เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 397
“คุณช่วยฉัน?”
น้ำเสียงตกตะลึงของซูย้าว มีความไม่แน่ใจมากมายแฝงอยู่ในนั้น
หลินโม่ป่ายยิ้มอย่างบางๆ “ทำไมครับ? ผมช่วยคุณไม่ได้หรือไง?”
“มันก็ไม่ใช่ค่ะ ถ้าคุณยอมช่วย ฉันก็ยินดีอย่างยิ่งเลยค่ะ!” แต่ถึงจะพูดแบบนี้ก็เถอะ ซูย้าวรู้ดีกว่าใครๆว่าสถานการณ์ของทางกรุ๊ปหลินกำลังไหลลงสู่ที่ต่ำ และมีอันตรายอยู่รอบตัว
ต่างก็รู้ว่านายท่านหลินคงจะมีชีวิตอยู่ไม่พ้นปีนี้แล้ว ก็เลยมีญาติผู้ถือหุ้นบางคนที่จ้องเขมือบธุรกิจใหญ่โตของกรุ๊ปหลินอยู่เรื่อย หวังจะฮุบมาเป็นของตัวเอง
ถึงแม้ทางตระกูลหลินยังมีหลินจิ้งซูคอยประคับประคองอย่างลำบากอยู่ แต่ยังไงซะเธอก็เป็นผู้หญิง เพื่อธุรกิจของทางครอบครัวได้เลื่อนแต่งงานไปแล้ว ขืนยังล่าช้าแบบนี้ต่อ เกรงว่าจะก่อให้เกิดการซุบซิบนินทาที่มากกว่า
หลินโม่ป่ายขับรถไปด้วยพร้อมพูดไปด้วย “งั้นคุณอย่ายุ่งดีกว่า เรื่องนี้มอบให้ผมจัดการเอง!”
“โม่ป่าย ยังไม่บอกว่าคุณจะสามารถหาเจียงจี้เซิงเจอภายในหนึ่งเดือนหรือเปล่า แต่คุณจะมีเวลาว่างเป็นเดือนเหรอคะ?” น้ำเสียงเรียบเฉยของซูย้าว ไม่เหมือนกล่าวโทษ แต่แค่อยากให้เขาเห็นสถานการณ์ให้ชัดเจน
เสียงเบรคที่รวดเร็ว ได้ทำลายค่ำคืนที่เงียบสงบ
“ไม่ว่ายังไง ในเมื่อเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงคุณ งั้นก็ให้ผมลองไปทำดูนะ! คุณวางใจเถอะ!”
น้ำเสียงแน่วแน่และสายตาจริงใจของเขาทำให้เธอยิ่งอบอุ่นใจ ซูย้าวมองเขาแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน “โม่ป่าย อย่าทำแบบนี้สิคะ เรื่องนี้ ฉันสามารถรับมือเองได้ค่ะ”
“แต่ว่า……”
รู้สึกได้ถึงความกังวลของเขา เธอรีบพูดอีกว่า “ตอนนี้ยังหาเจียงจี้เซิงไม่เจอไม่ใช่เหรอคะ? ส่วนจะหาเขาเจอเมื่อไหร่ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ยังไงซะฉันก็จะพยายามไปลองดู! ถ้าไม่ไหวจริงๆ โม่ป่าย สู้คุณช่วยฉันจ้างทนายความให้ฉันดีกว่าค่ะ!”
ทั้งๆที่เป็นเรื่องใหญ่มาก แต่พูดออกมาจากปากของเธอกลับบางเบาดั่งสายลม เหมือนกับทุกอย่างอยู่ในสายตาตัวเองล้วนไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเลย
หลินโม่ป่ายตกตะลึงชั่วครู่อย่างควบคุมไม่ได้ เหมือนไม่ได้เห็นรอยยิ้มแบบนี้มานานหลายปีแล้ว เงียบสงบ ในความสง่างามราวกับแฝงด้วยความรู้สึกลึกซึ้งของภาพวาดหมึกจีนที่มีภูเขาลำธาร การวาดเขียนที่บางเบา ร่างเค้าโครงที่อ่อนช้อยและใบหน้าอันงดงามออกมา
นอกจากใบหน้าที่งดงาม สิ่งที่ยิ่งทำให้เขาลุ่มหลงคือหัวใจของเธอ
ซูย้าวคิดไม่ว่าจะเกิดเรื่องใหญ่แค่ไหน ขอแค่โจทย์คิดว่าคือเรื่องเล็ก ไม่คู่ควรแก่การพูดถึง งั้นคนอื่นก็จะค่อยๆคิดว่าเป็นเรื่องเล็กเอง!
