เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 434
หลังจากซูย้าวฟื้นแล้ว ก็พักรักษาตัวอยู่ที่มะนิลาด้านนี้อีกหนึ่งสัปดาห์ หลังจากแน่ใจว่าสุขภาพดีขึ้นไม่เป็นอะไรแล้ว จึงออกจากโรงพยาบาล
เริ่มต้นการเดินทางอีกครั้ง คราวนี้ เป้าหมายของเธอชัดเจน ก็คือต้องตามหาเจียงจี้เซิง เรียกรวมกันได้ว่า ‘ศัตรูใหม่กับความแค้นเดิม’ ต้องคุยกับผู้ชายคนนั้นซึ่งๆ หน้าให้รู้เรื่อง
เพียงแต่เรื่องด่วนที่ต้องจัดการในทันที กลับมีปัญหาสำคัญอันดับหนึ่งวางอยู่ตรงหน้า——
เจียงจี้เซิงออกไปจากมะนิลาแล้ว ยังไม่ครบกำหนดวันหยุดพักผ่อนหนึ่งเดือนของเขาเลย งั้น ตอนนี้เขาจะไปอยู่ที่ไหนล่ะ?
ก่อนออกจากโรงพยาบาล บาดแผลด้านหลังศีรษะของซูย้าวได้ทำการตัดไหมแล้ว แต่ยังต้องใส่ยาและทำแผลอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้นผมที่ยาวถึงเอวของเธอ จึงต้องตัดทิ้ง เปลี่ยนเป็นผมสั้นประบ่า เดิมทีผมของเธอหยักศกเล็กน้อย จึงรู้สึกเบาสบาย ดูสดชื่นขึ้นอย่างชัดเจน ท่าทางคล่องแคล่วปราดเปรียว มีเสน่ห์
อยู่โรงพยาบาลมาสิบหกวัน สำหรับซูย้าวแล้ว เรียกได้ว่ายากที่จะทนไหว เมื่อกลับมาถึงโรงแรม สิ่งที่เธออยากทำในทันที ก็คือแช่น้ำอุ่นให้สบายตัว
เพราะบาดแผลที่ด้านหลังศีรษะยังไม่หายอย่างสมบูรณ์ ห้ามโดนน้ำ ดังนั้นก่อนอาบน้ำ เธอจึงต้องเตรียมหมวกคลุมอาบน้ำไว้ให้ตนเองโดยเฉพาะ หลังจากสวมแล้ว ก็เพลิดเพลินกับการแช่น้ำอย่างเต็มที่
การแช่น้ำที่แสนสุขสบายจบลงแล้ว สวมเสื้อคลุมอาบน้ำออกมาจากห้องน้ำ สิ่งแรกที่เห็น ก็คือถุงของขวัญสองถุงที่วางอยู่บนโต๊ะน้ำชา
เธอเดินเข้าไปด้วยความอยากรู้ เปิดออก ก็พบชุดผู้หญิงสวยๆ ชุดหนึ่ง สไตล์และสีเป็นแบบที่เธอชอบ ในถุงที่วางข้างๆ กันเป็นชุดชั้นใน เมื่อหยิบออกมาดู ก็พบว่าไซส์พอดิบพอดี
ไม่ต้องคิดก็รู้เลยว่าของพวกนี้ใครเป็นคนเตรียมให้ เพียงแต่จนถึงตอนนี้ เขายังคงทำเช่นนี้ จริงๆ เลย……หัวใจที่สงบสั่นไหวขึ้นมาเล็กน้อย
ที่สำคัญ เสื้อผ้าพวกนี้ไม่ได้เพิ่งเตรียมในวันนี้ ทั้งหมดผ่านการซักทำความสะอาดมาแล้ว ได้กลิ่นน้ำยาซักผ้าอ่อนๆ เป็นกลิ่นลาเวนเดอร์หอมๆ ที่หอมเป็นพิเศษ
เธอลังเลเล็กน้อย แล้วหยิบเข้าไปในห้อง หลังจากเปลี่ยนแล้วก็ดูอยู่ที่หน้ากระจก กระโปรงทรงเอสีเทาอ่อน เสื้อเชิ้ตสีเรียบๆ กับเสื้อคลุม ในความเป็นทางการก็มีความสบายๆ อยู่เล็กน้อย ยังคงมีเสน่ห์ มองออกเลยว่าคนที่เลือกชุดรสนิยมไม่ธรรมดา
ซูย้าวอมยิ้มเล็กน้อย เดินออกไปจากห้องนอน ก็เห็นร่างสูงของลี่เฉินซี กำลังนั่งเอนตัวอยู่บนโซฟา เห็นเธอเดินออกมา สายตาที่ชื่นชมก็พิจารณาเสื้อผ้าของเธอ พยักหน้าด้วยความพอใจ “ไม่เลว สวยมาก!”
