เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 366
แม่บ้านออกมาจากห้องครัว ในมือถือชาโสมที่เพิ่งต้มเสร็จมา แล้วยื่นมาให้ตรงหน้าเจี่ยงเวินอี๋
เธอกวาดมองทีหนึ่ง เหมือนกับว่าจะไม่มีอารมณ์อะไร แล้วก็ไม่ได้สนใจเลย
พอเลขาหลี่เห็นแบบนี้ ก็เปิดปากพูดเกลี้ยกล่อมขึ้นประโยคหนึ่ง “นายหญิง ช่วงนี้คุณนอนหลับได้ไม่ค่อยดี ดื่มชาโสมสักหน่อยดีกว่านะครับ!”
เธอส่ายหน้าเล็กน้อย เหมือนกับว่าจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ “เฮ้อ พอคิดถึงเรื่องของเจิ้งเอ๋อ ฉันก็นอนไม่หลับเลย!”
ตั้งแต่สามขวบหลานก็อยู่กับเธอมาตลอด สามารถพูดได้ว่าเด็กคนนี้นั้นเธอเลี้ยงโตมากับมือ ความรักที่ยังไม่เคยมีให้กับลี่เฉินซีมาก่อน ล้วนทุ่มลงไปบนตัวหลานหมดแล้ว พอเห็นลี่เจิ้งที่นอนหมดสติไม่ตื่นในตอนนี้ เจี่ยงเวินอี๋ก็ปวดใจอย่างกับโดนมีดปักอยู่ ได้แต่เกลียดที่โรคภัยไข้เจ็บไม่สามารถเปลี่ยนกันได้ ไม่งั้น ตอนนี้เธอหวังจริง ๆ ว่าคนที่นอนไม่ได้สติอยู่ หรือว่าตายไปคนนั้น จะเป็นตัวเองคงจะดีไม่รู้ตั้งเท่าไหร่!
พอพูดถึงลี่เจิ้ง เลขาหลี่เองก็ทอดถอนใจ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
ทุกคนต่างก็พูดประโยคหนึ่งว่า‘ยังไงเดี๋ยวก็ตื่น’ แต่ว่าของแค่เป็นคนที่มีความฉลาดหน่อย ก็จะรู้แล้วว่า นี่เป็นเพียงแค่การปลอบใจคนเท่านั้น
เลขาหลี่ทำงานอยู่ข้างกายเจี่ยงเวินอี๋มาก็เป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว พอเห็นเธอเป็นอย่างทุกวันนี้ ก็รู้สึกทนทำใจได้ขึ้นมาไม่ได้บ้าง ในตอนที่กำลังกลุ้มว่าจะใช้คำพูดอะไรมาปลอบใจเธอนั้น ก็ได้ยินเสียงเจี่ยงเวินอี๋สั่งกำชับขึ้นว่า “อ๋อ ใช่แล้ว ช่วงนี้นายช่วยหาหมอจิตแพทย์ที่ชื่อเสียงไม่เลวจากต่างประเทศมาสักไม่กี่คนนะ ยังมีอีกหมอที่เชี่ยวชาญทางด้านพยาธิวิทยา ก็จะต้องเอาที่ดีที่สุด หามาหลาย ๆ คนเลยนะ ”
“ได้ครับ แต่ว่านายหญิง คุณอยากจะ……”
“เอาอาการของซีซีบอกกับหมอพวกนั้นสักหน่อย แล้วลองดูซิว่าจะสามารถมีความหวังรักษาให้หายได้หรือเปล่า” เธอพูดขึ้น
เลขาหลี่อึ้งไปเล็กน้อย ดูท่า เจี่ยงเวินอี๋ยังคงอยากจะรับหลานสาวกลับมาอยู่ดี และยังไม่ได้ลบล้างความคิดนี้ไปทั้งหมด
เขาครุ่นคิดไปเล็กน้อย แล้วก็ถามขึ้นมาประโยคหนึ่งอย่างมีความสงสัย “นายหญิง ผมขอพูดประโยคหนึ่งที่ไม่สมควรจะพูดนะครับ ตอนนี้คุณลี่กับคุณหานก็หมั้นกันแล้ว เรื่องที่จะแต่งงานก็เป็นเรื่องที่ไม่ช้าก็เร็ว ทำไมคุณยังจะต้องเอาแต่คิดถึงหลานสาวที่อยู่ข้างนอกด้วยล่ะครับ? ทำไมไม่รอให้คุณหานแต่งเข้าประตูมาอย่างเป็นทางการแล้ว ค่อยมามีหลานสาวหลานชายเพิ่มให้คุณล่ะ แบบนั้นไม่ดีกว่าเหรอครับ?”