ส่วนเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาล เธอก็ใช่ว่าเพิ่งจะเคยประสบพบเจอแค่ครั้งแรกแล้ว ไม่เป็นไรหรอก เพราะเธอไม่ได้ทำเรื่องผิดมโนธรรมใดๆ เธอไม่ได้ทำผิดต่อใจตัวเองก็โอเคแล้ว
หลินโม่ป่ายจนปัญญากับเธอจริงๆ “ก็ได้! ช่วงนี้ผมก็ถูกเรื่องในบ้านมัดตัวไว้จริงๆ ยากที่จะปริตัวไปช่วยคุณ แต่ ซูย้าว ถ้าคุณมีเรื่องจริงๆจะต้องติดต่อผมตลอดนะ”
เธอพยักหน้า “อืม ฉันรู้แล้วค่ะ!”
เรื่องก็ได้ตกลงตามนี้แล้ว หลินโม่ป่ายส่งเธอกลับโรงแรม
แต่ระหว่างนี้ เพราะทางโรงแรมไม่มีผู้ใหญ่อยู่ โม่หว่านหว่านจึงมาอยู่เป็นเพื่อนกับเด็กทั้งสองแต่เช้าเลย
โทรทัศน์กำลังฉายการ์ตูนอนิเมชั่นอยู่ หมีน้อยที่น่ารักกำลังกระโดดโลดเต้น หน้าตาที่น่ารักสดใสได้ดึงดูดความสนใจของซีซี เจ้าตัวเล็กนั่งดูอยู่บนโซฟาอย่างมีความสนใจ
โม่หว่านหว่านได้ฉวยโอกาสนี้ส่งสายตาให้เตียวเตียว
เตียวเตียวเข้าใจในทันที เขาหาข้ออ้างไปเข้าห้องน้ำ จากนั้นได้อ้อมจากห้องรับแขกวิ่งไปที่ห้อง พอเข้าห้องนอนก็ได้คุ้ยหาของที่กระเป๋าตัวเอง หาแล้วหาอีก
เห็นเด็กไปนานมาก โม่หว่านหว่านได้รอจนค่อนข้างหงุดหงิด จึงลุกไปที่ห้องนอนเหมือนกัน
“หาเจอหรือยัง?” เธอจ้องเด็กที่ยังหมอบหาของอยู่บนพื้น
ร่างเล็กๆของเตียวเตียวแทบจะมุดไปที่มุมผนังแล้ว เขาเขยิบออกมาข้างนอกด้วยและพูดไปด้วยว่า “หาเจอแล้ว หาเจอแล้ว!”
แววตาของโม่หว่านหว่านระยิบระยับ “จริงเหรอ?”
เตียวเตียวคลานออกมาจากด้านใน จากนั้นได้ยื่นถุงพลาสติกใบเล็กในมือให้เธอ “เอา ในนี้เป็นเส้นผมของชาร์ลีหมดเลยครับ”
“ว้าว! เตียวเตียวนายเยี่ยมจังเลย!” โม่หว่านหว่านตื่นเต้นจนอุ้มเขาขึ้นมาโดยตรง และหอมแก้มเขาด้วยความตื่นเต้น
เตียวเตียวถูกหน้าตาเธอทำเอาตกใจ จึงสอบถามด้วยจิตใต้สำนึก “น้าโม่ เส้นผมอันนี้……”
“เส้นผมทำไม?” โม่หว่านหว่านเก็บอย่างดีเหมือนกับของสิ่งนี้เป็นของรักของหวง
เตียวเตียวกลืนน้ำลายแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไรครับ แค่รู้สึกแปลกใจเฉยๆ ว่าจู่ๆน้าโม่จะเอาเส้นผมทำไม? แถมยังเอาแค่ของชาร์ลีด้วย……”
ที่จริง สิ่งที่เตียวเตียวอยากถามมากกว่าคือ โม่หว่านหว่านจะแยกแยะออกได้ยังไงว่าเป็นเส้นผมของชาร์ลี หรือว่าเป็นเส้นผมของคนอื่น?