จู่ๆ ก็โดนเขาชม ใบหน้าที่สงบนิ่งของซูย้าว เหยเกขึ้นมาเล็กน้อย ก็ไม่ได้คิดจุกจิกในเรื่องนี้ เพียงแค่หลังจากเดินไปนั่ง จึงพูดขึ้นเบาๆ “ขอบคุณ”
“ห๊ะ? คุณว่าอะไรนะ?” เขาแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน
ซูย้าวมองเขา “คุณได้ยินแล้ว!”
“ห๊ะ? ได้ยินอะไร?”
เธอเชิดคางอย่างไม่พอใจ “ไม่ได้ยิน ฉันก็ไม่พูดซ้ำแล้ว!”
ลี่เฉินซีแอบอมยิ้ม พิงอยู่ตรงนั้น แล้วจุดบุหรี่ “เคยบอกแล้วไง คุณเป็นแม่ของลูกผม แล้วก็เป็นอดีตภรรยาของผม ไม่ว่าจะทำอะไรเพื่อคุณ ก็เป็นเรื่องสมควรอยู่แล้ว ไม่ต้องขอบคุณหรอก”
ดูเถอะ! ว่าแล้วเชียวเขาต้องได้ยิน
“แต่ฉันไม่ใช่ความรับผิดชอบของคุณ ครั้งนี้คุณช่วยฉัน ยังไงก็ต้องขอบคุณ” เธอพูดเบาๆ ไม่รู้ว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่เหมือนกับทำตัวสุภาพกับเขา ไม่ค่อยชินเลย
หรืออาจจะบอกว่า ปรับตัวไม่ได้สินะ!
บางทีพูดให้ถูกต้องอีกหน่อย คือทำตัวไม่ถูกนั่นเอง
“คุณคิดว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่แล้วงั้นเหรอ? ผมคิดว่าคุณใช่ คุณก็ต้องใช่!” ลี่เฉินซีเคร่งขรึม ท่าทางจริงจัง บนใบหน้าหล่อๆ กำลังคาบบุหรี่อยู่ ทั่วร่างกายล้อมรอบไปด้วยกลิ่นของความอันธพาล
ซูย้าวขมวดคิ้ว “นี่เป็นความคิดของคุณ อย่าเอาความคิดของคุณมายัดเยียดให้คนอื่น ได้ไหม!”
“ยัดเยียดให้คนอื่น? ผมฝืนใจคุณเหรอ?” เขาพ่นควันบุหรี่ ยิ้มเปล่งประกายเล็กน้อย
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามใจเย็น “ไม่ได้ฝืนใจฉันเหรอ?”
“ฝืนใจตรงไหน?” เขาถามกลับอย่างไม่ค่อยเข้าใจ คิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว จึงอธิบาย “คุณดูสิ ครั้งนี้คุณเกิดเรื่อง คุณเป็นฝ่ายโทรมาหาผมเพื่อยืมเงินใช่ไหมล่ะ? คุณบอกว่าจะให้ผมโอนเงินเข้าบัญชีหนึ่ง แต่ต่อให้ผมโอนแล้ว โจรเรียกค่าไถ่พวกนั้นจะปล่อยคุณอย่างซื่อตรงเหรอ? คงไม่ดีเท่าผมมาเอง จัดการพวกเขาให้สิ้นซากหรอก!”
