เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 391
ลี่เฉินซีมองหน้าเธอแล้วยิ้มอย่างร้ายๆ ดวงตาคมลึกแฝงด้วยการท้า จากนั้นก็ลุกขึ้นอย่างใจเย็น เข้าไปจับคางเธอขึ้น แล้วมองหน้าที่เล็กเท่าฝ่ามืออย่างละเอียด
“ตอนนี้ คุณเป็นฝ่ายผิดก่อน อย่าให้เขาถอย คุณก็ต้องชดใช้ค่าเสียหายก่อน”
ซูย้าวปัดมือเขาออก“เรื่องชดใช้เป็นเรื่องที่ต้องทำอยู่แล้ว”
ถ้าตกลงกันได้ นั้นก็ง่ายเยอะเลย ก็แค่แบ่งที่ดินแทนการชดใช้ค่าเสียหายประมาณนั้น ถ้าเป็นเรื่องเล็กเธอสามารถตัดสินใจเองได้ แต่ถ้าเรื่องใหญ่ เธอสามารถกลับไปปรึกษากับโอวหยางเช่อหรือไม่ก็ขอความเห็นจากJock
ยังไงก็ตาม จะให้เรื่องมันถึงศาลไม่ได้จริงมั้ย!ทำให้เรื่องใหญ่แล้ว มันไม่ดีกับจู้สือและบริษัทเจียงหย่วนทั้งสองฝ่าย
ในเมื่อรู้ว่าจะเสียหายทั้งสองฝ่าย ทำไมต้องทำเรื่องให้ใหญ่โตด้วยล่ะ?
ลี่เฉินซียิ้มขึ้น รอยยิ้มบางๆยิ่งดูมีเล่ห์กล ใบหน้าหล่อมีรอยยิ้มร้ายๆเผยออกมา และดวงตาที่ร้อนผ่าวมองเธออย่างสดใส“คุณเข้าใจความหมายที่ผมพูดมั้ย?”
“อื๊ม?”
ซูย้าวขมวดคิ้วขึ้นจนแน่น เธอไม่เข้าใจจริง
ก็แค่เรื่องเสื่อมเสียชื่อเสียงของระหว่างสองบริษัท ชดใช้ค่าเสียหายไปก็ได้แล้ว ทำไมต้องทำเรื่องให้ยุ่งยากขนาดนั้น
ลี่เฉินซีกลับจ้องตาคมสวยใสๆของเธอด้วยสายตาลึกลับ กลับทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
สายตาที่เต็มไปด้วยการจู่โจม มันเปิดเผย แข็งกร้าว เผด็จการและตรงเกินไป
ในหัวของเธอมีแต่ภาพความทรงจำเมื่อห้าปีก่อน ทุกครั้งที่เขาขืนใจเธอ เอาเธออย่างบ้าคลั่ง……
ในหัวยังฉายภาพเหล่านี้อยู่ต่อเนื่อง ข้างหูก็ได้ยิงเสียทุ้มต่ำของเขาดังขึ้น“ถ้าเขาต้องการให้คุณเป็นผู้หญิงของเขาล่ะ นอนกับเขาคุณก็จะยอมงั้นหรอ?”
“อะไรนะ?”
ซูย้าวอึ้งไปทันที แววตาดูน่าเกรงขามจริงจังขึ้นมา บ่นด้วยความรังเกียจ“เจียงจี้เซิงทำไมถึงได้ต่ำช้าขนาดนี้!”
“เขาเป็นผู้ชาย คนที่เป็นผู้ชายก็หนีไม่พ้นกับคำว่า‘เจ้าชู้’คำนี้!”น้ำเสียงของเขาหนักแน่น
ซูย้าวถอนหายใจทีหนึ่ง“ขอร้องล่ะคุณลี่เฉินซีคะ ไม่ใช่ทุกคนจะเหมือนคุณนะ อีกอย่าง ฉันยังไม่เคยเจอหน้าเขามาก่อน ถึงแม้จะเจอหน้าแล้วก็เถอะค่ะ เราก็เพิ่งจะรู้จักกัน เขาไม่ทำแบบนั้นแน่!”