ถ้ารู้แต่แรกว่าเธอไม่มีวิธีแยกแยะ เตียวเตียวก็น่าจะไปดึงเส้นผมของคนอื่นเรื่อยเปื่อย จะได้ไม่ต้องตัวติดกับชาร์ลีอยู่ตั้งหลายวัน น่าเบื่อจะแย่อยู่แล้ว
โม่หว่านหว่านทำตัวลึกลับ “นี่เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ นายยังเด็กอยู่ พอนายโตก็จะรู้เอง!”
“อ๋อ? พอโตก็จะรู้เองเหรอครับ?” เตียวเตียวยังคงทำหน้าสงสัย
โม่หว่านหว่านพยักหน้าอย่างลวกๆ ตอนที่พาเขาออกมาด้านนอก เตียวเตียวก็ได้ถามอีกว่า “งั้นรอผมโต ก็จะไปดึงเส้นผมของเด็กคนอื่นเหมือนน้าโม่?”
หรือว่าผู้ใหญ่ล้วนมีความชอบแบบนี้?
ทำไมเตียวเตียวถึงมีความรู้สึกว่าถูกหลอกเลย?
โม่หว่านหว่านอึ้ง จากนั้นได้ฝืนยิ้มแล้วพูดว่า “ตอนนี้เราอย่าเพิ่งคุยคำถามนี้เลย เดี๋ยวรอสักวัน น้าจะอธิบายให้นายฟังอย่างชัดเจนแน่นอน อื๊ม?”
“ครับ!”
ยังไงซะก็เป็นแค่เด็กคนหนึ่ง ถึงจะฉลาดหลักแหลมยังไง ประสบการณ์ทางสังคมล้วนน้อยเกินไป ความรู้และวัฒนธรรมที่ได้สัมผัสใกล้ชิดก็มีขีดจำกัด การแก่งแย่งชิงดีและต่างฝ่ายต่างพยายามหลอกลวงซึ่งกันและกันของผู้ใหญ่ เด็กจะเข้าใจอย่างลึกซึ้งได้ยังไง?
ตกดึก ตอนที่โม่หว่านหว่านไปจากโรงแรม จู่ๆก็ได้วิ่งไปกอดซูย้าวไว้ ท่าทางที่สนิทชิดเชื้อค่อนข้างผิดสังเกต
“เธอเป็นอะไรเนี่ย?” ซูย้าวอึ้งค้างอยู่กับที่
โม่หว่านหว่านยังคงกอดเธอไว้แน่นอีกเช่นเคย “ไม่เป็นอะไร จู่ๆแค่รู้สึกว่าเธอมีทุกอย่างแล้ว แต่ก็ยังไม่ง่ายอีกเช่นเคย!”
ซูย้าวขมวดคิ้ว ยังไม่รู้ความหมายแอบแฝงของคำพูดเธอเลย โม่หว่านหว่านก็ได้ปล่อยเธอ ในขณะเดียวกันซูย้าวก็รู้สึกเจ็บที่ศีรษะ ตามมาด้วยได้ยินเธอพูดที่ข้างหูตัวเอง “อุ๊ย ไม่ระวังดึงโดนผมของเธอ ผมยาวนี่เกะกะจังเลย! ไปตัดทิ้งเถอะ!”
