เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 409
“จี้เซิง ทำไมคุณก็ยังชอบปิดไฟห้องนอนอีกล่ะคะ?”
เสียงอ่อนหวานของอานซินเออร์ก้องมา สะท้อนอยู่ในห้องกว้างใหญ่อย่างไม่ขาดสาย
“ครั้งนี้ฉันพาเพื่อนมา เธออยากเจอหน้าคุณสักครั้ง จี้เซิง เห็นแก่หน้าฉันคุณเจอเธอหน่อย……”
อานซินเออร์ยังพูดไม่จบ ก็รู้สึกได้ว่าด้านหลังมีเสียงฝีเท้าก้องมา ซูย้าวกับเธอแทบจะหันหลังพร้อมๆกัน ไม่รอให้ไหวตัวทัน ทั้งสองรู้สึกแค่เจ็บจี๊ดที่ท้ายทอย พอดูละเอียดอีกทีหนึ่ง ตรงริมทางเดินมีผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ยืนอยู่สองคน กำลังจ้องทำร้ายพวกเธออยู่
“พวกคุณคือใคร? บุกเข้ามาที่ห้องของประธานเจียงโดยพาลการคือรนหาที่ตายเหรอ?” ผู้ชายคนหนึ่งคอยตำหนิด้วยเสียงทุ้มต่ำ
อานซินเออร์กุมท้ายทอยไว้ และพูดอย่างเกรี้ยวกราด “นายตาบอดหรือไง? ฉันคือใครก็ไม่รู้จักแล้ว? ฉันคือ……”
อานซินเออร์ยังพูดไม่จบ จู่ๆร่างกายไม่มีเรี่ยวแรงและส่ายไปมาล้มลงกับพื้น
ซูย้าวเห็นสถานการณ์แล้วอึ้ง นี่มันอะไรกัน?
ไม่รอให้ไหวตัวทัน เธอก็รู้สึกวิงเวียนศีรษะ ความเจ็บปวดที่ท้ายทอยไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไรแล้ว แต่ทุกอย่างของตรงหน้ากลับยิ่งอยู่ยิ่งพร่ามัว ร่างกายค่อยๆไม่ฟังคำสั่งการ นาทีที่ฟุบล้มลงไปก็ได้หมดสติไปด้วย
ชายสองคนนี้จ้องผู้หญิงที่สลบอยู่บนพื้น ได้ยกมุมปากขึ้นอย่างเย็นชาพร้อมทั้งหยิบมือถือออกมาโทรศัพท์
“คุณชายครับ มีผู้หญิงสองคนบุกเข้ามาที่ห้องของคุณชายครับ คนหนึ่งคือคุณซู ส่วนอีกคนคือคุณอานครับ”
ไม่รู้ว่าคนในสายสั่งการอะไร ผู้ชายแค่ใช้สายตามีเลศนัยกวาดผ่านผู้หญิงสองคน แล้วพูดอีกครั้งว่า “ครับ ผมรู้แล้วครับ!”
………
คืนนั้น ลี่เฉินซีก็ได้ปรากฏตัวที่เกาะโคโลญ
หลังจากส่งหานฉ่ายหลิงไปปารีสเสร็จ เขาก็ได้บินมาที่นี่โดยตรง ในเมื่อรู้ว่าเจียงจี้เซิงเป็นบุคคลอันตราย เขายังจะไว้ใจให้ซูย้าวมาคนเดียวได้ยังไง!
ห้องโถงของโรงแรม ผู้ชายหล่อเหลานั่งอยู่บนโซฟาหนังสีดำด้วยลักษณะท่าทางที่เผด็จการ ใบหน้าที่เย็นชา ความโกรธค่อยๆฟุ้งกระจายอยู่ทุกที่ สายตาเย็นเฉียบจ้องพนักงานที่อยู่ตรงหน้าไว้
ลี่เฉินซีเป็นคนหน้าตาหล่อเหลา ถึงนาทีนี้ขมวดคิ้วไว้แน่น แววตาลุ่มลึก แต่ยังคงหล่อจนเคลื่อนย้ายสายตาไม่ได้อีกเช่นเคย
พนักงานไม่รู้ฐานะของเขา แต่แค่รู้สึกได้จากคำพูดท่าทีและการแต่งกายว่า ลูกค้าที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน
พนักงานย่อมไม่กล้าดูแลไม่ทั่วถึงอยู่แล้ว พนักงานรีบโน้มตัวสอบถามอย่างมีมารยาท “คุณผู้ชายจะเช็คอินหรือเปล่าคะ?”