เสียงดังอยู่ในหู เจี่ยงเวินอี๋ก็อดไม่ได้ที่จะสีหน้าขรึมลงมาทันทีทันใด
เลขาหลี่รู้สึกว่าอาจจะเป็นเพราะตัวเองพูดอะไรที่ไม่ควรจะพูดออกไป จึงรีบอธิบายขึ้น แต่กลับโดนเจี่ยงเวินอี๋ยกมือขึ้นมาขัดไว้ซะก่อน……
“นายติดตามอยู่ข้างกายฉันมานานหลายปีขนาดนี้ มีเรื่องบางเรื่องนั้น ก็ไม่ควรที่จะปิดบังนายเลย ไม่เป็นไร เลขาหลี่ ฉันสามารถบอกความจริงกับนายได้”
เลขาหลี่มองไปที่เธอ ดูมีความสงสัยอยู่บ้างจริง ๆ
ถ้าตามสถานการณ์ปกติแล้ว ถึงแม้ว่าจะเป็นย่า ที่รักใคร่ต่อหลานสาว แต่ว่าในเมื่อมีว่าที่ลูกสะใภ้แล้ว แค่รอคอยอีกหน่อย แล้วค่อยคลอดหลานชายหลานสาวก็พอแล้ว ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมาแย่งสิทธิ์ในการเลี้ยงดูบุตรกับลูกสะใภ้คนก่อนเลย
ตระกูลลี่เป็นตระกูลผู้ดีเก่า แล้วถ้าเรื่องแย่งเด็กแบบนี้เกิดเป็นข่าวใหญ่โตขึ้นมา สำหรับโลกภายนอกมาพูดแล้ว ก็จะต้องเป็นเรื่องตลกที่น่าขำที่สุดแน่ แล้วผลกระทบที่มีต่อตระกูลลี่ก็จะไม่ดีมาก ๆ แน่ ๆ
เจี่ยงเวินอี๋เฝ้าปกปักรักษาตระกูลลี่มานานหลายปีขนาดนี้ ในฐานะที่เป็นประมุขของตระกูล หน้าที่รับผิดชอบของเธอคือต้องปกป้องตระกูลลี่ให้ดี นอกจากมรดกแล้ว ยังมีชื่อเสียงและหน้าตาอีก ผลได้หรือผลเสียในนี้ เธอจะต้องสนใจและคิดเล็กคิดน้อยมากกว่าคนอื่น แล้วเรื่องพวกนี้ แม้แต่เลขาหลี่เองยังนึกถึงแล้ว ทำไมเธอถึงจะคิดไม่ออกล่ะ
แต่ทำไมจะต้องดื้อดึงมาจนถึงขั้นนี้ด้วยล่ะ ถึงว่าเลขาหลี่ถึงได้รู้สึกสงสัยได้ เปลี่ยนเป็นใครก็ตาม ก็จะต้องรู้สึกอึดอัดอยู่แล้ว
“ที่จริงนายน่าจะรู้นะ ว่าต่อไปฉ่ายหลิงเธอคงจะมีลูกไม่ได้อีกแล้ว!” เจี่ยงเวินอี๋พูดขึ้น
เลขาหลี่อึ้งไปเล็กน้อย แล้วความทรงจำก็ขุดค้นอยู่ในหัวสมองอย่างรวดเร็ว ถึงได้พอนึกถึงคดีลักพาตัวเมื่อห้าปีก่อนขึ้นมาได้ ถึงแม้ว่าบริษัทHSจะมีความตั้งใจปิดบังเรื่องอาการป่วยของหานฉ่ายหลิง แต่ว่าก็ยังคงโดนเจี่ยงเวินอี๋ส่งคนไปสืบค้นมาได้ แล้วก็รู้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับหานฉ่ายหลิงตอนที่โดนลักพาตัวไป และผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นมาทีหลังด้วย
แล้วนี่ก็เป็นเพราะสาเหตุหนึ่งที่หานฉ่ายหลิงดื้อดึงที่จะคลอดลูกออกมาให้ได้ในตอนแรกด้วย
เลขาหลี่พูดขึ้น “นั่นมันเป็นผลตรวจของเมื่อหลายปีก่อนแล้ว อีกอย่างตอนนี้การแพทย์ก็ก้าวหน้ามาก และสามารถทำเด็กหลอดแก้วได้นี่ครับ!”