“……”
ส่งโม่หว่านหว่านไปด้วยสีหน้ามึนงง ซูย้าวก็ไม่ได้คิดมาก เพราะโม่หว่านหว่านก็ทำให้คนยากที่จะเข้าใจเป็นประจำอยู่แล้ว ถ้ามีเรื่องจริงๆ เธอจะต้องบอกตัวเองแน่นอน
วันถัดมา โม่หว่านหว่านถือเส้นผมที่กว่าตัวเองจะดึงมาได้ไม่ใช่ง่ายๆไว้ และของที่เตียวเตียวเตรียมไว้ให้เธอ ตัวอย่างสองชุด เธอปริ๊นเอกสารรับรองออกมาสองชุดอย่างลวกๆ พร้อมเซ็นชื่ออย่างซี้ซั้ว จากนั้นก็ได้เข้าไปที่โรงพยาบาล
“สวัสดีค่ะ ฉันอยากมอบอำนาจให้ตรวจDNAชุดหนึ่งค่ะ” เธอยื่นของในมือให้กับคุณหมอ
คุณหมอมองตัวอย่างเส้นผมสองชุดนั้น หลังจากแน่ใจแล้วว่าล้วนมีรากผมสามารถเอามาเป็นตัวอย่างและตรงตามความต้องการ จากนั้นก็ได้เงยหน้ามองเธอ “ไม่ทราบคุณคือ……”
“ฉันก็คือซูย้าวค่ะ ห้าปีก่อนฉันทำลูกหายไปคนหนึ่ง นี่คือหนังสือมอบอำนาจจากแม่ที่เลี้ยงดูเด็กในตอนนี้ค่ะ เชิญคุณลองดูค่ะ” โม่หว่านหว่านพูดอย่างจริงจัง
คุณหมอหยิบมาดูคร่าวๆ เหมือนยังอยากพูดอะไรสักหน่อย โม่หว่านหว่านเดาได้ทันที จากนั้นเธอได้พูดอย่างไวว่า “คุณยังต้องการอะไรคะ? บัตรประชาชนถ่ายเอกสารของแม่เลี้ยงได้มั้ยคะ? หรือว่าหนังสือรับรองของพ่อเด็ก? หนังสือรับรองสัญชาติ?”
ในขณะที่เธอพูด ได้ทยอยเอาของพวกนี้一一ออกมา บัตรประจำตัวประชาชนถ่ายเอกสารของหานฉ่ายหลิงและลี่เฉินซี มีครบหมดทุกอย่าง
หมอถูกกิริยาท่าทางของเธอทำเอาหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก หมอแค่พูดว่า “เอกสารพวกนี้พอแล้วครับ ผมแค่อยากถามว่าทำไมแม่เลี้ยงของเด็กถึงไม่ได้มาครับ?”
“คุณหมอ คุณก็น่าจะสามารถเข้าใจได้ ถึงแม้เป็นแม่เลี้ยง แต่ยังไงซะก็เลี้ยงดูเด็กมาห้าปี จู่ๆเป็นแบบนี้ สามารถยอมให้ตรวจDNAก็ถือว่าดีแล้ว ยังจะออกโรงได้ยังไงคะ?” โม่หว่านหว่านอธิบายได้สมเหตุสมผล น้ำเสียงที่อ่อนโยน พูดเอาซะหมอก็พยักหน้ารัวๆ
“ก็ได้ครับ! แต่ผลตรวจต้องรอ48ชั่วโมงนะครับ ผมจะออกบิลให้คุณใบหนึ่ง คุณไปจ่ายตังค์ แล้วมะรืนค่อยมารับผลตรวจนะครับ”
“ขอบคุณมากเลยนะคะ คุณหมอ!”
จนกระทั่งรับบิลที่หมอออกให้และจ่ายตังค์ที่ชั้นล่างเสร็จ โม่หว่านหว่านที่อกสั่นขวัญแขวนถึงฝืนวางใจลงมา
เธอไม่ได้กังวลว่าตัวเองปลอมตัวเป็นซูย้าวจะถูกเปิดโปง แต่กังวลว่าหมอจะรู้จักหานฉ่ายหลิงและลี่เฉินซี เพื่อไม่ให้เป็นที่สนใจ เธอยังตั้งใจเลือกโรงพยาบาลที่ค่อนข้างไกลโดยเฉพาะ
หวังว่าผลที่ได้ในครั้งนี้ จะสามารถให้ความกระจ่างกับทุกคนนะ!