เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 398
เหมือนที่ลือกันจริงๆว่าเจียงจี้เซิงได้หายตัวไป
เสี่ยวจางพยายามสืบหาข่าวคราวไปทั่ว แต่ก็ตรวจสอบอะไรไม่เจอเลย สิ่งเดียวที่รู้คือบริษัทเจียงหย่วนพูดกับข้างนอกเป็นเสียงเดียวว่าประธานเจียงไปต่างประเทศ ตอนนี้ไม่ได้อยู่ในประเทศ
แต่ไม่มีใครรู้รายละเอียดเฉพาะเจาะจงว่าไปไหน
เสี่ยวจางมองซูย้าวอย่างหมดอาลัยตายอยาก “ประธานซูคะ ประธานเจียงเหมือนหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย จะทำยังไงดีคะ? หรือให้ฉันลองไปสืบดูสถานการณ์ที่อานซินเออร์ดูมั้ยคะ?”
“อานซินเออร์?” ซูย้าวเกิดความสนใจขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง
เสี่ยวจางพูดอีกว่า “ใช่ค่ะ ไม่แน่ทางฝั่งของคุณอานซินเออร์อาจจะรู้สถานการณ์ของประธานเจียงก็ได้! ฉันลองไปดูหน่อยดีกว่า!”
เธอกำลังจะไป ซูย้าวก็เปิดปากเรียกเธอไว้ “เสี่ยวจาง——”
เสี่ยวจางหันกลับมาถามว่า “ประธานซู มีอะไรคะ?”
“คาดว่าเธอไปหาอานซินเออร์ หล่อนก็ไม่รู้หรอกว่าเจียงจี้เซิงไปไหนกันแน่” ซูย้าวพูด
เสี่ยวจางค่อนข้างมึนงง ซูย้าวเอาหนังสือพิมพ์ที่ตัวเองหาออกมาหลายฉบับให้เธอดู
มีอยู่หลายฉบับที่ล้วนเป็นหนังสือพิมพ์ของหลายปีก่อนแล้ว มีแค่ฉบับเดียวที่เป็นของระยะเวลาใกล้ๆนี้
ทุกครั้งภายในหนึ่งเดือนที่เจียงจี้เซิงหายตัวไป อานซินเออร์ล้วนรับละครใหม่หรือเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆอยู่ ข่าวคราวในหนังสือพิมพ์โผล่มาอย่างไม่ขาดสาย แต่ทางฝั่งของเจียงจี้เซิงกลับหายตัวอย่างไร้ร่องรอย
ถ้าหากทั้งสองอยู่ด้วยกัน ความเป็นไปได้แบบนี้มันต่ำเกินไป
“ประธานซูคิดว่าอานซินเออร์อาจจะไม่รู้ว่าประธานเจียงไปไหนก็ได้……”เสี่ยวจางคิดๆแล้วรู้สึกมันก็ใช่ ในเมื่อเจียงจี้เซิงมีใจหลบหน้าทุกคน ทุกปีจะเจียดเวลาออกมาให้ตัวเองหนึ่งเดือน คงจะไปพักผ่อนที่ไหนสักแห่งแหละมั้ง ใช้ชีวิตที่ตัดขาดกับโลกภายนอก ย่อมไม่มีทางให้ใครรู้ว่าตัวเองไปไหนง่ายดายอยู่แล้ว
“แต่ประธานซูคะ แล้วตอนนี้เราจะทำยังไงดีคะ?”เสี่ยวจางมองเธอด้วยสีหน้าลังเลรีรอ
ซูย้าวก็ไม่รู้เหมือนกัน
ในเมื่อไม่รู้ว่าเจียงจี้เซิงไปไหน คนของทางฝั่งบริษัทเจียงหย่วนก็ปฏิเสธที่จะเจรจาหารือ ก่อนหน้านี้เรียกร้องให้พวกเขาชี้แจงความสัมพันธ์และขอโทษ หลังจากที่เคยส่งอีเมล์ข่มขู่ ฝั่งโน้นก็ไม่มีความเคลื่อนไหวอีกเลย ไม่รู้กำลังคิดวางแผนอะไรอยู่ หรือว่าอยากทำอะไรอีก
สถานการณ์ของตอนนี้คือ ฝั่งเธอเป็นฝ่ายถูกต้อนให้จนมุม
“ประธานซู ถึงแม้รองประธานหลินเคยบอกว่าจะรับผิดชอบจัดการเรื่องนี้ แต่ก็ไม่สนใจไม่ถามไถ่อะไรทั้งสิ้น ประธานซูว่า รองประธานหลิน
หมายความว่ายังไงกันแน่คะ?” เสี่ยวจางถามอย่างไม่เข้าใจ
ซูย้าวยกมุมปากขึ้นอย่างเย็นชา นาทีนี้หลินหวั่นหญิงเองก็แทบจะตัวไม่รอดอยู่แล้ว ยังจะมีอารมณ์มาสนใจเรื่องพวกนี้ได้ยังไง?