“คุณมั่งใจขนาดนั้นเลย?”
ภายใต้ดวงตาคมเข็มของเขา เธอพยักหน้าอย่างแน่ใจ“แน่นอน ถึงเขาจะเป็นเหมือนอย่างที่คุณว่าจริง ฉันก็มีวิธีจัดการเอง”
ยังไงก็ตาม ถ้าไม่แตะถึงเส้นฟางสุดท้ายของตัวเอง นอกเหนือจากนี้ ทั้งหมดนี้ก็ตกลงกันได้
เห็นเธอมั่งใจขนาดนั้น ลี่เฉินซีก็ไม่พูดอะไรต่อ เพราะเห็นชัดว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนประเภทดื้อด้านไม่ยอมฟังใคร ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา
การเผชิญหน้าของคนทั้งสองไม่ได้ข้อสรุปอะไร เรื่องนี้เลยเลิกราจบไปอย่างไม่สวย
ตลอดทั้งวัน ซูย้าวเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับข่าวที่มาอย่างกะทันหันนี้ และตรวจสอบพนักงานของตัวเองทุกคน ระหว่างนั้นยังต้องคิดหาวิธีแก้ปัญหายังไง
เธอให้เสี่ยวจางติดต่อกับทางบริษัทเจียงหย่วน ขอนัดเจอเจียงจี้เซิงกลับถูกฝ่ายตรงข้ามปฏิเสธโดยตรง
ไม่มีเวลาว่างมาคาดเดาว่าเจียงจี้เซิงคิดอะไรอยู่ ในเมื่อเรื่องเพิ่งจะเกิด อีกฝ่ายคงยังอยู่ในอารมณ์โกรธ ไว้ค่อยคุยกันก็ดี!
ตอนเย็น เธอไปรับซีซีกับเตียวเตียวด้วยตัวเอง หลังจากนั้นก็พาเด็กๆไปเที่ยวที่สนามเด็กเล่นพักหนึ่ง
เธอเห็นซีซีและเตียวเตียวเล่นอยู่บนม้าหมุนอย่างสนุกสนาน แล้วยิ้มให้กับพวกเด็กๆ เห็นฝั่งโน้นมีขายไอศกรีม เลยไปซื้อมาสองอัน
ซีซีนั่งอยู่บนม้าหมุน มองหน้าเตียวเตียวแล้วจู่ๆพูดขึ้นมา“สองสามวันนี้ ทำไมพี่เอาแต่เล่นกับชาร์ลีตลอดเลยคะ?”
“พี่?”เตียวเตียวอึ้งไป ก่อนหน้านี้เขาได้รับปากกับโม่หว่านหว่านจะเอาเส้นผมของชาร์ลีมาหลายเส้นให้ได้ แถมต้องเอาแบบมีรากติดมาด้วยแบบนั้น ไม่เล่นกับชาร์ลีแล้วจะหาโอกาสลงมือได้ยังไง?
ซีซีพยักหน้า“พี่ไม่ค่อยสนใจฉันเลย!”
“เปล่านะ!”เตียวเตียวรีบพูดโดยไม่รู้ควรหัวเราะหรือร้องไห้ดี“พี่ก็แค่เห็นว่าไม่มีใครเล่นกับชาร์ลีเลยๆส่งสารเขา!”
ซีซีทำท่าเหมือนไม่เชื่อ“หรอ?พี่ใจดีขนาดนั้นเลย?”
“พี่ก็ใจดีมาตลอดอยู่แล้วหนิ!”
ซีซีแบะปาก“ยังไงก็ตาม พี่ห้ามไปเล่นกับชาร์ลีอีก คนอย่างเขาประหลาดมาก ไม่มีใครอยากสนใจเขาหรอกนะ!”