“ใช่ วิธีนั้นมีเยอะแยะมากมาย แต่นายจะต้องรู้ ผู้หญิงอย่างหานฉ่ายหลิงนั้นมีนิสัยและความเจ้าเล่ห์ยังไง หรือเปลี่ยนเป็นพูดอีกแบบก็คือ เธอไม่เหมาะสมที่จะมามีลูกหลานสืบสกุลให้กับตระกูลลี่”
คำพูดประโยคเดียว ก็ให้เข้าใจทุกอย่างชัดเจนหมดแล้ว
เลขาหลี่เหมือนกับว่าโดนอะไรมากระทบกระเทือนเข้า จนอึ้งไปครู่หนึ่ง “แต่ว่าคุณก็ได้ยอมรับคุณหานแล้วไม่ใช่เหรอครับ?”
เรื่องหมั้นของช่วงที่ผ่านมาก็เป็นเช่นนี้ ถ้าหากว่าไม่ใช่การยืนกรานของเจี่ยงเวินอี๋ ลี่เฉินซีก็คงจะไม่มีทางยอมหมั้นกับหานฉ่ายหลิงง่าย ๆ แบบนี้แน่!
“ใช่ฉันยอมรับแล้ว แต่ว่าฉันก็แค่ให้สถานะเธออันหนึ่งเท่านั้น! ไม่ได้แปลว่ายอมรับทุกอย่างในตัวเธอ”
เจี่ยงเวินอี๋ยิ้มเย็น แล้วยกชาแก้วนั้นขึ้นมา ค่อย ๆ เป่าเบา ๆ แล้วก็จิบไปคำหนึ่ง
“เขาว่ากันว่าแม่ผัวกับลูกสะใภ้นั้นเป็นศัตรูจากสวรรค์ กำหนดมาแล้วก็ไม่มีทางมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันได้ แต่ว่าอยู่ในตระกูลแบบนี้ กลับไม่สามารถที่จะเกิดการขัดแย้งอะไรขึ้นมาได้”
เจี่ยงเวินอี๋พูดไป ริมฝีปากที่เย็นเฉียบ ก็มีความเย็นที่ดูถูกเสี้ยวหนึ่งโผล่ออกมาในพริบตา
ตระกูลผู้ดีอย่างตระกูลลี่นี้ ระหว่างแม่ผัวและลูกสะใภ้นั้น ถึงแม้ว่าจะเป็นการแสดง แสดงว่ารักกันเหมือนพวกนางในทุกวัน ก็ยังจะต้องรักษาความสัมพันธ์นี้ไว้ และยังจะต้องแสร้งทำเป็นว่างดงามเป็นอย่างมาก เป็นราวกับแม่ลูกกัน จนทำให้ทุกคนรู้สึกอิจฉา
แต่ผู้หญิงอย่างซูย้าวคนนั้น ตั้งแต่ที่เธอยังเป็นเด็กอยู่ เจี่ยงเวินอี๋ก็มองออกแล้วว่า เธอไม่เหมาะที่เข้ามาอยู่ในตระกูลแบบนี้ เพราะเธอเป็นคนดีเกินไป ไร้เดียงสาและบริสุทธิ์ ถึงแม้ว่าจะฉลาด แต่ก็ไม่เหมาะที่จะมาปะทะตบตีกันสุดฤทธิ์
ไม่ว่าจะยังไง หานฉ่ายหลิงก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด
และพอดีที่เธอได้ช่วยตัวเองและลี่เจิ้งไว้ คนทั้งหมดต่างก็เห็นว่าเธอเป็นผู้มีพระคุณ ถ้าอย่างนั้น ทำไมเจี่ยงเวินอี๋จะไม่ผลักเรือให้ไปตามกระแสน้ำ เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส แล้วให้เธอกับลูกชายหมั้นกันเลยล่ะ? ควบคุมลูกสะใภ้แบบนี้คนหนึ่ง ไม่ว่าจะวางแผนใช้งานยังไง หรือว่าหลอกใช้แล้วสละทิ้งยังไง ในใจก็จะไม่รู้สึกเกิดความละอายใจอะไร
เลขาหลี่เหมือนกับว่าจะเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว เพียงแต่ว่าถึงจะเข้าใจแล้ว แต่ในใจ ก็ยังคงตกใจกับแผนการของเจี่ยงเวินอิ๋อยู่ สามารถพูดได้ว่ารอบคอบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นใครต่างก็อยู่ในการควบคุมและแผนการของเธอ มีเพียงแต่ลี่เฉินซีและลี่เจิ้ง ผู้ชายสองคนที่มีความเกี่ยวข้องกับเธอเท่านั้นที่โดนคัดออกไป