ยิ่งไปกว่านั้น เจียงจี้เซิงยังได้ฟ้องซูย้าวในนามตัวเอง ตอนนี้ที่เธอต้องจัดการอย่างแรกคือปัญหานี้……
“ช่วงนี้รองประธานหลินคงค่อนข้างยุ่ง ไม่มีเวลามั้ง! ช่างเถอะ เสี่ยวจาง เธอไปยุ่งงานอย่างอื่นเถอะ! พวกนี้มอบให้ฉันมาจัดเอง!” ซูย้าวพยายามสั่งการโดยเร็ว
ถึงแม้เสี่ยวจางค่อนข้างเป็นห่วง แต่เห็นท่าทีที่เด็ดเดี่ยวขนาดนี้ของเจ้านาย เธอก็ได้หันหลังเดินออกจากออฟฟิศ
ซูย้าวนั่งคนเดียวอยู่นานมาก เวลานี้มีสายเรียกเข้าพอดี ทางร้านค้ามีเรื่องนิดหน่อย เธอจะต้องไปจัดการ
ตอนที่ไปถึงอย่างเร่งรีบ พบว่าเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย เพราะระหว่างที่คืนสินค้าได้เกิดการถกเถียงกับลูกค้า ถึงแม้เป็นเรื่องเล็กน้อย แต่เพราะฝ่ายตรงข้ามใช้จ่ายไปเยอะ ถึงทำให้เธอตื่นตกใจ
ซูย้าวใช้เวลาไม่กี่นาทีในการจัดการเรื่องนี้เสร็จ ขณะที่กำลังอยากจากไป กลับเห็นโจวลี่ตงโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ
เลขาของเจียงจี้เซิง นาทีนี้กำลังเลือกเครื่องประดับอยู่หน้าเคาน์เตอร์ที่มีแต่ของสวยงามวางอยู่ให้เห็นเต็มตู้กับหญิงสาวคนหนึ่ง รูดการ์ดจ่ายเงินอย่างสง่าผ่าเผย จากนั้นได้โอบเอวผอมเพรียวของผู้หญิงเดินออกมา
เนื่องจากอยู่ไกลกันมาก โจวลี่ตงไม่เห็นซูย้าว เธอยืนอยู่ที่นั่น ไม่รู้ว่าควรจะไปทักทายหรือสอบถามว่าเจียงจี้เซิงไปไหนอีกครั้งอย่างหยั่งเชิงหรือเปล่า แต่พอคิดถึงท่าทีก่อนหน้านี้ของฝ่ายตรงข้าม ก็ได้ล้มเลิกความคิดนี้ไป
ในขณะที่ยังเหม่อลอยอยู่ จู่ๆข้างกายมีแรงๆหนึ่งกุมข้อมือของเธอไว้โดยตรง ซูย้าวอึ้ง เงยหน้าขึ้นมาก็เห็นลี่เฉินซี
“ยังยืนเซ่ออยู่ทำไม? ไปสิครับ!” น้ำเสียงเรียบเฉยและสงบของเขา ราวกับรู้ความซับซ้อนทั้งหมดในใจเธอ
ลี่เฉินซีพาซูย้าวออกมา เขาไม่ได้ให้เธอขับรถ กลับกันได้ดึงมือของเธอไว้ ยัดเธอเข้าไปเบาะนั่งข้างคนขับโดยตรง จากนั้นตัวเองได้เดินอ้อมไปขึ้นรถแล้วขับรถจากไป
ทั้งกระบวนการใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาที ซูย้าวรู้สึกมึน “ลี่เฉินซี คุณกำลัง……”
“ผมกำลังช่วยคุณอยู่ไง!” เขากลับพูดออกมาอย่างมีคารมคมคาย
เธออึ้งอีกครั้ง “ช่วยฉัน? คุณช่วยฉันอะไร?”