คำพูดนี้ ตั้งแต่ลี่เฉินซีมาถึงที่นี่ พนักงานได้พูดไม่น้อยกว่าสามครั้งแล้ว
เขาฟังจนเบื่อแล้ว
“ที่ฉันถามคุณ คุณฟังไม่รู้เรื่อง?” ลี่เฉินซีอารมณ์ฉุนขึ้นมาแล้ว
ผู้ชายที่แต่ไหนแต่ไรอยู่ในสนามธุรกิจเป็นคนเด็ดขาดและเผด็จการ เย็นชาไร้น้ำใจ ไม่ว่ากับคนหรือว่าเรื่องใดๆล้วนไม่ค่อยมีความอดทนเท่าไหร่ มีแค่เรื่องของคนบางคนที่สามารถเปลี่ยนแปลงเขาได้
แต่กลับกัน นาทีนี้คนคนนั้นยังดันไม่อยู่ที่นี่
ผู้ช่วยที่คอยติดตามอยู่ข้างกายหยิบรูปถ่ายของซูย้าวออกมาสอบถามพนักงานอีกครั้ง “คุณผู้หญิงท่านนี้เคยมาที่นี่หรือเปล่า? พักอยู่ห้องไหน?”
ก่อนหน้านี้พนักงานก็ดูผู้หญิงคนนี้ออกแล้ว ผู้หญิงคนนี้ก็คือผู้หญิงที่เจียงจี้เซิงให้ตัวเองช่วยจับตาดูในก่อนหน้านี้ แถมยังได้ให้ทิปตัวเองไม่น้อยด้วย……
ฝ่ายตรงข้ามกลอกตาไปมา จากนั้นได้รีบพูดว่า “ลูกค้าแต่ละวันของโรงแรมเรามีเยอะมาก ส่วนรายละเอียดเฉพาะเจาะจงว่าคือใคร ผมก็ไม่ค่อยรู้จักครับ หรือไม่คุณไปสอบถามที่หน้าล็อบบี้ดู?”
ผู้ช่วยส่วนตัวมองไปที่ลี่เฉินซี พอได้รับอนุญาตจากบอส ผู้ช่วยได้ถือรูปไปที่หน้าล็อบบี้
ดูเหมือนจะได้รับคำตอบลวกๆเหมือนๆกัน ผู้ช่วยกลับมาอีกครั้งอย่างจนปัญญา และกระซิบที่ข้างหูของลี่เฉินซีไปสองคำ
ลี่เฉินซีไม่รู้เป็นไร ทันใดนั้นก็ควบคุมอารมณ์ในใจไว้ไม่อยู่ เขาลุกขึ้นมาโดยตรง จากนั้นก้าวเท้ายาวเดินมาที่หน้าล็อบบี้อย่างไว
เขาไม่ได้พูดอะไร แค่โยนนามบัตรตัวเองไป
นามบัตรนั้นทำมาจากแพลทินัม ในสถานที่โดยทั่วไปไม่ต้องถึงขั้นใช้นามบัตรของเขา และมีคนน้อยมากที่ครอบครองนามบัตรของเขา
เหมือนพนักงานต้อนรับหญิงของหน้าล็อบบี้ยังไม่ค่อยใส่ใจสักเท่าไหร่ เธอหยิบขึ้นมาดูแว๊บหนึ่ง รู้สึกชื่อค่อนข้างพิเศษ พออ่านอยู่ในใจหลายรอบ ระหว่างที่ไม่ได้ตั้งใจเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้
ทันใดนั้นเธอมีสีหน้าตกตะลึง และมองมาที่ลี่เฉินซีด้วยความลนลาน “คุณคือ……ประธานลี่?”
ลี่เฉินซีเงียบกริบ
สีหน้าแววตาของพนักงานต้อนรับหญิงยิ่งตะลึงงันเข้าไปใหญ่ “คุณก็คือทุนใหญ่ของโรงแรมนี้?”
