เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 372
จบสิ้นการประชุม ทุกคนทยอยกันจากไป ห้องประชุมที่กว้างใหญ่เหลือแค่หลินหวั่นหญิงกับซูย้าว
ก่อนที่โอวหยางเช่อไป ตอนเดินผ่านซูย้าวได้พูดคำหนึ่งว่า “ประธานซู เดี๋ยวมาที่ออฟฟิศของผมหน่อย”
ซูย้าวมองไปที่เขา และตอบตกลงโดยพยักหน้าเบาๆ
พอคนไปหมดแล้ว ตอนที่เหลือแค่เธอทั้งสองคน ซูย้าวก็ได้เก็บข้าวของที่อยู่ในมือ ลุกขึ้นด้วยพร้อมพูดไปด้วยว่า “รองประธานหลินยังมีเรื่องอะไรจะสั่งการมั้ยคะ?”
“ฉันรู้ว่าให้คุณไปเชิญดาราคนหนึ่ง นี่ไม่ใช่งานของคุณเลย เหมือนขี่ช้างจับตั๊กแตน และลำบากใจคุณจริงๆ” หลินหวั่นหญิงพูด
ซูย้าวมองไปที่เธอ ดวงตาคู่สวยเย็นชาและสงบเยือกเย็น “รองประธานหลินพูดเกินไปแล้วค่ะ เรื่องงานไม่แยกว่าใหญ่หรือเล็กหรอกค่ะ”
“คุณคิดแบบนี้จริงๆก็ดีแล้วค่ะ ที่จริงฉันให้คุณไปเชิญอานซินเออร์ คือมีเจตนาอย่างอื่น”
ระหว่างที่หลินหวั่นหญิงพูด ก็ได้ผลักเอกสารชุดหนึ่งมาที่ตรงหน้าของซูย้าว
หลังจากเธอเปิดออกมาดูแวบหนึ่ง ด้านในคือเกี่ยวข้องกับบริษัทเจียงหย่วน
“คนที่หนุนหลังอานซินเออร์ ก็คือเจียงจี้เซิง คุณชายของบริษัทเจียงหย่วน ข่าวฉาวที่เกี่ยวกับทั้งคู่ก็ลือสะพัดไปทั่ว คนที่พอติดตามข่าวบันเทิงอยู่บ้างต่างก็น่าจะรู้” หลินหวั่นหญิงพูด
ซูย้าวย่อมไม่ติดตามข่าวบันเทิงอะไรนั่นอยู่แล้ว แต่กับบริษัทเจียงหย่วนและเจียงจี้เซิงเธอพอรู้อยู่
ถึงแม้บริษัทเจียงหย่วนกับบริษัทลี่ซื่อล้วนเป็นธุรกิจครอบครัว แต่รูปแบบในการบริหารไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นโดยเนื้อแท้แล้วไม่ได้มีการแย่งชิงกัน อีกอย่างบริษัทเจียงหย่วนอยู่เมืองB ที่เมืองAนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เลยทำให้หลายปีมานี้ไม่ได้คบค้าสมาคมอะไรกับบริษัทลี่ซื่อ
แต่ว่า เธอเคยได้ยินพ่อพูดตั้งแต่เด็กว่าบริษัทเจียงหย่วนไม่เหมือนธุรกิจครอบครัวโดยทั่วไป เบื้องหลังของเขาอาจจะเกี่ยวพันกับเรื่องผิดกฎหมาย ทั้งบริษัทก็เหมือนเบื้องหลังของความสกปรกที่มหึมา ไม่ใช่คนดีอะไรเลย
ถ้าจะสืบสานหลักการที่ตั้งใจทำงานและทำธุรกิจดีๆแล้ว งั้นก็ติดต่อและพัวพันกับบริษัทเจียงหย่วนให้น้อยๆหน่อยจะดีกว่า
“ความหมายของรองประธานหลินคือ?” ซูย้าวสอบถาม
หลินหวั่นหญิงยิ้มมุมปาก “ประธานซูฉลาดขนาดนี้ คุณน่าจะสามารถเดาได้มั้งคะ? อานซินเออร์มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้พวกเรา และถ้าบริษัทเจียงหย่วนกำลังทำการร่วมงานกับคุณ งั้นต่อไปยอดขายของแต่ละไตรมาส คาดว่าประธานซูก็ไม่ต้องเป็นห่วงอีกแล้ว!”
