เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 407
บ้านใหญ่ตระกูลหลิน
หลินจิ้งซูโกรธจนกระหืดกระหอบ ไฟที่ลุกท่วมในใจจู่ๆได้พุ่งปรี๊ดขึ้นมา ดวงตาแดงก่ำจ้องผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าไว้ และโมโหจนตัวสั่น
ตั้งแต่เธอเรียนจบก็คอยติดตามอยู่ข้างกายพ่อ คอยสานต่อธุรกิจของตระกูล ช่วยจัดการงานของบริษัท ตลอดจนถึงตอนนี้ก็ใกล้จะสิบปีแล้ว
เพื่อธุรกิจของตระกูลหลินแล้ว ในช่วงเวลาที่ดีที่สุดเธอไม่มีความรัก ไม่มีสภาพการณ์โรแมนติก ละทิ้งผู้ชายที่รักที่สุด ละทิ้งการตัดสินที่จะเป็นศรีภรรยาและแม่คน ทุ่มกับงานสุดตัวและสุดหัวใจ เพียงเพื่อให้ตระกูลหลินเป็นไปตามระเบียบแบบแผน เพื่อเก็บบริษัทที่สมบูรณ์แบบให้ไว้น้องชายมาบริหารต่อในวันข้างหน้า……
ถึงทุ่มเทมากแค่ไหน เธอก็ไม่ใช่ผู้รับช่วงต่อที่พ่อพึงพอใจที่สุด ถึงเอาทุกอย่างเข้าแลก เธอก็ไม่สามารถกลายเป็นประธานกรรมการของกรุ๊ปหลินในวันข้างหน้า
ยังไงซะเธอก็คือผู้หญิง สลัดโชคชะตาที่ต่อไปอาจจะแต่งงานไม่ได้ ก็เหมือนที่ญาติๆพูดกันในเมื่อครู่ ถ้ากรุ๊ปหลินเป็นของเธอ พอเธอแต่งงานปุ๊บ กรุ๊ปหลินเปลี่ยนเจ้าของ เปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุลเป็นปัญหาที่ต้องเผชิญทุกเมื่ออยู่แล้ว
หลินจิ้งซูจะให้ฝันร้ายนี้กลายเป็นจริงไม่ได้
งั้นอารมณ์ของเธอก็เหมือนพ่อที่นาทีนี้นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย และกำลังต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บและเหลือเวลาอีกไม่นาน หวังแค่ว่าหลินโม่ป่ายจะสามารถสานต่อธุรกิจ กลายเป็นประธานคณะกรรมการของกรุ๊ปหลิน
แต่ว่า เนื่องจากเรื่องของตระกูลเถียน หลินโม่ป่ายถึงกับขอความช่วยเหลือจากอาสามอย่างเปิดเผย โอนหุ้น30%ของตนเองไปให้อย่างไม่แคร์อะไรทั้งสิ้น เพื่อแลกมาซึ่งการยอมไกล่เกลี่ยนอกศาลของตระกูลเถียน แลกมาซึ่งความสงบสุขของซูย้าว
“นายโตมากับเธอตั้งแต่เด็ก เป็นคนที่มีใจให้กันตั้งแต่เด็กๆ เป็นความรู้สึกที่ไร้เดียงสาไม่สงสัยและระแวงต่อกัน พี่ไม่ว่าอะไร เธอแต่งเข้าตระกูลลี่ก่อน ต่อมาหย่าร้างแล้วมีลูกสองคน ฐานะแบบนี้ไม่คู่ควรกับนายเลยด้วยซ้ำ แต่นายยังคงรักเธออยู่ ยอมทุ่มเทเพื่อเธอไปอเมริกาอย่างไม่แคร์สนใจอะไร ไปทีก็ห้าปีเลย ทั้งหมดนี้พวกเราก็ไม่ว่าอะไร……”
หลินจิ้งซูชี้น้องชายอย่างกระหืดกระหอบ จากนั้นได้พูดอีกว่า “แม้กระทั่งถึงนายแต่งงานกับเธอ พวกเราก็ยอมรับโดยปริยาย โม่ป่าย ตั้งแต่เล็กจนโต พี่ไม่เคยขออะไรนายเลย คุณพ่อก็เหมือนกัน ตอนนี้ไม่เพียงแค่พี่ที่ต้องการนาย ตระกูลหลินก็ต้องการนายด้วย!”
