เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ - ตอนที่ 46
บทที่ 46 อย่าทำร้ายเธอ
ซูย้าวเป็นลูกสาวนอกสมรสของตระกูลซู และแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอไม่ใช่ซัวฉ่ายลี่ แต่เป็นคนอื่น
ในสังคมชั้นสูงนี่เป็นความลับที่รู้กันดี และเกือบทุกคนก็รู้เรื่องนี้
ดังนั้นซัวฉ่ายลี่จึงไม่ได้สนใจเธอ ทุกคนต่างก็คุ้นเคย จนเห็นเป็นเรื่องปกติ
ไม่ว่าหลินโม่ป่ายจะฟังสิ่งที่ใครเขาพูด หรือว่าจะเป็นการเดา ก็จับมือใครมาดมไม่ได้
แต่ประโยคนั้นก็ยังคงดังอยู่ในหู ปฏิกิริยาแรกของซูย้าวก็คือ การส่ายหัวอย่างรวดเร็วเพื่อเป็นการปฏิเสธ และพูดด้วยภาษามือว่า“ไม่ใช่แบบนั้น คุณเข้าใจผิดแล้ว!”
ก่อนที่จะสิ้นสุดการแสดงออกทางภาษามือ เสียงของหลินโม่ป่ายก็ดังขึ้นอีกครั้ง และในขณะเดียวกันก็จับแขนเธอ ด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย“ไม่ต้องซ่อนมันจากผมอีกแล้ว ย้าวย้าว คุณซ่อนมันจากผมมานานแล้ว อันที่จริง ผมก็เดาถูกมาตั้งแต่แรก เพียงแค่……”
แล้วเขาก็หยุดพูด
หลินโม่ป่ายในเวลานี้ สามารถพูดได้เลยว่ามีความรู้สึกมากมายเกิดขึ้น
ตั้งแต่เด็กจนโต เขากับซูย้าว เกือบจะเรียกได้ว่าเติบโตมาด้วยกัน นอกจากนี้ ทั้งสองครอบครัวก็ได้นัดหมายกันไว้แล้ว เขาจำเธอได้ และตกหลุมรักเธออย่างลึกซึ้ง
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการประกาศวันแต่งงานของซูย้าวและลี่เฉินซี หลินโม่ป่ายที่ทำงานอยู่ต่างประเทศ หลังจากที่เขาเดาเหตุผลหลายๆ อย่าง เขาก็ไม่สามารถยอมรับมันได้ แต่เมื่อกลับมา เธอก็ได้กลายเป็นคุณผู้หญิงลี่ไปแล้ว
ซูย้าวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และส่ายหัวอีกครั้ง
และพูดเป็นภาษามือว่า“มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด โม่ป่าย คุณเข้าใจผิดแล้ว!”
แต่เขากลับพูดว่า“ผมไม่ได้เข้าใจผิด ย้าวย้าว พวกเราเติบโตมาด้วยกัน ความรักที่มีมานานหลายปี ผมไม่เชื่อว่าจะเหตุผลอื่น ที่คุณจะเลือกไปแต่งงานกับคนอื่น!”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เธอก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้น
ซูย้าวถอนหายใจ และคิดอย่างรอบคอบ ก่อนจะพูดด้วยภาษามือว่า“โม่ป่าย คุณฟังที่ฉันพูดนะ——”
“ฉันรู้ว่าคุณดีกับฉัน แต่ฉันปฏิบัติต่อคุณในฐานะพี่ชาย ฐานะญาติ ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่เคยคิดว่าเมื่อพวกเราโตขึ้น จะต้องได้อยู่ด้วยกันจริงๆ และการแต่งงานของฉันกับเฉินซี ฉันก็ไม่ได้ถูกบังคับด้วย!”
เธอพูดความจริง
ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ เป็นหลินโม่ป่ายที่แอบรักเธอฝ่ายเดียวมาตลอดหลายปี ซูย้าวไม่เคยให้การตอบกลับใดๆ ในทุกครั้งที่เขาสารภาพกับเธอ เธอก็จะปฏิเสธทุกครั้ง
เขาไม่รู้เหตุผลในตอนแรก แต่การที่เขาคิดแบบนี้ มันไม่ค่อยจะเข้าท่าเลย
สีหน้าของซูย้าวรู้สึกอึดอัด และยังคงส่ายหัวต่อไป ปฏิกิริยาดังกล่าว ยากเกินความเข้าใจของหลินโม่ป่าย
รู้จักกันมานานหลายปี ไม่ว่าจะเจอกับปัญหาอะไร ก็จะคิดให้รอบคอบก่อนเสมอ เธอไม่ใช่เป็นผู้หญิงที่ใจร้อน เว้นเสียแต่ว่า……
ทันใดนั้น เขาก็เดาได้อย่างชัดเจน
หลินโม่ป่ายมองไปที่เธอด้วยความประหลาดใจ ร่างกายของเขาแข็งทื่อ ริมฝีปากซีดค่อยๆ เปิดออก“หรือว่า……”
“คนๆ นั้นที่คุณชอบมาโดยตลอด ก็คือ……เขา?”