ซูย้าวไม่สามารถเข้าใจได้จริงๆ เธอมีรถ ทั้งๆที่สามารถกลับบริษัททันทีแท้ๆ ต้องถึงขั้นให้เขาโผล่มากะทันหันและดึงตัวเองขึ้นรถจากไปเหรอ?
ลี่เฉินซีหันมามองเธอ เฝ้าดูความยุ่งเหยิงที่อยู่ในแววตาของผู้หญิงแล้วยิ้มอ่อนๆ เขาหมุนพวงมาลัยอย่างช้าๆ กระดุมเสื้อเชิ้ตของเขาปลดออกมาสองเม็ด ไหปลาร้าที่สวยงาม เซ็กซี่จนหลงเสน่ห์
“คุณอยากหาเจียงจี้เซิงไม่ใช่เหรอ? ถึงแม้เขาจะทำตัวลึกลับ แต่เป็นเลขาที่คอยติดตามอยู่ข้างกายเขามาสิบกว่าปี มีหรือที่จะไม่รู้อะไรเลย?” เขาอธิบาย
ซูย้าวเข้าใจแล้ว “คุณอยากให้ฉันจับตาดูโจวลี่ตงไว้ แต่ว่า……”
ยังพูดไม่ทันจบ เธอก็สังเกตเห็นรถยนต์สีดำที่อยู่ข้างหน้า ทะเบียนรถค่อนข้างคุ้น น่าจะเป็น……รถของโจวลี่ตงนั่นแหละ!
ลี่เฉินซีกำลังช่วยเธอสะกดรอยตาม……
พอหันมา ก็เห็นรอยยิ้มเรียบเฉยของผู้ชาย มุมปากที่ยกขึ้นเผยความนักเลงและความหล่อเหลาออกมา
ซูย้าวมองเขาที่เป็นแบบนี้ก็ยิ้มตามๆกัน
“แต่ว่า ทำไมคุณถึงมาอยู่ร้านค้าได้คะ?” เธอถาม
ลี่เฉินซีตั้งใจขับรถ สายตามองดูข้างหน้า กำลังจะขับเข้าอุโมงค์แล้ว จะปล่อยให้หลุดมือไปไม่ได้เด็ดขาด
“บังเอิญเฉยๆ ผมแค่ไปที่นั่นธุระนิดหน่อยเอง!” เชาพูดเรื่อยเปื่อย
เธอพยักหน้า “แต่ คุณคิดจะตามแบบนี้ถึงเมื่อไหร่คะ?”
“อันนี้……”
ลี่เฉินซีคิดๆแล้ว เขาเห็นโจวลี่ตงในขณะที่อยู่ร้านค้า เลยคิดได้ในชั่วขณะ ส่วนจะสะกดรอยตามนานเท่าไหร่ เขาไม่ได้คิดจริงๆ
เหมือนซูย้าวก็สังเกตเห็นจุดนี้ เธอหันไปจ้องเขา “คุณคงไม่ใช่ว่าไม่รู้มั้งคะ!”
“ฝ่ายตรงข้ามเป็นแค่เลขาคนหนึ่ง ผมจะไปรู้ได้ยังไงว่าเขาจะทำอะไร?” ลี่เฉินซีแก้ตัวเสียงเบา ใบหน้าที่หล่อเหลายังแฝงด้วยความน่าสงสาร
ซูย้าวถูกหน้าตาเขาหยอกจนขำ คือภาพลวงตาหรือเปล่า? ไม่นึกเลยว่าเธอจะเห็นหน้าตาของเตียวเตียวจากใบหน้าเขา
อาจจะเป็นความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันมาทั้งวัน เลยค่อยๆใกล้ชิดและห่างเหินกันมั้ง!
