เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 40
บทที่ 40 รับกรรมที่ตนเองก่อไว้
ทางเข้าห้องน้ำ หานฉ่ายหลิงหยุดเท้าไว้
บทสนทนาภายใน บางเบา ราวกับพ่นงูพิษ เข้าไปในแก้วหูของเธอ
ซูย้าวได้รู้เรื่องของอาการแพ้ครั้งก่อนแล้ว เป็นฝีมือของซูหยวน แต่หานฉ่ายหลิงไม่รู้ คิดว่าเป็นเพราะร่างกายของตัวเองจริงๆ ที่ติดเชื้อภูมิแพ้บางอย่างโดยไม่ได้ตั้งใจ
ทันใดนั้น ราวกับมีบางสิ่งบางอย่างถูกเปิดออก เธอมองซูย้าวที่อยู่ระยะประชันชิดด้วยสีหน้าตกตะลึง ด้วยความโกรธอยากจะรีบพุ่งเข้าไปเผชิญหน้ากับพวกเขาโดยตรงจริงๆ
ดังนั้น หานฉ่ายหลิง ไม่รอช้า ตรงไปเปิดประตูห้องน้ำออก
ปั้ง!
เสียงที่ดังทำให้ผู้หญิงทั้งสองคนที่อยู่ข้างในต้องตกใจ ทันทีที่เห็นหานฉ่ายหลิงและซูย้าว ก็เงียบลงทันทีเหมือนจั๊กจั่นที่เงียบเวลาหนาว โดยไม่สนใจที่จะล้างมือ รีบออกไปจากห้องน้ำด้วยสีหน้าลุกลี้ลุกลน
เหมือนเห็นแผ่นหลังที่ตื่นตกใจของพวกเธอ หานฉ่ายหลิงโกรธจนคิ้วขมวด จากนั้นถึงจะพูดว่า “ซูย้าว เราถูกแอบคิดบัญชีเข้าแล้ว!”
ซูย้าวพยักหน้า ใบหน้าอ่อนๆ แสดงออกทางอารมณ์เล็กน้อย ไม่โกรธและไม่โมโห
“เราทำอะไรผิด ทำไมพวกเธอต้องมาแอบคิดบัญชีกับพวกเรา!” หานฉ่ายหลิงไม่ยอม ความรู้สึกของการถูกรังแก ความโกรธได้สะสมอยู่ในใจของเธอ
ซูย้าวเอื้อมมือไปปลอบ ลูบแขนเธอเบาๆ เพื่อไม่ให้เธอโกรธ
เธอกลับพูดว่า “บางครั้งต้องยอมใจเธอจริงๆ นิสัยดีจริงๆ และจิตใจดีมาก!”
หานฉ่ายหลิงยังคงรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ยังมีข่าวลือว่าเธอเป็น ‘โรคเซ็ก ชื่อเสียงของเธอเกือบจะถูกทำลาย!
ซูย้าวใช้ภาษามือ “ให้อภัยและอโหสิกรรม ยังไงเราก็ไม่ได้เป็นโรคแบบนั้นจริงๆ สิ่งที่สำคัญที่สุด คือพวกเราหายแล้ว ก็อย่าโกรธไปเลย!”
หานฉ่ายหลิงถอนหายใจ “เธอจิตใจดีจริงๆ เห็นแก่เธอ ครั้งนี้ก็ช่างมันเถอะ แต่หากครั้งหน้าซูหยวนยังสร้างปัญหาอีก ฉันจะไม่เห็นแก่หน้าใครทั้งนั้นอีกแล้ว!”
เธออดไม่ได้ที่จะยิ้ม รอยยิ้มจางๆ ของเธอราวกับสายรุ้งของฟ้าหลังฝน ช่างงดงามเสียจนไม่อาจละสายตา
หานฉ่ายหลิงก็ยิ้มเล็กน้อย หลังจากทั้งสองคนจัดการกับรอยเปื้อนไวน์แดงบนเสื้อ ถึงจะกลับไปห้องส่วนตัวอีกครั้ง
ห้องส่วนตัวขนาดใหญ่ เพราะการเข้ามาของทั้งสองคน ทันใดนั้นจึงเงียบสงบลงทันที
แทบจะไม่มีเสียงใดๆ
เคยมีคนได้กล่าวไว้ ว่าเวลาที่น่ากลัวที่สุดคือความเงียบกะทันหัน
เหมือนว่าซูย้าวจะความจำดีมาก ที่นั่งอยู่ ส่วนมากจะเป็นเพื่อนที่ดีกับซูหยวนมาก ในแวดวงนี้ หากจะพูดว่ากว้างก็ไม่กว้าง จะพูดว่าแคบก็ไม่แคบ แม้ว่าเธอจะไม่ค่อยได้เข้ามาแทรกแซง แต่ก็ค่อนข้างรู้สึกคุ้นเคยกับคนเหล่านี้
หานฉ่ายหลิงและเธอทั้งสองนั่งลงบนโซฟา จากนั้นคนข้างๆ ก็สนทนากันอย่างต่อเนื่อง มีคนหนึ่งที่ความสัมพันธ์ค่อนข้างดีกับซูหยวน จู่ๆ ก็ได้สังเกตเห็นแหวนในมือของเธอ ก็เอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า “หยวนหยวนหมั้นแล้วเหรอ? ทำไมถึงสวมแหวนล่ะ?”