“ขอร้องล่ะ โจรเรียกค่าไถ่พวกนั้นคุณก็ไม่ได้เป็นคนจัดการ เข้าใจไหม!” ซูย้าวจำได้อย่างชัดเจน ผู้ชายที่เป็นหัวหน้าคนนั้นเป็นคนจัดการลูกน้องด้วยตัวเอง ตอนที่เหลือเขาเพียงคนเดียว ตำรวจก็เป็นคนลงมือ
ลี่เฉินซีกลับยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ “นั่นก็เพราะไม่ได้ยั่วโมโหผมไง! อีกอย่าง ตอนนั้นผมก็ไม่แน่ใจว่าเขาทำร้ายคุณ!”
“แล้วยังไง?” เธอถามกลับ
“ไม่งั้น……” ลี่เฉินซีลากเสียงยาว นิ้วมือเรียวยาวกำลังคีบบุหรี่ สายตาเปล่งประกายความโหดร้ายกวาดสายตาไปที่เธอ น้ำเสียงมีเสน่ห์พูดขึ้นเบาๆ “คุณคิดว่าไงล่ะ? ผมจะรับมือกับสัตว์พวกนั้นยังไง?”
สัตว์ ? !
ใช้คำนี้บรรยาย น่าโมโหเกินไปหน่อยนะ!
มองออกเลยว่าสายตาของเธอผิดปกติเล็กน้อย ลี่เฉินซีจึงรีบพูดขึ้น “คงไม่ใช่เพราะว่าอยู่กับโจรเรียกค่าไถ่พวกนั้นสองวัน คุณถึงใจอ่อนให้พวกเขาแล้วนะ?”
ในทันที เขาก็เดาได้ถึงอะไร “อ้อ ผมรู้แล้ว เพราะผู้ชายที่ชื่อลู่เหมินคนนั้นจะพาคุณหนีไปใช่ไหม คุณก็เลยรู้สึกกับเขา……”
ยังพูดไม่ทันจบ ซูย้าวก็ตัดบทเขาอย่างรวดเร็ว “พูดเพ้อเจ้ออะไร?”
เธอเป็นผู้หญิงประเภทที่ชอบคนไปเรื่อยเปื่อยหรือไง?
ซูย้าวแค่รู้สึกว่าคนคนนั้น กับโจรเรียกค่าไถ่พวกนั้นถึงจะทำความผิดมหันต์ แต่ก็ไม่สมควรตาย อย่างน้อยที่สุดหลังจากโดนจับแล้ว ก็ใช้กฎหมายลงโทษพวกเขา
ช่างเถอะ อย่างไรเสียก็ตายกันหมดแล้ว คนผอมๆ คนนั้นที่รอดอยู่เพียงคนเดียวก็คงโดนตัดสินจำคุกนับสิบปี ยังจะคิดเรื่องพวกนี้คงไม่มีประโยชน์
“แต่ว่า ผมก็สงสัยมาก ไม่นึกว่าลู่เหมินจะชอบคุณ แล้วยังทำลายกฎระเบียบคิดจะพาคุณหนีไปอีก……”
ไม่ลังเลที่จะทำเพื่อเธอ ฆ่าลูกน้องทั้งหมดของตนเองอย่างโหดเหี้ยม
ผู้ชายที่ชื่อลู่เหมินคนนี้ ทำให้ตำรวจในพื้นที่ปวดหัวกับแก๊งนี้เป็นอย่างมาก การทำลายล้างในครั้งนี้ ก็ถือเป็นการสร้างความสงบสุขให้กับคนในพื้นที่ไปด้วย
มองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ สายตาที่เงียบงันของลี่เฉินซีสั่นไหว รอยยิ้มค่อยๆ ปรากฏขึ้น แสดงจุดประสงค์ที่ไม่ชัดเจน “ที่แท้ คุณก็มีเสน่ห์ดึงดูดผู้ชายขนาดนี้นี่เอง!”
“……”
ซูย้าวสีหน้าอึดอัด เธอก็ไม่ได้ตั้งใจนี่!