เคยได้ยินผู้จัดการพูดตั้งนานแล้วว่า กิจการขนาดใหญ่สิบกว่าโครงการที่อยู่ละแวกนี้ ล้วนเป็นกิจการที่นักธุรกิจท่านหนึ่งของเมืองAมาลงทุน ปีๆหนึ่งก็แทบจะไม่มาที่นี่เลย ลึกลับจนไม่อาจคาดเดา
ภายใต้การสอบถามของคนมากมาย ผู้จัดการเคยพูดถึงชื่อของลี่เฉินซีแค่ครั้งสองครั้งเอง เพราะจำค่อนข้างยาก แถมค่อนข้างพิเศษไม่เหมือนใคร แต่ก็ยังถูกคนจดจำไว้ได้อยู่ดี
คิดไม่ถึง จู่ๆวันนี้จะได้เจอบอสผู้ลึกลับ พนักงานต้อนรับหญิงแทบจะตกใจจนขวัญหาย เธอรีบเดินออกมาจากเคาน์เตอร์และก้มคำนับ “สวัสดีค่ะ ประธานลี่!”
ลี่เฉินซีไม่มีเวลามาพูดคุยกับเธอ และไม่อยากสอบถามเรื่องงาน แต่ได้พูดโดยตรงว่า “ห้องควบคุมกล้องวงจรปิดอยู่ไหน? พาผมไป!”
ระแวกนี้ไม่ได้มีแค่โรงแรมนี้โรงแรมเดียว
แต่มีแค่โรงแรมนี้โรงแรมเดียว ที่ไม่ว่าขนาดหรือว่าสิ่งอำนวยความสะดวกล้วนดีที่สุด คนอย่างเจียงจี้เซิงที่รู้จักใช้ชีวิตและรู้จักหาความสุขใส่ตัว ถึงแม้ถ่อนตนแค่ไหนก็ไม่กล้ำกลืนตัวเองแน่นอน
นี่ก็เป็นการคาดเดาของลี่เฉินซี แต่ก่อนหน้านี้ ผู้ช่วยของเขาก็เคยตรวจสอบโรงแรมอื่นอยู่ และแน่ใจว่าซูย้าวกับเจียงจี้เซิงต่างก็ไม่เคยปรากฏตัวเลย
งั้นก็เหลือแค่ที่นี่แล้ว
ยืนอยู่ที่ห้องควบคุมกล้องวงจรปิด เขาเปิดดูกล้องวงจรปิดของสองวันก่อน ดูกล้องวงจรปิดตัวที่ติดตั้งอยู่ในล็อบบี้สามารถดูออกว่าซูย้าวได้มาที่นี่จริงๆ แถมยังเข้าพักที่นี่ด้วย แต่ว่ากล้องวงจรปิดบันทึกไว้ถึงตอนกลางคืนเฉยๆ
สามารถมองเห็นอย่างชัดเจนว่าเธอเข้าลิฟท์ไปพร้อมกับอานซินเออร์
เพราะชั้นบนสุดคือโซนVVIP ย่อมไม่ติดตั้งกล้องวงจรปิดอยู่แล้ว และไม่ได้บันทึกของใดๆเลย
ลี่เฉินซีคิดไปคิดมา ก็ยังได้ให้พนักงานเอาคีการ์ดมา และไปดูที่ห้องของซูย้าวก่อน
เดินมาถึงหน้าห้อง เขาเคาะประตู
สิ่งที่ในหัวคิดมีแค่เดี๋ยวซูย้าวเจอตัวเองแล้วควรจะอธิบายยังไง แต่พอคิดไปคิดมา ตอนที่ผู้ชายเผชิญหน้ากับผู้หญิงที่ตนเองชอบยังจะเอาศักดิ์ศรีอะไรอีก พูดพล่ามสักสองสามก็โอเคแล้ว ถ้าเธอไม่เชื่อก็หน้าด้านไร้ยางอายสักหน่อยจะเป็นไรไป!
เพราะควรจะทำยังไง ก่อนหน้านี้ลู่ส้าวหลิงก็เคยสอนเขาแล้ว ส่วนใหญ่สามารถลอกเลียนแบบได้อยู่……
เคาะไปหลายที ในห้องก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆเลย
แม้กระทั่งเสียงก็ไม่ได้ก้องออกมาเลย
แปลกจัง หรือซูย้าวไม่อยู่?
ในกล้องวงจรปิดของโรงแรม ก็ไม่มีร่องรอยที่เธอลงมาข้างล่างและจากไปเลย!