“อันนี้เหรอ…” ซูหยวนค่อยๆ ยกมือขึ้นมา นิ้วเรียวขยับไปมาต่อหน้าผู้คน เพชรเม็ดใหญ่นั้นช่างสะดุดตาเป็นอย่างยิ่ง
ได้ดึงดูดความสนใจของทุกคนโดยธรรมชาติ
“เมื่อก่อนอันนี้คือเฉิน…”
ซูหยวนเกือบจะหลุดปากพูดคำว่า ‘พี่เฉินซี’ ออกมา แต่เพราะซูย้าวและหานฉ่ายหลิงอยู่ข้างๆ จึงต้องหยุดไว้ แล้วพูดว่า “ได้รับมาจากพี่ชายคนหนึ่งที่เคยตามจีบฉันเมื่อก่อน แม้จะไม่ได้เอ่ยถึงการหมั้นหมาย แต่การมอบหวานให้ ส่วนมากมักจะหมายถึงแบบนี้ใช่ไหมล่ะ!”
“แน่นอนอยู่แล้ว! เพชรเม็ดใหญ่ขนาดนี้ อีกอย่างความบริสุทธิ์ของการเจียระไนนั้นยอดเยี่ยมมาก!”
“ออกแบบโดยอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงใช่ไหม!”
ซูหยวนพยักหน้าซ้ำๆ แล้วยิ้มอย่างเสแสร้ง “แน่นอน เป็นผลงานการออกแบบของMekaraดีไซเนอร์ชื่อดังชาวอิตาลี!”
“ว้าว จ้างอาจารย์มาลงมือ ต้องมากกว่าแปดหลักแน่นอน หากเพิ่มเพชรเม็ดนี้เข้าไป ยังไงก็ต้องขึ้นหลักร้อยล้าน!”
ซูหยวนชอบให้คนอื่นมาอิจฉาเป็นที่สุด มองแหวนในมืออย่างมีความสุข สายตาเล็งไปยังซูย้าวที่อยู่ตรงข้าม และจงใจเพิ่มระดับเสียงให้ดังขึ้น และพูดว่า “น้องสาว เธอว่าหากผู้ชายคนหนึ่งรักเธอจริง ต้องยอมที่จะจ่ายเงินให้เธอ ใช่ไหม?”
ไม่รอให้ซูย้าวได้ตอบสนองกลับ คนอื่นก็ตอบกลับอย่างพร้อมเพรียงกันว่า
“นั่นก็แน่นอนอยู่แล้ว! ไม่ยอมออกเงินให้ จะเรียกว่ารักได้อย่างไร!”
“และความเป็นสามีภรรยากันก็เช่นกัน ใช่ไหม?” ซูหยวนพูดอีกครั้ง
คนอื่นๆ ยังคงตอบสนองกลับ
ราวกับการร่วมกันร้องเพลง ที่มีความสามัคคีให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี
“แล้วน้องสาว น้องเขยเคยส่งของขวัญอะไรให้เธอบ้างหรือเปล่า?” ซูหยวนจงใจลากเสียงยาว มองซูย้าวด้วยสายตาที่เขินอาย “ไม่ลองมาโชว์ให้พวกเราดูหน่อยสิ!”
ทันทีที่พูดออกไป คนอื่นๆ ที่เหลือ ก็เริ่มสนใจขึ้นมาโดยธรรมชาติ
สายตาของแต่ละคน จ้องมองไปที่ซูย้าว
มีบางคนไล่ถาม เพียงแต่เสียงแผ่วเบา แม้ว่าท่าทางจะดูไม่ให้เกียรติ แต่ก็ยังถือว่าพอได้ “คุณผู้หญิงลี่ บริษัทลี่ซื่อมีชื่อเสียงในด้านความร่ำรวย คุณชายลี่มีมูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์ ต้องมอบให้เธอแน่นอน ล้วนเป็นของล้ำค่าทั้งหมด!”
“เอาออกมาให้พวกเราดูสิ!”
ซูย้าวค่อนข้างอึดอัด แน่นอนว่าบริษัทลี่ซื่อร่ำรวย ไม่ผิดลี่เฉินซีมีมูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์ แต่มันเป็นของตระกูลลี่ ไม่เกี่ยวกับเธอ
ตั้งแต่ทั้งสองแต่งงานกันมา นอกจากแหวนวงนี้บนมือแล้ว เขาไม่เคยมอบของขวัญอะไรให้เธออีกเลย แต่เวลานี้ ควรพูดอย่างไรดี?