แต่ว่าคิดๆ ดูแล้ว ผู้ชายคนนั้นชื่อลู่เหมินนี่เอง ได้ยินชื่อกับหน้าตา เหมือนจะเป็นคนในประเทศ อันที่จริงยังรู้จักกับหลินโม่ป่ายด้วย
ตายไปแล้ว ก็ไม่สำคัญขนาดนั้นแล้ว
เธอมองออกถึงแววตาที่ซับซ้อนของลี่เฉินซี สูดหายใจเข้าลึกๆ ซูย้าวจึงเปลี่ยนเรื่อง พูดขึ้น “ใช่น่ะสิ ฉันก็แปลกใจมากเหมือนกัน! ที่จริงแล้วฉันมีเสน่ห์ขนาดนี้เลย!”
เห็นท่าทางเบิกบานของเธอ สีหน้าของลี่เฉินซีจึงอึมครึมขึ้นเล็กน้อย “คุณดีใจอะไร?”
“ทำไมถึงดีใจไม่ได้ล่ะ? นี่เป็นการยืนยันที่มีต่อหน้าตากับนิสัยของฉันอย่างหนึ่งเลยนะ! ไม่งั้นทำไมโจรเรียกค่าไถ่ที่จิตใจโหดเหี้ยม ถึงหลงรักฉันตั้งแต่แรกเห็นล่ะ?”
เธอท่าทางจงใจ อยากจะยั่วโมโหเขา
ลี่เฉินซียังคิดว่าท่าทีที่เธอแสดงออกมาเป็นเรื่องจริง ขมวดคิ้วแล้วพูดอย่างเย็นชา “คุณไม่เคยได้ยินเหรอ? คนสวยมักจะชีวิตอาภัพ! คนสวยมักจะทำให้เกิดเภทภัย!”
“เกิดเภทภัย? เรื่องงมงายทั้งนั้น! ตอนนี้เป็นโลกที่มองแค่เพียงใบหน้าแล้ว ผู้หญิงสวยๆ ไปไหนก็เป็นที่ต้อนรับ!”
ซูย้าวปากคอเราะราย ตอบโต้กลับไป ทำให้ลี่เฉินซีไม่รู้จะพูดอะไรดีเลย
เธอคิดๆ แล้ว จึงพูดเพิ่มเติม “เกือบลืมไป คุณเสียเวลาอยู่กับฉันที่นี่นานขนาดนี้ คุณหานคู่หมั้นของคุณ คงไม่หึงเพราะเรื่องนี้ใช่ไหม?”
เขาขมวดคิ้วขึ้นมาทันที “คุณอยากให้เธอหึง?”
“ฉันแค่เตือนคุณด้วยความหวังดี อย่าเป็นเพราะฉัน แล้วไปแตะต้องความขี้หึงของคุณหานอีก จะได้ไม่เจอเรื่องที่ไม่คาดคิดภายหลัง” เธอยิ้ม ท่าทางสง่างามพิงอยู่ตรงนั้น
ลี่เฉินซีกลับพูดไม่ออก ผู้หญิงคนนี้ โต้เถียงกับเธอ ตนเองเสียเปรียบจริงๆ !
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ “ก็ได้! เพื่อให้คู่หมั้นของผมไม่โมโหหึง งั้น ผมไปก่อนดีกว่า!”
ซูย้าวไม่ได้พูดอะไรอีก มองเขาที่ลุกขึ้นเดินออกไปข้างนอก แต่ตนเองยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น อย่างสงบนิ่งไม่เคลื่อนไหว
“เพียงแต่ ไม่ง่ายเลยที่ผมจะสืบหาแหล่งที่อยู่ของประธานเจียงได้ เดิมทียังหวังดีจะบอกคุณสักหน่อย ในเมื่อคุณเป็นอย่างนี้ คิดๆ แล้วคุณคงมีลู่ทางกับวิธีของตัวเองสินะ! งั้นผมเก็บความหวังดีนี้เอาไว้ดีกว่า!” จู่ๆ เขาก็พูดขึ้น
ซูย้าวดวงตาเป็นประกาย รีบลุกขึ้นด้วยสัญชาตญาณ “พูดๆ กันว่าคนดีต้องทำจนถึงที่สุด คิดจะทำเรื่องดีๆ ก็ต้องทำอย่างเต็มที่ ในเมื่อประธานลี่ครุ่นคิดอย่างรอบคอบเช่นนี้ ฉันจะมีเหตุผลอะไรที่ไม่ยอมรับน้ำใจจากคุณล่ะ?”