ลี่เฉินซีรู้สึกมีเงื่อนงำ พนักงานเสนอความคิดเห็นว่าเอาคีการ์ดมาเปิดดูสถานการณ์ของด้านใน แต่กลับถูกเขาปฏิเสธ จู่ๆบุกเข้าไปที่ห้องของซูย้าว จะทำให้เธอไม่พอใจอย่างเลี่ยงได้ยาก
เขาคิดไปคิดมา ขึ้นไปดูชั้นบนดีกว่า!
เขาให้พนักงานนำทางมาถึงห้องของเจียงจี้เซิงที่อยู่ชั้นบนสุด
ยังคงเคาะประตูก่อนอีกเช่นเคย แต่เคาะไปประมาณห้านาที ด้านในก็ไม่มีเสียงตอบรับเลย เขาจึงส่งสัญญาณให้พนักงานเปิดประตู
เครื่องปลดล็อกและรหัสผ่านอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้กันโดยทั่วไป ได้เปิดประตูออกอย่างเป็นธรรมชาติ ด้านในมืดสนิท พอเปิดไฟถึงแน่ใจว่าแต่ละห้องไม่มีคนเลย
เห็นได้ชัดว่าเจียงจี้เซิงไม่ได้พักอยู่ที่นี่แล้ว
จริงซะด้วย ในรายการบันทึกของกล้องวงจรปิด หลังจากที่เจียงจี้เซิงออกไปก็ไม่ได้กลับเข้ามาอีกเลย แม้แต่กระเป๋าสัมภาระก็หายไปพร้อมกัน
เขาน่าจะไปจากที่นี่แล้ว
“ประธานลี่ครับ ดูท่าคุณเจียงน่าจะไม่ได้พักอยู่ที่นี่แล้วครับ ช่วงกลางคืนได้โทรศัพท์ไปเช็คเอ้าท์แล้วครับ” พนักงานเพิ่งได้ข้อมูลจากหน้าล็อบบี้
ลี่เฉินซีพยักหน้า ตอนที่กำลังเตรียมตัวจากไปพร้อมพนักงาน กลับพบเบาะแสบางอย่างที่หน้าห้อง
หัวมุมของหลังประตู มีเข็มฉีดยาอยู่กระบอกหนึ่ง……
เข็มฉีดยา?
ของแบบนี้ จู่ๆโผล่อยู่ในโรงแรม แถมยังอยู่ที่ห้องของเจียงจี้เซิง นี่หมายความว่ายังไง?
พนักงานมองของที่อยู่ในมือของเขาแล้ว อดพูดอย่างประหลาดใจไม่ได้ “หรือคุณเจียงก็เป็นขี้ยา?”
“……”
ลี่เฉินซีขมวดคิ้ว นี่มันแนวคิดอะไรเนี่ย!
คนอย่างเจียงจี้เซิงไม่แตะต้องของแบบนี้หรอก ดังนั้น มีแค่ความเป็นไปได้อย่างเดียว!
ซูย้าวมีอันตรายแล้ว!
ความคิดนี้แว๊บผ่านในหัว ลี่เฉินซีใช้เวลาอันรวดเร็วที่สุดในการลงมาชั้นล่าง และได้มาถึงที่ห้องควบคุมกล้องวงจรปิดอีกครั้ง เปิดรายการบันทึกทั้งหมดของกล้องวงจรปิดในสองวันก่อน
เขาจ้องคนที่เคยปรากฏตัวอยู่ในคลิปทุกคน สุดท้ายด้วยไหวพริบได้จับตาดูผู้ชายสองคน
พนักงานก็วิ่งเข้ามารายงาน “ประธานลี่ครับ ห้องของคุณซูทิ้งไว้แค่กระเป๋าสัมภาระเล็กใบหนึ่ง เหมือนไม่ได้กลับมาทั้งวันเลย……”
เป็นแบบนี้จริงๆด้วย!
ยิ่งเพิ่มน้ำหนักให้การคาดเดาของเขา เขาจ้องผู้ชายสองคนที่อยู่ในคลิป สังเกตเห็นตอนที่ทั้งสองไปจากลานจอดรถชั้นใต้ดิน ทั้งสองต่างก็เอากระเป๋าเดินใบใหญ่มากเป็นพิเศษไว้
นั่นก็หมายความว่า……