ผู้หญิงรวมตัวกัน หัวข้อที่พูดถึงมากที่สุด ไม่มีอะไรนอกจากเรื่องของผู้ชาย
ต่างอวดแฟน หรือสามีของตัวเอง ซูย้าวรู้สึกอึดอัดมากที่นั่งอยู่ตรงนั้น ขนทุกส่วนของร่างกายกำลังจะลุกขึ้นมา สีหน้านั้นกระอักกระอ่วน
ซูหยวนเห็นการเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าของเธอเล็กน้อย ยกริมฝีปากขึ้นยิ้ม และพูดว่า “ทำไมเหรอ? คงไม่ใช่ว่าแต่งงานกันมานานขนาดนี้ น้องสาวก็คลอดลูกแล้ว น้องเขยกลับไม่เคยมอบอะไรให้เธอเลยเหรอ!”
คนอื่นๆ แทบจะทุกคนพากันซุบซิบกัน
ซูย้าวรู้สึกอับอายตั้งแต่หัวจรดเท้า นั่งอยู่ตรงนี้รู้สึกได้ถึงการเยาะเย้ยและการดูถูกที่อยู่รอบๆ ตัว เสมือนดาบ ที่ทิ่มแทงหัวใจของเธออย่างรุนแรง
แต่เวลานี้ จู่ๆ หานฉ่ายหลิงก็เอ่ยปาก น้ำเสียงที่พูดขึ้น “ทำให้ทุกคนต้องหุปปาก
“ใครบอกว่าเฉินซีไม่เคยส่งของขวัญให้ซูย้าว?”
ทุกคนมองไปทางหานฉ่ายหลิง ซูหยวนถามขึ้นทันทีว่า “ส่งอะไรให้?”
“หุ้นส่วนของบริษัทลี่ซื่อ ยังมีบ้านหลังใหญ่และวิลล่า รถที่มีชื่อเสียงและรถสปอร์ต มีเกือบทุกอย่าง มากเกินไป ซูย้าวนับไม่หมดเลยด้วยซ้ำ!”
หานฉ่ายหลิงไม่รู้ว่าลี่เฉินซีได้เคยส่งอะไรให้ซูย้าวบ้าง เพียงแค่เห็นคนจำนวนมากเช่นนี้มุ่งมาที่เธอ และต่อสู้กับความไม่ยุติธรรม
“ว้าว! ช่างแตกต่างกับคนร่ำรวยจริงๆ ของขวัญสุดหรูจริงๆ!”
คนอื่นๆ ต่างพาดันแสดงความอิจฉาออกมา พูดคุยกัน ทำให้บรรยากาศเริ่มผ่อนคลายลงไม่น้อย
ซูหยวนกลับรู้สึกไม่ค่อยพอใจ ดวงตามองไปมาท่ามกลางผู้คนมากมาย กำลังใช้ความคิดเพื่อหาเหตุผลที่จะขุดขุ้ยซูย้าวก็มีเสียงของหานฉ่ายหลิงดังเข้ามาในหูอีกครั้ง
“ได้ยินมาว่าผลงานที่ออกแบบโดยนักออกแบบชื่อดัง ต้องมีลายเซ็นของพวกเขาสลักไว้” ขณะที่หานฉ่ายหลิงพูด สายตากวาดมองไปที่แหวนของซูหยวน
คนอื่นๆ ก็มองไปทางเธอ
ซูหยวนไม่ได้คิดมาก จึงตอบกลับทันที “ใช่ แล้วยังไง?”
“สู้ถอดมันออกมา ให้เราได้ชื่นชมลายเซ็นของอาจารย์Mekara!” หานฉ่ายหลิงกล่าว
ซูหยวนชะงัก ภายใต้การหว่านล้อมของผู้คน บวกกับความยุยงในใจ จึงถอดแหวนในมือลงมา
คนที่นั่งอยู่ เป็นผู้หญิงชนชั้นสูงทั้งนั้น
เครื่องประดับที่หรูหรา เป็นที่คุ้นเคยกันมานาน การแยกแยะ ก็คุ้นเคยเป็นอย่างดี
มีคนหยิบมันขึ้นมา เพชรเปล่งประกายด้วยแสงห้าสีภายใต้แสง แต่หายังไง ก็หาลายเซ็นของอาจารย์Mekaraไม่เจอ
จากนั้น ก็มีคนเข้าอินเตอร์เน็ตเพื่อค้นหา
พบว่าแหวนเพชรวงนี้ เป็นเพียงการจำลองแบบการออกแบบของอาจารย์Mekara ปีก่อนยังได้ขึ้นศาลในข้อหาลอกเลียนแบบ
ซึ่งกล่าวได้ว่า ซูหยวนได้แหวนเพชรของปลอม ยังมาโอ้อวดที่นี่อีก!
จู่ๆ บรรยากาศที่น่าอึดอัด ก็สงบลงอีกครั้ง
ซูหยวนมองไปที่แหวนเพชรอย่างมึนงง แล้วมองสีหน้าของผู้คนอีกครั้ง และพูดไม่ออก ความโกรธทั้งหมดอัดอั้นอยู่ในใจ ใบหน้าแดงขาว ดูไม่ได้เท่าไหร่ก็ยิ่งดูไม่ได้มากเท่านั้น!
หานฉ่ายหลิงนั่งอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ สบตากันกับซูย้าว เผยรอยยิ้มอย่างสงบสุข