“นายเป็นคนของตระกูลหลิน ไม่ว่าอนาคตธุรกิจของกรุ๊ปหลินจะพังทลายหรือพัฒนาต่อไป ก็มีนายเป็นคนตัดสิน! ที่พี่พูดเมื่อกี๊นายจำไว้ให้ดี ถึงพี่ตาย พี่จะไม่มอบกรุ๊ปหลินให้กับคนอื่นๆที่นอกเหนือจากนาย!”
หลินจิ้งซูโกรธจนวิงเวียนศีรษะ ค่อนข้างทนไม่ไหวแล้ว จึงเตรียมหันหลังเดินขึ้นชั้นบน
สุดท้าย เธอยืนอยู่ที่บันได นึกอะไรได้ก็ได้พูดอีกว่า “หุ้น30%ของนายได้สูญเสียไปแล้ว ก็เท่ากับนายถูกถีบออกจากสนามแล้ว ถึงแน่ใจแล้วว่านายได้เป็นผู้สานต่อธุรกิจ นายก็ไม่มีสิทธิ์แล้ว!”
“นายเพื่อผู้หญิงคนนั้นแล้วยอมทุ่มทุกอย่าง แต่ทำไมดันต้องเป็นตอนนี้! เวลานี้ นายไม่รู้ว่าอะไรที่สำคัญที่สุดเหรอ?”
หลินจิ้งซูเจ็บใจที่ไม่สามารถหลอมเหล็กให้เป็นเหล็กกล้าได้ ยังไงก็คิดไม่ถึงว่าน้องชายที่ตนเองรักและประคบประหงมจะทำเรื่องที่โง่เขลาขนาดนี้ออกมา!
เธอไม่อาจจินตนาการ ตระกูลหลินในวันข้างหน้าจะเป็นยังไง วิกฤติที่อาจจะต้องเผชิญ และถ้าหลินโม่ป่ายอยากขึ้นนั่งบัลลังก์อีก จะต้องไปทำยังไง……
ฟังทุกคำตำหนิของพี่สาว หลินโม่ป่ายแค่ฟังอย่างตั้งใจ ไม่ได้มีการตอบโต้ใดๆ และไม่ได้แก้ตัวให้กับการตัดสินใจของตัวเองในก่อนหน้านี้สักคำ
เขายังจะพูดอะไรได้?
เพื่อซูย้าวแล้ว เขาคิดว่าทุกอย่างคุ้มค่าหมด แต่ว่า ตระกูลหลินในนาทีนี้ ตัวเองในนาทีนี้ เกรงว่าแม้แต่การปกป้องสุดท้ายที่ให้กับเธอก็คงจะทำไม่ได้แล้ว!
……….