ซูย้าวหลบเลี่ยงความยุ่งเหยิงในสมอง แค่พูดว่า “ขอบคุณที่ช่วยฉันคิดหาวิธีดีๆนะคะ แต่ว่า คุณจอดที่ข้างทางดีกว่า! เรื่องแบบนี้ ฉันมอบให้คนอื่นมาทำก็พอแล้วค่ะ!”
เธอคอยพูด ลี่เฉินซียังคงไม่มีความคิดที่จะจอดรถอีกเช่นเคย ยังคงขับรถสะกดรอยตามต่อ กลับพบว่ารถคันข้างหน้าได้หักเลี้ยวและจอดลงมาที่หน้าคอนโดธรรมดาตึกหนึ่ง
โจวลี่ตงโอบผู้หญิงเดินลงมาจากรถ และโยนกุญแจรถโยนให้กับพนักงานรับรถอย่างเท่ห์ จากนั้นได้ดึงผู้หญิงเข้าไปข้างในอย่างพูดไปหัวเราะไป
ลี่เฉินซีที่สะกดรอยตามก็ได้ขับรถจอดที่หน้าวิลล่า สายตาที่ประหลาดใจมองไปตามเงาของผู้ชาย ริมฝีปากบางขยับเล็กน้อยพร้อมพึมพำคำหนึ่ง “เขามาที่นี่ได้ยังไง?”
ซูย้าวเงยขึ้นมามองวิลล่าของด้านนอก ถึงแม้จะดูอลังการ แต่เห็นได้ชัดว่าได้ผ่านลมผ่านฝนมาจนค่อนข้างเสื่อมโทรมแล้ว เป็นวิลล่าที่ธรรมดามาก ไม่มีจุดพิเศษอะไรเลย
“ที่นี่คืออะไรคะ? เป็นอสังหาที่โจวลี่ตงซื้อ?” เธอถามอย่างคาดเดา
‘อสังหา’คำนี้ ทำให้ลี่เฉินซีอดยิ้มร้ายๆไม่ได้ เขามองแววตาใสสะอาดของเธอแล้วถึงพูดว่า “ที่นี่ไม่ใช่อสังหาที่ใครๆก็จะสามารถซื้อได้ ที่นี่คือไนท์คลับ ถือเป็นไนท์คลับที่ไฮโซที่สุดของเมืองAแล้ว”
อีกอย่าง คนที่รู้สถานที่นี้มีไม่เยอะเลย
ตามฐานะของโจวลี่ตงแล้ว เกรงว่าคงเป็นลูกค้าของที่นี่ไม่ได้หรอก ดูท่า ในนั้นคงจะมีเงื่อนงำอยู่จริงๆ
ทางนี้ซูย้าวยังตะลึงงันอย่างดึงสติกลับไม่ได้ แต่ลี่เฉินซีกลับได้ลงจากรถเรียบร้อยแล้ว เขาอ้อมมาเปิดประตูรถ และยื่นมือมาที่เธออย่างสุภาพบุรุษ “ไปเถอะ พวกเราก็เข้าไปกัน!”
ซูย้าวอึ้งค้างไว้ “พวกเราก็เข้าไป?”
เวลานี้ เธอไม่อยากร่วมสนุกด้วยหรอกนะ
แต่เห็นได้ชัดว่าลี่เฉินซีมีท่าทีที่ตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว ใบหน้าที่หล่อเหลารอยยิ้มเรียบเฉยช่างอ่อนโยนและดูดี ฝ่ามือใหญ่ที่ดูแข็งแรงยื่นมาหาเธอ “มา อยู่กับผม ไม่ต้องกลัวหรอก!”
“……”
เธอก็ไม่ใช่ว่ากลัวหรอก แค่รู้สึกว่ามันไม่จำเป็น
แต่มองผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าและคิดๆแล้ว ก็ได้ยื่นมือให้เขา และตามมาด้วยเอียงร่างกายลงมาจากรถ