ถึงแม้ว่าซีซีจะพูดไม่ได้ แต่ว่าเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในตัว ก็ยังคงเป็นเลือดของตระกูลลี่ และก็ยังคงเป็นหลานสาวที่เจี่ยงเวินอี๋ให้การยอมรับและชื่นชมที่สุดในใจอยู่ เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วเธอก็จะต้องรับตัวเด็กคนนี้กลับมา
ลี่เจิ้งและซีซี เด็กทั้งสองคนนี้ เธอได้มีความคาดหวังสูงต่อพวกเขาไว้นานแล้ว และก็มีความคิดอย่างอื่นแล้วด้วย
……
ในห้องหนังสือของโรงแรม ซูย้าวกำลังหน้าดำคร่ำเครียดอยู่กับกองเอกสารเต็มโต๊ะ แล้วก็เป็นครั้งแรกที่เรื่องเรื่องหนึ่งสามารถทำให้เธอจิตใจวุ่นวายได้เช่นนี้ แต่จากเรื่องเรื่องนี้ ก็ทำให้เธอมีความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับเรื่องอื้อฉาวและความคิดเห็นของประชาชน
ถึงว่ามีคนตั้งมากมายขนาดนั้น ที่ทนแรงกดดันจากความคิดเห็นของสังคมออนไลน์ไม่ได้ จนต้องเลือกการฆ่าตัวตายอย่างไม่รักตัวเองมาเป็นวิธีให้หลุดพ้นได้
คนในโลกภายนอก พวกนักเลงคีย์บอร์ดที่ถูกเอามาใช้เป็นเครื่องมือ และยังมีพวกที่นั่งดูเรื่องสนุกอยู่ในโลกโซเชียลอีก ไม่ได้สนใจเลยว่าความจริงจะเป็นยังไง ฟังไปก็เชื่อไป ใช้แต่มุมมองและความคิดที่ตัวเองชอบเท่านั้น เอามาแสดงความคิดเห็นตามใจชอบ แล้วก็โจมตีด้วยความมุ่งร้าย ยิ่งคิดถึงก็ยิ่งทำให้ปวดใจ
แล้วไม่ว่าจะเป็นยังไง ถ้าเรื่องยังยืดเยื้อต่อไปอย่างนี้ เธอสามารถสละงานของทางด้านจู้สือกรุ๊ปได้ตามใจชอบ แต่ว่าหลินโม่ป่ายจะทำยังไงล่ะ? ความก้าวหน้าของเขาจะต้องได้รับผลกระทบเป็นอย่างมากแน่!
พอคิดไปแบบนี้แล้ว เธอก็นวดขมับขึ้นอย่างเหนื่อยหน่าย พอได้ยินเสียงดังปังปังดังลอยมาจากห้องข้าง ๆ ถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าลูก ๆ ทั้งสองคนอาจจะยังไม่นอน แล้วก็นึกถึงเรื่องที่ตีกันที่โรงเรียนอนุบาลขึ้นมาอย่างอัตโนมัติ พอถอนหายใจขึ้นทีหนึ่งแล้วก็ลุกขึ้นจะเดินออกไป
ยังไม่ได้เดินออกไปจากห้องหนังสือเลย ก็ได้ยินเสียง‘ติ๊งต๊อง’ดังขึ้นมาทีหนึ่ง เป็นเสียงแจ้งเตือนว่าได้รับอีเมลเข้ามา
แล้วเธอก็เดินย้อนกลับมา คิดอยู่ว่าจะเช็กดูสักหน่อย
ในวินาทีที่กดเปิดอีเมลนั้น เม้าท์ก็เลื่อนไปเล็กน้อย แล้วจ้องมองข้อมูลของใครบางคนที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ ตัวทั้งตัวก็รู้สึกหงายหลังไปเลย แล้วก็ตะลึงจนยืนอึ้งอยู่กับที่
เมื่อหลายวันก่อน Jockบอกว่าคนรับผิดชอบเขตพื้นที่ในประเทศได้เลือกเสร็จแล้ว ไม่กี่วันนี้ก็จะมาถึงเมืองAแล้ว แต่กลับไม่ได้บอกประวัติของอีกฝ่ายมาให้ชัดเจน ด้วยความสงสัยเธอจึงให้เลขาไปตรวจสอบมาสักหน่อย แต่กลับคิดไม่ถึงว่า……
จะเป็นคนรู้จักเก่าคนหนึ่งของเธอจริง ๆ ด้วย!
ที่สำคัญ ไม่เพียงเป็นแค่รู้จักเก่าของเธอเท่านั้น ยังเป็นเพื่อนเก่าของหานฉ่ายหลิงอีกด้วย!
คาดคิดไม่ออกเลย ในเวลาแบบนี้Jockส่งคนคนนี้มา ตกลงมัน……หมายความว่ายังไงกันแน่?