นั่งเครื่องมาหลายชั่วโมง ซูย้าวได้มาถึงฟิลิปปินส์อย่างราบรื่น
จากนั้นได้เปลี่ยนมานั่งรถบัสรับส่งผู้โดยสารและเรือ ในที่สุดยามท้องฟ้ามืดก็มาถึงเกาะโคโลญ อยู่แถวเกาะBusuangaที่ตั้งอยู่ที่ตะวันตกกลางทิศเหนือของเกาะปาลาวัน เป็นเกาะเล็กๆที่ตั้งอยู่ที่ทิศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีระบบนิเวศทางทะเลที่เป็นธรรมชาติและดั้งเดิมที่สุด
ฟังคำบรรยายของไกด์ เธอเองก็ได้เสิร์ชหาข้อมูลเบื้องต้นที่เกี่ยวข้องกับที่นี่มาบ้าง ถ้าเป็นช่วงกลางวัน สามารถมองเห็นทะเลสีฟ้าคราม และสวนปะการังที่สามารถมองเห็นได้ทั่วทุกที่ เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ที่เหมือนความฝันที่สุด
จู่ๆเธอรู้สึกว่าเจียงจี้เซิงคนนี้รู้จักใช้ชีวิตจังเลย
ทุกปีจะจมปลักกับการทำงานอยู่สิบเอ็ดเดือน จากนั้นก็จะเจียดเวลาว่างออกมาหนึ่งเดือน และตัดขาดกับทุกอย่างของในประเทศ จากราชาของวงการธุรกิจ กลายเป็นนักท่องเที่ยวธรรมดาคนหนึ่ง เดินทางไปทั่วทุกแห่งของโลก ท่องเที่ยวสถานที่มากมายที่ทำให้คนหลงใหล เป็นการใช้ชีวิตอีกแบบหนึ่งจริงๆ
เพราะจะตามหาคน และไม่ใช่มาท่องเที่ยว ดังนั้นซูย้าวก็เลยไม่ได้มากับทัวร์
ยิ่งไปกว่านั้น ถึงจะท่องเที่ยวเธอก็ไม่ชินกับการมากับทัวร์
ซูย้าวเลือกโรงแรมแห่งหนึ่งและเปิดห้องโดยตรง เธอก็ไม่ได้เอากระเป๋าเดินทางอะไรติดตัวมาเลย มีแค่กระเป๋าเป้ที่ไม่ใหญ่ใบหนึ่ง ด้านในมีเสื้อผ้าที่เอาไว้เปลี่ยนไม่กี่ตัว
ตอนที่ดื่มกาแฟที่ชั้นล่างของโรงแรม เธอคิดอยู่ว่าเจียงจี้เซิงใช้ฐานะของนักท่องเที่ยวธรรมดามาที่นี่ ถ้าอย่างนั้นเวลาสอบถามกันขึ้นมา บางทีอาจจะสะดวกขึ้นเยอะเลย
เธอนั่งอยู่ที่นั่น จากนั้นได้เรียกพนักงานมาคนหนึ่ง หารูปของเจียงจี้เซิงออกมาจากมือถือพร้อมถามว่า “ไม่ทราบว่าเคยเจอผู้ชายคนนี้หรือเปล่าคะ พักอยู่ที่นี่ หรือไม่ก็เคยผ่านมา?”
“ผู้ชายคนนี้……” พนักงานดูรูปในมือถือเธอด้วยความแปลกใจ จากนั้นได้พยักหน้าอย่างมีความสุข “มีครับ มาตั้งแต่หลายวันก่อนแล้ว พักอยู่ที่ห้องสูทของชั้นบนสุด แถมยังใจป้ำให้ทิปเยอะมากเลยครับ!”
ซูย้าวหัวเราะและกล่าว‘ขอบคุณ’ จริงๆซะด้วย คนอย่างเจียงจี้เซิงไม่ว่าจะไปที่ไหน ล้วนบดบังรัศมีในตัวไว้ไม่อยู่ อยากตามหาก็ง่ายดี!
ในเมื่อหาคนเจอแล้ว และก็รู้ว่าพักอยู่ที่ห้องสูทของชั้นบนสุด งั้นก็จัดฉากว่าเจอกันโดยบังเอิญซะเลย จะได้ขจัดความสงสัยของเจียงจี้เซิง และสามารถเปิดใจอย่างไว ไม่แน่อาจจะลบล้างอคติได้โดยเร็ว
ซูย้าวคิดแบบนี้จึงได้จิบกาแฟคำหนึ่ง จากนั้นได้เรียกพนักงานคนนั้นมาอีกครั้ง
“ถ้าสะดวก คุณช่วยฉันจับตาดูกิจกรรมของคุณผู้ชายท่านนั้นหน่อยได้มั้ยคะ? อย่างเช่น เขาชอบไปทานข้าวที่ไหน ชอบไปจิบชายามบ่ายที่ไหนอะไรประมาณนี้ค่ะ” ระหว่างที่ซูย้าวพูด ก็ได้หยิบธนบัตรออกมาจากกระเป๋าหลายใบ
พนักงานจับเงินไว้ แต่ค่อนข้างสับสน และย้อนถามคำหนึ่งว่า “ได้อ่ะได้ครับ แต่ว่า คุณผู้หญิงคือ……”
“ฉันคือเพื่อนของเขาค่ะ แต่ฉันกับเขามีเรื่องผิดใจกันนิดหน่อย เลยคิดจะอาศัยโอกาสนี้เซอร์ไพรส์เขาค่ะ!” เธออธิบายไปมั่ว
พนักงานเข้าใจ จึงได้รับเงินเอาไว้ “งั้นได้ครับ! ผมรู้แล้วครับ!”