“……ก็ได้!”
เตียวเตียวคิดว่า ในเมื่อเส้นผมก็ได้มาแล้ว และถูกเขาเก็บไว้ในกระเป๋าแล้ว รอดึกๆเจอคุณน้าโม่แล้วก็เอาให้เธอ ภารกิจก็เสร็จสิ้นแล้ว
ซูย้าวซื้อไอศกรีมกลับมาก็เห็นท้องฟ้าเปลี่ยนสี ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเมฆดำ เห็นชัดว่ากำลังจะฝนตกแล้ว
เธอรีบพาเด็กสองคนออกจากสนามเด็กเล่น
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าซีซียังอยากจะเล่นต่อ มือน้อยๆจับรั้วประตูไม่ยอมปล่อย
ซูย้าวเลยจำต้องนั่งลงอธิบายกับเธอ“ซีซีจ้า วันนี้อากาศไม่ดีดูเหมือนฝนจะตกแล้ว รถของแม่ก็ส่งไปซ่อมอยู่ เพราะฉะนั้นวันนี้เราต้องนั่งแท็กซี่กลับบ้านนะจ้า!”
ซีซีส่ายหัว แสดงออกไม่ยอม
ซูย้าวจนปัญญา บางครั้งเธอก็สังเกตเห็นว่าสาวน้อยคนนี้เอาแต่ใจกว่าตอนเธอยังเด็กเยอะเลย
“ซีซีเป็นเด็กดีนะคะ ขอแค่ฝนไม่ตก แม่จะหาเวลาพาพวกหนูมาเล่นอีกดีมั้ยจ้า?พอถึงตอนนั้น ปล่อยให้ลูกเล่นทั้งวันเลย!”
ระหว่างที่ซูย้าวยังพูดอยู่ ฟ้าไม่เป็นใจเลย ฝนเท่าเมล็ดถั่วเขียวก็ตกลงมาทันที
คนกลุ่มใหญ่ที่เดิมทีรวมตัวอยู่รอบๆ แยกย้ายกันไปคนละทิศละทางในพริบตา มีบางคนเข้าไปหลบฝนอยู่ในร้านรอบๆ บางคนก็ขับรถจากไป และมีบางคนยืนรอรถเมล์และแท็กซี่อยู่ริมถนน
“เห็นมั้ย ฝนตกแล้วมั้ยล่ะ!”ซูย้าวพูดทันที
ครั้งนี้ ซีซีอึ้งไปเลย และไม่เอาแต่ใจต่อ มองฝนที่ตกลงมาจากท้องฟ้าอย่างซื่อๆ ใช้มือน้อยๆกันฝนไว้ ท่าทางดูน่ารักมาก
และเตียวเตียวก็ใช้กระเป๋าบังฝนให้กับเธอด้วยท่าทางเป็นห่วง ซูย้าวเห็นแล้วยิ้ม รีบถอดเสื้อคลุมตัวเองออก คลุมไว้บนตัวของเด็กทั้งสอง จากนั้นก็จูมมือของพวกเขายืนโบกรถอยู่ที่ริมถนน
ฝนตกแรงมาก และดูไม่น่าจะหยุดเวลาอันสั้นได้ ฝนตกอย่างหนัก รถแท็กซี่ไม่มีสักคันที่ว่างเลย ลูกค้าเต็มหมด ทุกคันที่ผ่าน เปิดไฟสีแดงมีลูกค้านั่งหมด
เธอรออยู่นาน ตัวเองตากฝนไม่เท่าไหร่ แต่ว่าเด็กสองคน……
ซูย้าวมองป้ายรถเมล์ที่อยู่ไม่ไกล แล้วพาเด็กสองคนวิ่งไปหลบฝนชั่วคราว ระหว่างนั้นรถเมล์ก็เข้าป้ายพอดี