“เรื่องที่จ้างอานซินเออร์มาเป็นพรีเซ็นเตอร์สร้างภาพลักษณ์คือเรื่องเล็ก แต่เป้าหมายที่แท้จริงของรองประธานหลินคืออยากร่วมงานกับบริษัทเจียงหย่วน?” คำพูดของซูย้าวได้เปิดโปงความคิดของฝ่ายตรงข้าม
ริมฝีปากแดงจี๊ดของหลินหวั่นหญิงพูดอย่างใจเย็น “ถือว่าใช่มั้ง! หรือว่าประธานซูไม่อยาก?”
ซูย้าวมองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ ดูเหมือนจะประเมินหลินหวั่นหญิงต่ำไปจริงๆ เพิ่งกลับประเทศก็มุ่งเป้าไปที่บริษัทเจียงหย่วนแล้ว
ถ้าครั้งนี้ได้ร่วมงานกับเจียงหย่วนจริงๆ งั้นเป้าหมายต่อไปของเธอจะคือใครอีก?
ก่อนหน้านี้ ซูย้าวก็ได้ร่วมงานกับกรุ๊ปเพ้ยซื่อแล้ว อยู่ในบริษัทขนาดใหญ่ของประเทศ บริษัทลี่ซื่อ กรุ๊ปเพ้ยซื่อ บริษัทเจียงหย่วน สามบริษัทนี้แทบจะสูสีกัน เกรงว่าครั้งนี้คือเจียงหย่วน ครั้งหน้าเธอก็จะเปลี่ยนเป้าไปที่
บริษัทลี่ซื่อแล้ว
“ประธานซูดำรงตำแหน่งแผนกขาย ส่วนสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และการขายผ่านอินเตอร์เน็ตของบริษัทเจียงหย่วนอยู่ในประเทศถือว่าเป็นอันดับต้นๆ ถ้าได้ร่วมงานจริงๆ ไม่เพียงแค่ประธานซูเท่านั้น แต่ยังมีผลประโยชน์มากมายกับจู้สือกรุ๊ปของพวกเราด้วย!” หลินหวั่นหญิงสำรวจซูย้าวอย่างมีความหมายลึกซึ้ง “ถ้าฉันจำไม่ผิดล่ะก็ เหมือนประธานซูกับอานซินเออร์ยังเป็นเพื่อนสมัยเรียนมัธยมปลายด้วยใช่มั้ย?”
มองรอยยิ้มที่มั่นอกมั่นใจของหลินหวั่นหญิง ซูย้าวก็รู้ดีเลยว่าเธอได้เตรียมการมาอย่างดีแน่นอน
คาดว่าคงได้ตรวจสอบอย่างละเอียดมาก่อนแล้ว การประชุมของวันนี้และเรื่องของอานซินเออร์ มันก็เป็นแค่บทนำที่เชิญท่านลงโอ่งเฉยๆ
สำหรับงานของครั้งนี้ ซูย้าวก็หาเหตุผลใดๆมาปฏิเสธไม่ได้ พอคิดๆแล้ว จู่ๆเธอได้ยิ้มอย่างเรียบเฉย “รองประธานหลินพิจารณาได้รอบคอบจังเลยค่ะ บริษัทเจียงหย่วนเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวจริงๆ แต่ความสามารถของฉันมีขีดจำกัด ไม่รู้ว่าจะทำหน้าที่ได้สำเร็จหรือเปล่า แต่ฉันยอมไปลองดูค่ะ และจะพยายามให้ถึงที่สุดค่ะ”
“ประธานซูออกโรง จะต้องลงทุนลงแรงน้อย แต่ได้ผลตอบแทนเป็นทวีคูณแน่นอน! ฉันรอข่าวดีของคุณนะ!” ระหว่างที่หลินหวั่นหญิงพูด รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งอยู่ยิ่งแจ่มใส และยิ่งอยู่ยิ่งอำมหิต
ออกมาจากห้องประชุม หัวใจที่ตึงเครียดของซูย้าวไม่ได้รับการผ่อนคลายเลยสักนิด คาดว่าอานซินเออร์กับเจียงจี้เซิงต่างก็ไม่ใช่คนที่จะรับมือง่ายๆ เกรงว่าคงจะเจอศึกหนักอีกแล้ว