หลังคุยกับพนักงานเสร็จ ซูย้าวได้ขึ้นไปพักผ่อนที่ห้องอย่างอารมณ์เบิกบาน
เดินทางมาอย่างเหน็ดเหนื่อย เธออาบน้ำอย่างรีบร้อนก็หลับพักผ่อนเลย
แต่ไม่รู้เลยว่าห้องของด้านบน มีพนักงานเคาะประตู “คุณเจียงครับ เหมือนที่คุณคาดเดาเลยครับ มีหญิงสาวคนหนึ่งกำลังสอบถามข่าวคราวของคุณจริงครับ”
“หญิงสาวคนหนึ่ง หน้าตายังไง?”
ในห้องมืดสนิท ทันใดนั้นมีเสียงทุ้มต่ำของผู้ชายก้องมาไกลๆ
พนักงานคิดๆดูแล้ว เหมือนก็ไม่สามารถบรรยายหน้าตาของซูย้าวออกมาโดยตรง ได้แต่พูดว่า “เป็นผู้หญิงที่หน้าตาสวยมาก วันนี้เพิ่งเข้าพักที่โรงแรมครับ”
เจียงจี้เซิงที่ยืนอยู่ริมหน้าต่างตลอดแววตาขยับเล็กน้อย สองวันก่อนเขาก็ได้รับข้อความจากโจวลี่ตงแล้วว่าเขาอาจจะเผยที่อยู่ของตัวเองให้ซูย้าวโดยที่ไม่ระวังแล้ว
แต่คิดไม่ถึงเลย ว่าผู้หญิงคนนั้นจะตามมาอย่างยืนหยัดไม่ลดละจริงๆ……
“คุณเจียง ต้องการให้ผมทำอะไรมั้ยครับ?” พนักงานถาม
“ไม่ละ คุณทำได้ดีมากแล้ว! เธอให้คุณทำอะไร คุณแค่ทำตามก็พอ”
ผู้ชายค่อยๆหันหลัง แต่ห้องมืดมาก วิสัยทัศน์ที่มืดมนแยกแยะหน้าตาไม่ออกเลยด้วยซ้ำ
“บนโต๊ะมีตังค์ เอาไปเลย” ผู้ชายพูดอีกครั้ง
พนักงานกล่าว‘ขอบคุณ’ด้วยมารยาท พอเอาทิปเสร็จก็ได้ปิดประตูจากไป
ห้องที่กว้างใหญ่มืดสนิท เหลือแค่เจียงจี้เซิงคนเดียว เขาเอียงตัวพิงหน้าต่างไว้ ในมือถือแก้วไวน์แดงไว้ ของเหลวสีแดงสดกระเพื่อมไปมาอยู่ด้านใน
ลี่เฉินซีเอ้ยลี่เฉินซี ผู้หญิงของนายไม่ดูไว้ดีๆ ดันจะให้เธอมาที่นี่ โอเค ในเมื่อเป็นฝ่ายมาหาถึงที่เอง แล้วทำไมเขาจะไม่ยินดีไปทำล่ะ?
ในหัวนึกถึงข่าวคราวและข่าวลือต่างๆที่เกี่ยวกับซูย้าวในหลายปีนี้ มุมปากของเจียงจี้เซิงค่อยๆเผยรอยยิ้มที่จะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม ความเยือกเย็นได้ซ่อนอยู่ในนั้น