ในตอนที่ถามออกไป เขาเห็นดวงตาของซูย้าวหยุดนิ่ง ไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้หรือส่ายหัวแต่อย่างใด และในตอนนั้น หลินโม่ป่ายก็รู้ได้อย่างชัดเจน
เป็นเวลาหลายปี ที่เธอปฏิเสธการยอมรับจากเขา ทั้งที่รู้ว่ามีใครบางคนซ่อนอยู่ในใจของเธอ แต่เธอก็ไม่เคยพูด และเขาก็ไม่เคยถาม
ทันใดนั้น หลินโม่ป่ายรู้สึกว่า สถานการณ์ของเขาน่าอับอายเล็กน้อย คิ้วหนาของเขามีรอยย่นปรากฏขึ้น และใช้เวลานานกว่าจะพูดว่า“คุณรักเขาจริงเหรอ?แต่……”
ไม่รอให้เขาพูดจบ ซูย้าวก็ใช้ภาษามือพูดว่า“ฉันรู้ว่าเขาไม่ได้รักฉัน และฉันก็รู้ด้วยว่าการแต่งงานครั้งนี้เป็นเรื่องตลก แต่โม่ป่าย ขอโทษด้วยนะ นี่เป็นสิ่งที่ฉันเลือก และฉันมีสิทธิ์ที่จะทำมันต่อไป”
แล้วเธอก็พูดเป็นภาษามืออีกว่า“ฉันก็หวังว่าคุณจะมีความสุข แต่คนๆ นั้น ไม่ใช่ฉันแน่นอน ขอโทษด้วยจริงๆ”
หลินโม่ป่ายปิดริมฝีปากอย่างไม่เต็มใจ แล้วยิ้มอย่างเฉยเมย“คุณไม่ต้องขอโทษผมหรอก เพราะคุณไม่เคยสัญญาอะไรกับผมอยู่แล้ว!”
เป็นเขาที่ต้องการเพียงฝ่ายเดียวมาโดยตลอด
แอบรัก รักข้างเดียว
ก็แค่นั้นเอง
ทำไมต้องขอโทษด้วย
แต่เมื่อมองไปที่ชายคนนั้น โดยเฉพาะดวงตาของเขา ความเศร้าที่ไม่มีที่สิ้นสุด หัวใจของซูย้าวบีบรัดแน่น และยังคงรู้สึกขอโทษ แต่ไม่รู้จะอธิบายออกมายังไง
หลินโม่ป่ายหันไปมองเธอ เมื่อคิดอย่างถื่ถ้วนแล้ว ในที่สุดก็ถอนหายใจออกมา“โชคดีที่คุณไม่ได้ถูกบังคับ แบบนี้ผมก็สบายใจ……”
น้ำเสียงที่อ่อนลง ก็ทำให้หัวใจของซูย้าว พลันสดใส!
เขาเป็นห่วงเธอ
กระแสน้ำอุ่นที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ผ่านเข้ามาในหัวใจอย่างช้าๆ
“ยังมีอีกเรื่อง แล้วตอนนี้แม่ของคุณอยู่ที่ไหน?หลังจากนี้ถ้าว่าง ผมจะตรวจร่างกายให้ท่าน คุณสบายใจได้เลย”หลินโม่ป่ายจำได้ว่า มารดาผู้ให้กำเนิดของซูย้าวจิตไม่ค่อยปกติ และถูกขังไว้ในที่พักฟื้น
แต่ที่พักฟื้นนั้นอยู่ที่ไหน ไม่มีใครทราบได้
เธอพยักหน้า และแสดงความขอบคุณด้วยการใช้ภาษามือ
“คุณไม่ต้องเกรงใจผมหรอก ย้าวย้าว ถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่ได้มีโชคชะตาร่วมกัน แต่ผมก็ยังหวังว่าคุณจะมีความสุข!”