พาเด็กสองคนขึ้นรถแล้ว ตลอดทางยังถือว่าราบรื่นดี
แต่ตอนลงรถสิแย่เลย
บนถนนเต็มไปด้วยน้ำขัง ตามที่ฝนยิ่งอยู่ยิ่งตกหนัก น้ำก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ข้างๆป้ายรถเมล์เป็นหลุมขนาดใหญ่
ตอนซูย้าวยังอยู่บนรถเมล์ก็เห็นน้ำขังบนถนนนี้แล้ว เธอสูดหายใจเข้าทีหนึ่งแล้วแบกเตียวเตียวไว้บนหลัง โดยที่อุ้มลูกสาวไว้ เดินเหยียบน้ำลงจากรถคนเดียว
เธอเดินลุยน้ำตลอดทาง เดินมาถึงที่มีน้ำขังตื้นๆเธอถึงปล่อยเด็กสองคนลง จูงมือน้อยๆพวกเขาเดินไปทางโรงแรมทีละก้าวๆ
จากป้ายรถเมล์มาถึงที่โรงแรม ระยะทางยังอีกไกลมาก ซูย้าวมองดูรอบๆ ถึงจะมีร้านอาหารอยู่ แต่ถ้าเข้าไปทานอาหาร เสื้อผ้าเปียกขนาดนี้ และคลายหนาวไม่ได้ คิดๆแล้วก็ช่างเถอะ
“ซีซี เตียวเตียวจ้า ไม่เป็นไรนะ พวกเราเดินเร็วหน่อย !”เธอให้กำลังใจเด็กสองคน
เตียวเตียวกลับพูด“คุณน้าครับ เดินช้าเดินเร็วยังไงก็ตากฝนอยู่ดี สู้เดินช้าหน่อยจะดีกว่า!”
“เออ……”
เวลานี้ เธอไม่มีอารมณ์มาโต้แย้งกับเด็ก ได้แต่จูงมือน้อยๆของเขาแล้วพูด“เตียวเตียวพูดถูก แต่ว่าเราเร็วหน่อยจะดีกว่านะ!”
ตากฝนแบบนี้ หลังกลับไปหวังว่าเด็กสองคนอย่าเป็นไข้เลยนะ……
ระหว่างที่กำลังเดินอยู่ จู่ๆรู้สึกน้ำฝนบนหัวหายไป ซูย้าวอึ้ง และฝีเท้าช้าลงแล้วเงยหน้าขึ้นมามอง เห็นมีร่มสีดำกางไว้บนตัวพวกเขา
ลี่เฉินซีสวมชุดสูทยืนอยู่ท่ามกลางสายฝน มองเธอด้วยสายตาลึกซึ้ง“ฝนตกหนักขนาดนี้ ทำไมไม่ขับรถมา?”
“รถฉันส่งไปซ่อมอยู่ค่ะ!”ระหว่างที่เธอพูด ก็รับร่มมาจากเขา แล้วพาเด็กเดินต่อ ข้างหน้าไม่ไกลก็คือโรงแรมแล้ว เดินต่ออีกหน่อยก็ถึงแล้วนะจ้า
ลี่เฉินซีเดินตามมาในท่ามกลางสายฝน“แล้วทำไมไม่โทรหาผม?”
คำเดียว ทำให้ซูย้าวจู่ๆก็ตกใจขึ้นมาทันที
หมายถึงเวลาแบบนี้ แค่เธอโทรหาเขาๆก็จะมางั้นหรอ?ลี่เฉินซีกลายเป็นคนห่วงใยเธอตั้งแต่เมื่อไหร่กัน……
ลี่เฉินซีไม่ได้สนใจการเปลี่ยนแปลงของสีหน้าเธอ ยื่นมือข้างหนึ่งอุ้มซีซีขึ้นมาและมืออีกข้างก็คว้าเตียวเตียวมาด้วย แล้วเดินเข้าไปในโรงแรมอย่างเร็ว