นึกถึงก่อนหน้านี้โอวหยางเช่อได้เรียกตัวเองไปออฟฟิศ เธอได้ก้าวเท้าเดินเข้าไปในห้องของท่านประธาน
หลังจากเคาะประตูแล้ว ได้ผลักประตูเข้าไป
“ประธานโอว คุณหาดิฉันเหรอคะ?” เสียงเรียบเฉยของเธอทั้งเกรงใจและห่างเหิน ไม่อยากทำให้ความสัมพันธ์ของเจ้านายกับลูกน้องยุ่งเหยิงขนาดนั้น
โอวหยางเช่อมองหน้าเธอ จากนั้นได้รีบลุกขึ้นมาแล้วเดินมาใกล้ตรงหน้าเธอ “ซูย้าว เรื่องที่ในประชุมเสนอออกมา ถ้าคุณรู้สึกลำบากใจล่ะก็ ไม่เป็นไรนะ ผมให้คนอื่นไปก็ได้”
“ประธานโอว” สายตาเย็นชาของเธอมองไปที่ผู้ชาย “ฉันรับปากรองประธานหลินแล้วว่าจะพยายามอย่างสุดความสามารถค่ะ”
“ซูย้าว พูดตามตรง ผมก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจู่ๆเธอจะสร้างความลำบากใจให้คุณ ก็เลย…….”
ไม่รอให้โอวหยางเช่อพูดจบ ซูย้าวก็ได้ขัดจังหวะเขา “ไม่เป็นไรค่ะ ประธานโอวกังวลเกินไปแล้วค่ะ เรื่องของงาน ในเมื่อฉันตอบตกลงแล้ว ก็จะพยายามให้สุดความสามารถแน่นอนค่ะ ส่วนจะสำเร็จหรือไม่ มันยังไม่แน่นอนเลยค่ะ”
เธอยิ้มอย่างเรียบเฉย พร้อมพยักหน้าเล็กน้อยอย่างเกรงใจและไม่เสียมารยา “ถ้าไม่มีธุระอย่างอื่นแล้ว ฉันขอตัวก่อนนะคะ!”
มองดูผู้หญิงหันหลังจากไป โอวหยางเช่อกำหมัดแน่นอย่างเกรี้ยวกราด จากนั้นได้ชกไปที่โต๊ะออฟฟิศอย่างโหดหมัดหนึ่ง
ทันใดนั้น ประตูออฟฟิศที่อยู่ด้านหลังถูกผลักออก เสียงนิ่มนวลของผู้หญิงก็ได้ก้องเข้ามา——“นี่เป็นอะไรกันคะ? ทำไมถึงโมโหขนาดนี้?”
โอวหยางเช่อหันมาก็เห็นหลินหวั่นหญิงที่อ่อยให้ท่า ในขณะที่เธอเดินเข้ามาก็ได้ปิดประตูของออฟฟิศด้วย
“หลินหวั่นหญิง ตอนที่คุณกลับประเทศกับผม เคยรับปากผมอะไรบ้าง ลืมเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?” เสียงทุ้มต่ำและเย็นชาของโอวหยางเช่อ แต่ละถ้อยคำแทบจะเต็มไปด้วยความโกรธที่ไม่ต้องพูดก็เห็นได้ชัด
ริมฝีปากแดงของหลินหวั่นหญิงยิ้มอ่อนๆ เธอเดินไปใช้นิ้วมือนิ่มนวลที่เย้าแหย่คอยลูบอยู่แก้มของผู้ชาย กลับถูกโอวหยางเช่อที่เมินใส่ผลักออกอย่างโหด
ประสบกับการรังเกียจของผู้ชาย เธอก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร แค่ยักไหล่พร้อมยิ้มอย่างเรียบเฉย “เรื่องเล็กแค่นี้ คุณก็สงสารแล้วเหรอ?”
“เธอรับผิดชอบแผนกขาย ไม่ใช่พนักงานที่คุณจะสั่งการได้ตามใจชอบ เรื่องที่จ้างดาราอะไรพวกนั้น ต้องถึงขั้นให้เธอไปทำด้วยเหรอ?”