หลินโม่ป่ายรู้ดีว่า ตราบใดที่เธอเลือกที่จะไม่หย่า หรือไม่ออกมาจากตระกูลซู และถึงแม้ว่าเขาจะชอบผู้หญิงคนนี้มาก แต่ก็ไม่มีความคิดอื่นอีกแล้ว
เป็นแค่เพียงเพื่อนที่เป็นห่วงที่สุด และเป็นเพื่อนที่พิเศษที่สุดก็พอแล้ว
ดวงตาที่สวยงามของซูย้าวลดต่ำลง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความเมตตานี้ เธอก็ไม่รู้ว่าจะยอมรับมันได้ยังไง
“ยาที่ผมให้คุณครั้งก่อน น่าใกล้หมดแล้วใช่ไหม!”ด้วยเหตุนี้ หลินโม่ป่ายจึงยื่นร่มให้เธอ แล้วหันกลับไปที่รถ หยิบถุงขนาดใหญ่ แล้วยื่นให้ซูย้าวอีกครั้ง
“นี่น่าจะเป็นจำนวนที่เพียงพอต่อหนึ่งเดือนพอดี ทานให้ตรงเวลาทุกวัน มันจะทำให้ลำคอของคุณดีขึ้น!”เขาพูดอย่างกำชับ
ซูย้าวถือถุงไว้ในมือ ด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง
รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ และรู้ว่าเขาลดความกระตือรือร้นลงแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะทำให้เขายอมแพ้ได้ยังไง
รู้สึกน่าละอายใจ
เมื่อการสนทนาสิ้นสุดลง หลินโม่ป่ายต้องการที่จะดูเธอตอนที่เข้าไปในวิลล่า ตัวเองถึงจะขึ้นรถแล้วออกไป ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกของรถดังขึ้นจากด้านหลังเขา
ฝนที่ตกปรอยๆ และลี่เฉินซีที่อยู่ในชุดสูทและรองเท้าหนังก็ลงจากรถ คนขับรถรีบเดินไปข้างหน้า รีบเข้าไปกางร่มให้
เมื่อซูย้าวเห็นลี่เฉินซีอีกครั้ง คิ้วของเธอก็ขมวดขึ้น
เพียงไม่กี่ก้าว เขาเดินก็เข้ามาใกล้ทั้งสองคน สายตาที่ลึกล้ำของเขาก็จ้องมาที่ทั้งสองคน แล้วก็เหลือบไปเห็นยาที่ซูย้าวถือไว้อยู่ในมือ รอยยิ้มปรากฏบนริมฝีปากสีจางเล็กน้อย รอยยิ้มนั้นเยือกเย็นเพียงใด ซูย้าวนั้นรู้ได้อย่างชัดเจน
ทันใดนั้น สายตาของลี่เฉินซีก็หันไปมองหลินโม่ป่าย“คุณหมอหลิน ศัลยแพทย์ชื่อดัง เริ่มให้บริการจัดส่งถึงบ้านแล้วเหรอครับ?”
คำพูดดูถูกและประชดประชัน มันชัดเจนมาก
ซูย้าวกระชับนิ้วจับถุงไว้แน่น
หลินโม่ป่ายหันกลับไปมองเขา แล้วตอบว่า“พูดถึงการส่งยาที่หน้าประตูบ้าน มันเป็นเรื่องสำหรับเพื่อนที่พิเศษเท่านั้น!”
“พิเศษ?”ลี่เฉินซีได้ยินคำพูดที่ตรงไปตรงมา และอดไม่ได้ที่จะพูดซ้ำอีกครั้ง“ภรรยาของผม มีอะไรพิเศษ ในสายตาของคุณหมอหลินเหรอ?”
“มีแน่นอน!”
หลินโม่ป่ายตอบอย่างตรงไปตรงมา และพูดเร็วจนแทบจะทับเสียงสุดท้ายของเขา โดยไม่ต้องคิดอะไรมาก ซูย้าวก็ตกใจทันที
“บางทีประธานลี่อาจจะยังคิดไม่ถึง แต่ในสายตาของผม ความสุขอยู่รอบตัว แต่กลับไม่รู้ว่านั่นคือความสุข”
เขาไม่ชอบการดูถูก แต่ใครบางคนก็ไม่อาจจะเข้าถึงได้
ปมด้อยแบบนี้ ฝังแน่นอยู่ในใจของทุกคน แต่บางคนก็แสดงออก และบางคนก็ซ่อนมันไว้ลึกๆ
ไม่รอให้ลี่เฉินซีได้แสดงอารมณ์ใดๆ หลินโม่ป่ายก็พูดขึ้นอีกครั้ง เพื่อจบบทสนทนาให้เร็วที่สุด
สิ่งที่เขาพูดคือ——ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าประธานลี่และซูย้าวจะมีความสุข แต่เรื่องสำคัญอันดับแรก อย่าทำร้ายเธอ
เมื่อมองดูเงาของชายคนนั้นที่ขับรถออกไป ดวงตาที่เย็นชาลำล้ำของลี่เฉินซี ค่อยๆต่ำลง และเริ่มซับซ้อนมากขึ้น