว้ที่โรงแรม เขาก็ได้ยินมาบ้างเหมือนกัน
แต่กลับไม่เคยคิดเลยว่าจะมาเจอกับเรื่องแบบนี้เข้า
“เตียวเตียวเป็นเด็กที่ภรรยาเก่าของผมรับมาเลี้ยง แล้วตอนนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าพ่อแม่แท้ ๆ คือใคร แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเป็นเด็กเถื่อนที่ไม่มีพ่อแม่ ถึงจะดื้อและซุกซน แต่ก็ต้องใช้แนวทางและวิธีที่ถูกต้องมาชักนำเขา ไม่ใช่เหมือนกับที่พวกคุณเพิ่งพูดมาเมื่อกี้ ที่จะตัดสินโทษตายให้กับเด็กไปเลย!”
ลี่เฉินซีถอนหายใจอย่างหงุดหงิดทีหนึ่ง สายตากวาดมองผ่านใบหน้าที่อึ้งอ้าปากค้างของผู้ปกครองพวกนี้ไป แล้วก็ทิ้งไว้อีกประโยคหนึ่งว่า “ยังมีอีกอย่าง ในเมื่อเตียวเตียวเป็นเด็กที่ภรรยาเก่าผมรับมาเลี้ยง ถ้าอย่างงั้น แน่นอนว่าผมเองก็เป็นพ่อของเด็กคนนี้ด้วย ต่อไปช่วยระวังคำพูดของตัวเองหน่อยนะ พูดอะไรที่มันมีคุณธรรมหน่อย!”
จ้องมองแผ่นหลังสูงใหญ่ของชายหนุ่มที่หมุนตัวจากไป พวกผู้ปกครองทั้งหลายรวมทั้งคุณครูอนุบาลด้วย ต่างก็นิ่งอึ้ง แค่พริบตาเดียวต่างก็โดนเขาพูดแย้งกลับมาจนนิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออกกันไปเลย
เหมือนกับว่าในช่วงที่ไม่รู้ตัวนั้น ได้โดนสั่งสอนไปแล้วชุดหนึ่ง