มองดูหน้าตาโกรธจัดของผู้ชาย หลินหวั่นหญิงสูดหายใจลึกๆทีหนึ่ง ถึงแม้เธอกับซูย้าวไม่ค่อยได้คลุกคลีกันมากนัก นอกจากครั้งนี้เปลี่ยนมาเป็นผู้ที่มีตำแหน่งงานสูงกว่าและตำแหน่งงานต่ำกว่า ก่อนหน้านี้ก็แค่รู้จักกันเฉยๆ แต่คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะถึงขั้น………ทำให้คนชอบขนาดนี้!
หลินโม่ป่ายยอมเฝ้าอยู่ที่ข้างกายเธออย่างเต็มอกเต็มใจ ในหนึ่งปีสามารถยืนหยัดทุ่มเทเรื่องเดิมๆทุกวันอย่างไม่ขาดสายเหมือนเวลาผ่านไปแค่วันเดียว ไม่ต้องการผลตอบแทน ยังมีสามีเก่าอีกคนที่ภายนอกตัดขาดความสัมพันธ์อย่างเด็ดขาดแล้ว แต่ความเป็นจริงยังมีเยื่อใยให้แก่กัน ตอนนี้ก็มีโอวหยางเช่อโผล่มาอีกคน เพื่อเธอแล้ว ถึงกับ……
หลินหวั่นหญิงหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา “ที่ฉันให้เธอไป ย่อมมีเหตุผลของฉันอยู่แล้ว ยังมีอีก ถ้าเรื่องนี้สำเร็จแล้ว ก็มีประโยชน์กับเธอเหมือนกัน!”
“หลินหวั่นหญิง นี่คุณ……”
“โอวหยางเช่อ ถ้าคุณแคร์เธอจริงๆก็อย่ายุ่งเรื่องนี้อีก ไม่งั้น จะยิ่งไม่ดีกับเธอ!”
แค่คำพูดเดียวของหลินหวั่นหญิง ก็ได้อุดคำพูดของเขาไว้อย่างสิ้นเชิง สายตาที่
เคร่งขรึม มีสีหน้าท่าทางที่ไม่อาจต่อต้าน จ้องเขาไว้นานแสนนาน จากนั้นก็เสียงต่ำพูดเสริมอีกคำ “คุณน่าจะรู้ดี ว่าคุณกับฉันในตอนนี้ ต่างก็ไม่อาจทำอะไรได้ตามใจชอบเหมือนกัน!”
ไม่อาจทำอะไรได้ตามใจชอบ’คำเดียว ทำให้สมองที่ยุ่งเหยิงของโอวหยางเช่อได้สติกลับมาอย่างสิ้นเชิง เขาหลับตาลงอย่างหมดเรี่ยวแรง จากนั้นได้ก้าวเท้าเดินไปที่ริมหน้าต่างอย่างช้าๆ
ส่วนด้านล่าง
ซูย้าวมีธุระลงไปที่ใต้ตึก ประตูลิฟต์เพิ่งเปิดออก ก็เจอคนคุ้นเคย เธอมองลี่เฉินซีด้วยรอยยิ้ม ในขณะที่ก้าวเท้าเดินออกมาจากลิฟต์ ก็ได้ถามคำหนึ่งว่า “ประธานลี่ทำไมถึงมีเวลามาได้ล่ะคะ?”
“ผมมาเจอเพื่อนเก่าคนหนึ่ง” เขาจ้องมองเธอไว้ สายตาลุ่มลึก
ซูย้าวคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็คิดได้ว่า‘เพื่อนเก่า’ที่เขาพูดถึงคือใคร เธอฉีกรอยยิ้มออกมาอย่างห้ามใจไม่ได้ “อ๋อ ประธานลี่มาหารองประธานหลิน เธออยู่ออฟฟิศพอดีเลย คุณขึ้นไปเถอะ!”
มองผู้หญิงที่เดินผ่านตัวเองและกำลังจะจากไป จู่ๆได้กุมมือข้อมือของเธอไว้ และย้อนถามอย่างขำ “ทำไมถึงบอกว่าเป็นเธอ? ไม่แน่อาจจะเป็นคุณล่ะ?